เราเคยรู้สึกเบื่อเอียนและเลี่ยนกับข่าวเกี่ยวกับสภาวะตลาดรถยนต์ในยุโรปตกต่ำพร้อมประดังประเดโหมทับด้วยข่าว
เศรษฐกิจตกต่ำสารพัดชนิด พร้อมทั้งแอบคิดในใจเบา ๆ ว่าสรุปสิ่งที่ได้ยินนี้มันจะมีทางแก้ไขหรืออุโมงค์ปลายทางให้พวก
เขาได้เจอทางออกกันอย่างจริงจังหรือไม่ เพราะบางเหตุการณ์ก็เป็นการพายเรือวนในอ่าง รู้แล้วก็รู้อีก และท้ายที่สุดก็ต้อง
รอเวลาให้มันแก้ปัญหาด้วยตัวของมันเอง ตามหลักธรรมชาติอย่างนั้น เปรียบเสมือนนำชะนีพันธุ์หายากกลับคลืนเข้าคืนสู่
ป่ารังเมื่อมนุษย์สำนึกได้เสียทีว่าจะต้องอนุรักษ์

alt

และเวลาที่เนิ่นนานถึง 2 ปีมันก็นำพาให้พวกเราได้ยลโฉมรถรุ่นใหม่จากงานมหกรรมรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี 2013
Frankfurt Motorshow 2013 เมื่อได้ยินชื่องานบางคนก็รู้สึกเฉย ๆ ว่ามันก็แค่นำรถรุ่นใหม่และรถต้นแบบมาอวดโฉม
แต่สำหรับค่ายรถที่ทำธุรกิจในยุโรปต่างพากันพนมมือ, กุมมือ, ภาวนา (ตามแต่ละศาสนา) เพื่อให้สถานการณ์ในยุโรปดี
วันดีคืนทีเถิด หากมีเหตุเกิดไม่คาดฝันก็อาจทำให้บางค่ายเกิดจุดสะดุดจนถึงขั้นปิดกิจการเลยก็เป็นได้ มันร้ายแรงขนาดนี้
กันเลยทีเดียว

ผู้ผลิตหลายค่ายจึงรอระดมไฮไลต์สำคัญที่จะทำให้ตลาดรถยุโรปผงกหัวขึ้นแบบเด่นชัดมากกว่านี้ เพราะอาศัยแค่รอ
จังหวะฟลุคลุ้นให้ตลาดขาขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ไม่สาแก่ใจพอแน่นอน เราจึงไม่แปลกใจว่างาน Frankfurt ปีนี้จึงมีขบวน
พาเหรดรถทุกประเภทให้เห็นหน้าตากันในงานนี้แบบนับไม่ถ้วน

งานนี้ผู้บริโภคถือว่าโชคดีได้รถรุ่นรุ่นใหม่แบบตะลึงลาน (คนละลานบินจอดหรือลานเกรียนบนหนังศีรษะที่ขึ้นบน
กระหม่อมบาง ๆ เพื่อเตรียมรองรับกระแทกโดยฝ่ามือผู้มีพระคุณ เมื่อทำกริยาไม่งามหน้า) แต่สำหรับสื่อมวลชนเห็นที
จะต้องดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยจัดลำดับความคิดรสชาติคล้ายถั่วต้มผสม M-150 มารับประทานบ้าง เพราะมันเยอะจนไม่รู้ว่า
จะนำเสนออะไรกันดี และกว่าจะเสนอหมดเห็นทีคงจะหมดพลังงานเสียก่อน

จนบางทีก็แอบคิดว่าค่ายรถแอบนัดหมายกันตูมเดียวกันหรือเปล่า? เราก็นั่งกรอกตา ขึ้น ๆ ลง ๆ ซ้ายขวา ๆ บี เอ ซีเลคท์
สตาร์ท พร้อมหยิบประโยคเก๋จากพี่โน๊ต เดี่ยว 10 ว่า “ก็ไม่รู้สิเนาะ”

Audi

แค่ค่ายแรกก็จัดเต็มอย่างตื่นเต้นกันแล้วด้วยการอวดโฉม Audi Nanuk Quattro Concept ฟังเผิน ๆ เหมือนยาเสพติด
“นุ๊ค” ในภาพยนต์ Robocop ช่วงต้นยุค 90s แต่รถคันนี้ก็น่าจะเป็นยาเสพติดได้เหมือนกัน แต่วิธีเสพคงไม่มีใครบ้าจะนำ
คาร์บอนไฟเบอร์จากรถต้นแบบคันนี้มาฉีดเข้าเส้น (หากท่านมีบุตรหลานที่อ่านรีวิวมอเตอร์โชว์นี้ โปรดชี้แนะด้วย
วิจารณญาณ) วิธีการเสพง่าย ๆ แค่ปล่อยใจและกาย และเพิ่งสายตามองที่มันอย่าช้า ๆ และเพ่งจิตพิจารณาว่ามันดี
อย่างไร

audi2

Audi Nanuk Quattro Concept เป็นรถต้นแบบสปอร์ตที่มีลุคแปลก ๆ เสียหน่อย คือมันเป็นรถที่กลิ่นสัดส่วน Retro
เตะจมูกและยังยกสูงพื้นตัวถังให้สูงเพื่อหนีสรรพสิ่งใต้ท้องรถ โปรดอย่าสงสัยเลยว่าทำไมกลิ่นมันไม่คุ้นความเป็น Audi
เพราะรถคันนี้ Audi ร่วมมือออกแบบกับ Italdesign Giugiaro ชื่อก้องโลก จุดเด่นสำคัญคือมันเป็นรถสปอร์ตคูเป้ที่ลุยได้
และว่ากันว่ารถต้นแบบคันนี้จะเป็นการต่อยอดมาจาก ItalDesign Giugiaro Parcour นั่นเอง

เพื่อมิให้เสียเวลา ไหน ๆ ก็เป็นเครือเดียวกันแล้ว Audi จึงขอหยิบยืมเครื่องดีเซลจาก Lamborghini V10 5.2 ลิตร เทอร์
โบคู่ 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุดสะท้านโลกที่ 1,000 นิวตันเมตรที่รอบต่ำกว่าอีโคคาร์เพียง 1,500 รอบเท่านั้น ฟังแล้ว โอ้
โหว เห็นทีพวกเราจะต้องกราบเบญจางคประดิษฐ์กับเทคโนโลยีสุดล้ำอย่าง Audi Valve System และระบบคอมเมนเรล
ที่มีแรงดัน 2,500 บาร์ ทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในไม่ต่ำกว่า 4 วินาที ความประหยัดที่ได้ยินแล้วตกใจ
มากแค่เพียง 30 MPG หรือ 12.75 กิโลเมตรต่อลิตร

audi3

ฟีเจอร์ที่หวนรำลึก Citroen Xantia เบา ๆ คือช่วงล่างถุงลมแบบปรับระดับใด ถามว่านึกถึง Xantia อย่างไร ก็คือมัน
สามารถปรับระดับความสูงของตัวรถเพื่อหนีถึง 3 มม. ซึ่งเป็นความสูงแค่น้ำกระฉอกจากท่าเรือพรานนกเท่านั้น ดังนั้นถ้า
คิดจะเอารถคันนี้หนีน้ำท่วมใหญ่เห็นทีจะไม่รอด

audi4

เมื่อเมียงมองรถที่อยู่ข้างเคียงกันก็รู้สึกว่า Audi น่าจะเป็นพวกเก็บกดไว้ในเบื้องจิต เพราะมีรถต้นแบบอีกคันหนึ่งจอดรอ
ท่าเพื่อให้สะดุดสายตานั่นก็คือ Audi Sport Quattro Concept รุ่นปี 2013 สีเหลืองมัสตาร์ดเคลือบแลคเกอร์ เอาล่ะ นี่
คือคำถาม? รถคันนี้มีความแตกต่างจากรุ่นปี 2010 อย่างไร

audi5

ได้เวลาหาคำตอบกันคือ Audi Sport Quattro Concept รุ่นปี 2010 เป็นการกำเนิดเพื่อฉลองวันเกิดครบรอบ 25 ปีของ
ระบบ Quattro อันทรงพลัง เพียงแต่รุ่นปี 2013 ก็จะถูกขัดเกลาเพื่อให้พร้อมออกโรงผลิตจริงได้ในอีกไม่ช้า และคาดว่าจะ
ให้ทันอายุครึ่งแซยิดของ Quattro ค่อนข้างแน่นอน

2013 Audi Sport Quattro Concept จะเปลี่ยนรายละเอียดงานออกแบบใหม่หมด จุดหลัก ๆ ก็เปลี่ยนช่องดักลมไฟตัด
หมอกหน้าใหญ่มาก, รายละเอียดโคมไฟหน้าสุดล้ำ, ส่วนด้านท้ายถูกออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ทำให้สลัดภาพความเก่า
ออก และทำการออกแบบช่องดักอากาศด้านข้างใหม่ ให้กลมกลืนและลงตัวมากกว่าเดิม รวมถึงการเปลี่ยนล้ออัลลอย
ขนาดโต 21 นิ้วลายใหม่

Audi ยังคงใส่ใจในรายละเอียดการใช้วัสดุเช่นเคยและเหมือนเคย ทั้งการใช้วัสดุอะลุมิเนียมในซุ้มล้อหน้าและประตูคู่หน้า
รวมถึงการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์คอมโพสิท (CFRP) อันเป็นวัสดุจากเทคโนโลยีใหม่ที่เริ่มนิยมใช้ในวงการรถยนต์ในแผ่น
หลังคาฝากระโปรงหน้าและท้ายของรถยนต์ต้นแบบคันนี้ ส่งผลให้ตัวรถมีน้ำหนักรวมอยู่ที่ 1,850 กก.

ส่วนรูปลักษณ์ภายใน มีการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน โดยเป็นการออกแบบที่ลดโทนให้ใกล้เคียงกับชีวิตจริงมากขึ้น
เน้นความเรียบง่าย และความชัดเจนของข้อมูล ด้วยการใช้มาตรวัดแบบดิจิตอล คอนโซลกลางเอียงเข้าหาผู้ขับขี่
และออกแบบให้มีปุ่มควบคุมน้อยชิ้น เน้นการควบคุมการทำงานผ่านระบบอินโฟเทนเมนต์ MMI

audi6

ขุมพลังที่ใช้ในรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้ ได้แก่ขุมพลังไฮบริด ผสมผสานเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทอร์โบคู่ TFSI
ขนาด 4.0 ลิตร 560 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตัน-เมตร เข้ากับมอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า ส่งผลให้
มีกำลังรวมสูงมากถึง 700 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุดสะใจ 800 นิวตัน-เมตร เชื่อมต่อกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
Quattro ด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จนทำให้สามารถทำตัวเลข 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลาเพียง 3.7 วินาที
ในขณะที่จิบน้ำมันเฉลี่ยได้ต่ำเพียง 40 กม./ลิตร ความประหยัดที่เรียกว่าอีโคคาร์ยังต้องกราบเข้ามาสวัสดี

เอียงคอมุมซ้าย 45 องศาก็เจอะของดีเข้าแล้ว นั่นก็คือ Audi A3/S3 Cabriolet รถตากอากาศสำหรับเศรษฐีวัยเยาว์ที่มี
เบี้ยหอยเยอะเกินกว่าคนปกติเขาจะมีกันและต้องการระบายเงินลงมาเล่นกับรถประเภทแปลก ๆ บ้าง และเราต้องยอมรับ
ในความกล้าของ Audi ที่กล้านำ A3 รุ่นตากอากาศมาเปิดตัวอีกครั้งในรถรุ่นใหม่

audi7

Audi A3/S3 Cabriolet ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานตัวถังซีดาน ทำให้มิติตัวถังที่ใหญ่ขึ้นในเกือบทุกมิติ ตัวรถมีความยาวอยู่ที่
4.42 ม.(เพิ่มจากเดิม 18 ซม.) กว้าง 1.79 ม. (เพิ่มจากเดิม 2 ซม.) ที่สำคัญคือการขยายระยะฐานล้อหน้า-หลังเป็น 2.6 ม.
ทำให้มีเนื้อที่วางขาสำหรับผู้โดยสาร ตอนหลังที่กว้างขึ้น และเพิ่มพื้นที่สัมภาระมากขึ้นอีก 60 ลิตร เช่นกัน แต่ใน
ขณะเดียวกัน กลับมีน้ำหนักน้อยลงถึง 50 กก.เมื่อเทียบกับโฉมที่แล้ว และมีความสูงน้อยลง 15 มม. เรียกว่ามาทั้งทีของให้
ได้ใหญ่ยาวก็พอ

ด้านรูปลักษณ์ภายนอก ใช้ชิ้นส่วนครึ่งคันหน้าร่วมกับตัวถังแฮตช์แบกและซีดาน เพียงแต่สัดส่วนของตัวรถจะดูเป็น
เหมือนกันผสานความยาวในแบบซีดานเข้ากับประตู 2 บานแบบแฮตช์แบก และมีการเสริมเส้นโครเมี่ยมจากเสา A-Pillar
ลากยาวจรดปลายแนวกระจกด้านข้างตัวรถ เสริมความรู้สึกหรูหราในสไตล์รถเปิดประทุน ในขณะที่ด้านท้ายเป็นการ
ออกแบบให้คล้ายคลึงกับตัวถังอื่นๆด้วยเช่นกัน

2014 Audi A3 Cabriolet ยังมาพร้อมกับหลังคาผ้าใบที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ จนสามารถพับ-กางออกมาในระยะเวลาต่ำ
กว่า 18 วินาที และสามารถทำงานได้ภายใต้ความเร็วสูงสุด 50 กม./ชม. และ Audi ยังคิดค้นออพชั่นเสริม ‘Acoustic
Top’ หลังคาผ้าใบพิเศษ ที่เสริมความหนาของตัวผ้า จนทำให้สามารถเก็บเสียงภายนอกไม่ให้รบกวนภายในห้องโดยสาร
ได้เป็นอย่างดี

ส่วนขุมพลัง เป็นการใช้ร่วมกันกับ A3 ตัวถังอื่นๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทัพเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อมเทอร์โบ TFSI ทั้ง
ขนาด 1.4 ลิตร 140 แรงม้า และ1.8 ลิตร 180 แรงม้า รวมไปถึงเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ เทอร์โบ TDI ขนาด 1.6 ลิตร 110
แรงม้า และ 2.0 ลิตร 150 แรงม้า ส่วนขาซิ่งต้องหันไปคบกับS3 Cabriolet ซึ่งเป็นการใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พร้อม
เทอร์โบ TFSI ขนาด 2.0 ลิตร 300 แรงม้า ช่วยสร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในระยะเวลาเพียง 5.4 วินาที

audi8

คันสุดท้าย ท้ายสุดคือ Audi A8 Minorchange ปรับโฉมเพื่อเอามาต้านกับ Mercedes-Benz S-Class โฉมใหม่ที่มี
กระแสมาแรงมาก (ดังในหมู่เศรษฐีระดับพันล้าน แต่เงียบเป็นเป่าสากในกลุ่มอื่น) ไหน ๆ Audi ก็รู้ตัวว่า A8 มีบอดี้ที่เก่า
เสียแล้วจึงหันมาประโคมสุดยอดเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อมาหักล้างกับเรือนร่างที่ไม่สะโอดองค์เสียแล้ว

รูปลักษณ์ด้านหน้า ที่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนทั้งหมด ตั้งแต่กันชนหน้าพร้อมกระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมแบบใหม่ ใช้เส้นสายที่
สะอาดตา ลดความยุ่งเหยิง เน้นความหรูหราด้วยแถบโครเมี่ยม ฝากระโปรงหน้าถูกออกแบบใหม่ให้เพิ่มมิติและเฉียบคม
กว่าเดิม ส่วนโคมไฟหน้าเป็นครั้งแรกที่ Audi นำเทคโนโลยี Matrix LED มาให้เลือกเป็นออพชั่นเสริม โดยประกอบไปด้วย
หลอดไฟ LED 25 ดวง ที่แต่ละดวงจะมีการคำนวณการทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อการส่องสว่างที่เหมาะสมในแต่ละสภาพ
การขับขี่

ส่วนระบบไฟเลี้ยว Audi นำเอาระบบหลอดไฟที่ทำงานจากด้านในไล่ไปยังด้านนอกของตัวรถ ทั้งในไฟเลี้ยวด้านหน้าและ
ด้านท้าย
ซึ่ง Audi กล่าวว่าจะช่วยทำให้เกิดความชัดเจนของสัญญาณไฟเลี้ยวแก่ผู้ร่วมถนนมากขึ้น ส่วนรูปลักษณ์ด้านท้ายมีความ
เปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน ทั้งกันชนหลังที่ออกแบบใหม่ เสริมความเรียบง่ายมากกว่าเดิม โดยถูกออกแบบให้เข้ากับ
ปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยมสันนอกจากนี้ 2014 Audi A8 ยังมีสีตัวถังใหม่ให้เพิ่มเติมถึง 5 สีด้วยกัน และมีออพชั่นล้ออัล
ลอยให้เลือกถึงขนาด 21 นิ้ว

ส่วนขุมพลังที่ Audi เตรียมมาใส่ให้กับ A8/S8 ก็ล้วนเป็นเครื่องยนต์ทรงพลังทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วยบล็อกเล็กที่สุด เครื่องยนต์
เบนซินแบบ V6 พร้อมเทอร์โบ TFSI ขนาด 3.0 310 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล V6 พร้อมเทอร์โบ TDI ขนาด 3.0 ลิตร
258 แรงม้าขยับมาเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ TFSI ขนาด 4.0 ลิตร 435 แรงม้า และเครื่องยนต์ดีเซล V8 พร้อม
เทอร์โบ TDIขนาด 4.2 ลิตร 385 แรงม้า โดยทำการตัดเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.2 ลิตรทิ้งไป ส่วนในรุ่น A8 L มาพร้อมกับ
เครื่องยนต์เบนซินบล็อกโตแบบ W12 สูบ ขนาด 6.3 ลิตร สร้างกำลังได้ 500 แรงม้า ในขณะที่รุ่น S8 จะได้ขุมพลังที่แรง
ที่สุดไป ได้แก่เครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทอร์โบ TFSI ขนาด 4.0 ลิตร 520 แรงม้า ที่สามารถทำตัวเลข 0-100 กม./
ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.2 วินาที

นอกจากนี้ A8 ยังมาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดให้เลือกใช้กันด้วย โดยเป็นการใช้เครื่องยนต์เบนซินพร้อมเทอร์โบ TFSI ขนาด
2.0 ลิตรผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า จนได้กำลังรวม 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 480 นิวตัน-เมตร โดยระบบ Hybrid
ของ A8 จะแบ่งการทำงานของเครื่องยนต์เบนซินไว้ที่ล้อหน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนล้อหลัง และ
สามารถแล่นด้วยพลังไฟฟ้าล้วนได้ไกล 3 กม. ทำความประหยัดน้ำมันเฉลี่ยได้ 15.8 กม./ลิตร

audi9

ส่วนภายในห้องโดยสาร เป็นการปรับปรุงการตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ โดยไร้การเปลี่ยนแปลงรูปทรงของคอนโซลหน้าแต่
อย่างใดและยังคงอัดแน่นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเหมือนเดิม ทั้งเบาะนั่งหุ้มหนังแท้พร้อมฟังก์ชั่นนวด เบาะ
นั่งด้านหลังปรับระดับได้หรือระบบปรับอากาศแบบ 4 โซน และการมีออพชั่นระบบความบันเทิงในรถจาก Bang &
Olufsen นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยมากมาย ทั้งระบบช่วยควบคุมเลน ระบบ Head-up Display
พร้อมระบบช่วยมองในสภาพกลางคืน เป็นต้น

ก็เรียกได้ว่าเปลี่ยนแปลงเพื่อการปรับตัวตามวิถีของยานยนต์โลก

BMW

bmw1

เราเริ่มได้ยินเสียงจากผู้ที่ติดตามข่าวสารรถยนต์หลายท่านว่าเริ่มมีความรู้สึกว่าหนักสะโพกเหลือเกิน ถามไปถามมาก็ได้
ใจความว่า พวกเขาต้องใช้ความอดทนใหนการรอคอยรถยนต์ตระกูล BMW i-Series มานานแสนนานเป็นอย่างมากเลย
เข้าทำนองว่านั่งนานจนรากงอกเสียอย่างนั้นไป เอาเป็นว่าในงานนี้ BMW ก็ได้เปิดตัว i8 เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงไม่
ติงนัง เพื่อเป็นการเสริมทัพให้กับรถนาครไฟฟ้า i3 ซึ่ง i3 ก็พยายามสร้างจุดขายเหนือกว่าแบรนด์รถพื้น ๆ ทั่วไป แต่ขายใน
ราคาสุดคุ้มจนต้องชำเลืองมองอีกทีว่ามันคือ BMW แท้หรือตัวปลอมกันแน่ เพราะขาย i3 แทบจะเสนอฟีเจอร์และของ
แถมเหมือน TV Direct โอ้ ซาร่า จอร์จจะมาช่วยแก้ปัญหากันเลยทีเดียว

bmw2 bmw3

BMW i8 เวอร์ชันขึ้นสายการผลิตจริงมีเส้นสายตัวรถไม่แตกต่างจาก i8 Concept มากนัก เพียงแค่ปรับกระชับสัดส่วน
เพื่อให้มนุษย์เรา ๆ ท่าน ๆ สามารถใช้งานได้จริง ดีไซน์ต่าง ๆ ก็ยังถือว่าเป็นสุดยอดรถสายพันธุ์สปอร์ต Supercar แต่พ่น
ไอเสียแบบปุ๋ย ๆ เท่านั้น ดื่มน้ำมันแบบจิ๊บ ๆ

ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ขุมพลัง Hybrid ที่จับคู่เครื่องยนต์สันดาปภายใน 1.5 ลิตร!!! ถึงบรรทัดนี้กรุณาอย่าเพิ่งช๊อกซีเนม่า ตี
อกชมลมพร้อมทั้งดิ้นลงไปกับพื้นว่าซื้อรถซะแพงมาก แต่ทำไมได้ความจุแค่เท่ากับเครื่อง Vios… เราจะต้องร้องเพลง
กรุณาฟังให้จบกันเสียก่อน คือเครื่องตัวนี้เป็นบล๊อกใหม่ 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังไม่แบเบาะ 231 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
320 นิวตันเมตร ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาบ้าง เมื่อผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 131 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เมื่อรวม
พลังกันแล้วก็จะแรงถึง 362 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 570 นิวตันเมตร ตบหน้าผู้ที่ปรามาสเครื่อง Hybrid แบบ 360 องศากัน
เลยทีเดียว ส่วนความประหยัดน่ะหรือ BMW i8 ก็สมควรเตรียมหัวเราะหึหึใส่รถอีโคคาร์ทั้งหลายด้วยอัตราสิ้นเปลืองแค่
เพียง 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรเท่านั้น

bmw4

ราคาจำหน่าย BMW i8 ก็แค่ 135,700 ดอลลาร์แพงที่สุดในสายการผลิตของ BMW ยุคนี้เลยก็ว่าได้ หากใครมีเงินเหลือ
ก็ลองซื้อมาให้แล้วนำให้พวกเรามารีวิวกันได้ครับ

bmw5

BMW X5 eDrive Concept ก็ออกมายั่วน้ำลายเศรษฐีที่รักความอเนกประสงค์แต่ทว่าก็ต้องการความประหยัดด้วย
เช่นกัน มันเป็นรถ Plug-in Hybrid ที่จับคู่เครื่องยนต์สันดาปภายใน 4 สูบเทอร์โบชาร์จจับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 95 แรงม้า
ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้าเพียวได้แค่ 30 กิโลเมตร ทำอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมงภายใน 7 วินาที ส่วนความประหยัดนั้นก็หัวเราะหึหึกันได้เลยเพราะประหยัดถึง 3.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร แต่
กว่าจะผลิตขายจริงคงต้องรอกันสักหน่อย

ตอนแรกก็คิดว่าจะปิดบูธ BMW สวย ๆ ด้วย BMW i8 แต่มีความรู้สึกว่าต้องมีของฝากนักแวนซ์กันเสียหน่อย เพื่อให้
ครอบคลุมกับผู้อ่านผู้มีพระคุณทุกกลุ่มเป้าหมายของเราจริง ๆ นั่นคือ BMW Bring C Evolution ที่หน้าตาเหมือน
Honda MSX125 ผสมพันธุ์กับรถแนวออโต้ทัวริ่งออะไรสักอย่าง

bmw6

BMW Bring C Evolution จะเป็นสกูตเตอร์ไฟฟ้า (ถ้าเรียกตามศัพท์การตลาดของบ้านเราคือ รถจักรยานยนต์เกียร์
อัตโนมัติ) ที่ให้คุณสมบัติการขับขี่เป็นยอด และมีความคล่องตัวในแบบสกูตเตอร์ มันมีกำลัง 15 แรงม้า แต่ถ้าอยากจะแรง
ขึ้นอีกมอเตอร์จะสามารถปั่นได้ถึง 45 แรงม้า นำพาเรือนร่างไปได้สูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วในการแวนซ์
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.2 วินาที สามารถเทียบชั้นพละกำลังกับรถจักรยานยนต์ที่มีความจุ 600 ซีซีได้ไม่ยาก
เลย

แต่รถไฟฟ้าก็คือรถไฟฟ้าวันยังค่ำ มันมีระยะทางวิ่งสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จประจุจากไฟบ้าน 4 ชั่วโมง มีระบบ
เก็บพลังงานจลน์จากการเบรค ก็สรุปว่ารถคันนี้น่าจะรอการพัฒนาต่อยอดกันต่อไป บรรดาแวนซ์ไฮโซอาจจะต้องรอสัก
ระยะหนึ่ง

Chevrolet

chevy1 chevy2

Bumblebee ออกโรงแล้ว! GM ยุโรปยกพลขึ้นบกยึดใจคนยุโรปด้วยการแนะนำ Chevrolet Camaro ตัวถังมาตรฐาน
และใหม่ล่าสุดที่ลงทุน Debut ในยุโรปด้วยตัวถังเปิดประทุนเพื่อให้รู้กันว่า Camaro ไม่ใช่ความฝันในโรงหนังอีกต่อไป แต่
มันนำพาให้พวกเขาเสียเงินซื้อความเท่และเก๋าของมันได้

chevy3

จุดสายตาจะต้องอยู่ที่ Chevrolet Camaro Convertible ก่อนใครเพื่อน มันก็มีความเท่และเก๋าตามแบบฉบับ Camaro
ตัวหลังคาพับเปิดปิดได้จะเป็นแบบผ้าใบเพื่อช่วยลดน้ำหนักตัวถัง ส่วนภายในห้องโดยสารก็ติดตั้งระบบ ส่วนพวงมาลัยก็
สหกรณ์กันหมด ใครชอบเรียกร้องสิทธิ์ความเท่าเทียมกัน Chevrolet เขาจัดให้แล้วครับ

Ford

ford2

ปีนี้ Ford อาจไม่จัดหนักจัดเต็มกับงานนี้มากนัก แต่อย่างน้อยก็เปิดตัวรถต้นแบบมินิแวนรุ่นใหม่ล่าสุด Ford S-Max
Concept ไม่ต้องมานั่งมโนภาพเลยว่ามันจะเป็นตัวตายตัวแทนของรถรุ่นใดกันแน่ มันก็คือร่างทรง(แบบไม่ต้องอัญเชิญ)
ของ S-Max ตัวต่อไปนั่นเอง

ford3

งานนี้ Ford S-Max Concept เน้นขายดีไซน์อย่างจริงจังด้วยการนำเสนอเทรนด์ใหม่ของรถมินิแวนอเนกประสงค์ ด้วย
การออกแบบโครงสร้างตัวถังให้มีความสปอร์ตปราดเปรียวราวกับเป็นแวกอนแนวสปอร์ต เมื่อเจาะรายละเอียดต่าง ๆ ก็
พบว่าด้านหน้ามีระยะยื่นมาก มีกรอบกระจกหน้าต่างที่เรียวแคบกว่ารถอเนกประสงค์ทั่วไปมาก ส่วนภายในห้องโดยสารก็
จะติดตั้ง FordSync เวอร์ชันใหม่ที่สามารถวัดการเต้นหัวใจของผู้ขับขี่ได้ หากการเต้นหัวใจล้มเหลวระบบก็จะเรียก
หน่วยกู้ภัยมาช่วยเหลือได้ทันเวลา

ford4

เครื่องยนต์กลไกลจะติดตั้งเครื่อง 1.5 ลิตร Ecoboost ไม่ได้บอกแรงม้า แต่ความแรงคงแรงกว่าซิตี้ 1.5 ลิตรอย่างมาก
แน่นอน ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรือเกลือยี่ห้อ Ford ไป

ford1

ความพยายามครั้งล่าสุดของ Ford Motor ที่จะจับกลุ่มลูกค้า Upper กว่า Mondeo ด้วยการจับจำ Mondeo มา
โมดิฟายด์ดุจดั่งเข้าวุฒิศักดิ์/นิติพล จนออกมา “เป๊ะ” ความเป๊ะที่ว่าคงไม่ใช่แค่ว่าสวยเป๊ะเท่านั้น เพราะ Mondeo ถือ
เป็นรถที่มีพื้นฐานการออกแบบมาดี แต่ความเป๊ะที่ว่าคงจะเป็นความหรูหราที่คุณรู้สึกสัมผัสได้ จากการปรับเปลี่ยน
รายละเอียดตัวถังภายนอก ประดุจดั่งขับ Aston Martin Wanna Be และภายในห้องโดยสารที่บุด้วยหนังลายตาราง
หมากรุกและผ้าขาวม้า

อ้อชื่อรถต้นแบบคันนี้คือ Ford Mondeo Vignale Concept ความหรูหราที่หวังว่าจะไม่กลับมาซ้ำรอย Edsel อีก
แน่นอน

Honda

honda1 honda2

และแล้วก็มาถึงค่าย H ตัวตั้งตรงจิตวิทยาคมกัน อย่าเพิ่งนึกว่า All New Honda Fit/Jazz จะมาโผล่ที่งานนี้ คงคิดผิด
เสียแล้วล่ะ เพราะ Honda กะจะเน้นขาย Civic Tourer โฉมใหม่ แม้เราจะมองเป็นรถแวกอนที่มีความสวยงามปราด
เปรียวมากที่สุดในตลาดยุโรป แต่เราก็ต้องซูฮกให้กับการออกแบบภายในที่ชาญฉลาดมาก ไม่ว่าจะเป็นเบาะหลังที่
สามารถพับเต็มรูปแบบได้เหมือน Honda Jazz เมื่อมองแพคเกจภายนอกก็พบว่าประตูคู่หลังใช้ร่วมกับรุ่น 5 ประตูไม่ได้
เลย และยังมีลูกเล่นหลังคาลอยได้ให้ช่ำสายตากันอีกด้วย แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าคันนี้ไม่มาไทยแน่นอน

Hyundai

hyundai1 hyundai2

ค่ายรถตัว H เอียง ๆ ที่เปิดตัวรถสวนทางกับค่ายรถ H ตรง ๆ นั่นก็คือ All New Hyundai i10 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมา
สำหรับตลาดยุโรปโดยเฉพาะ ถ้าเป็นตลาดพี่อินเดียเขาจะมาในชื่อ Grand i10 ที่มีบั้นท้ายไม่เหมือนกันเลย เรามาดู i10
ตัวใหม่สำหรับยุโรปกันดีกว่า ด้านหน้าก็ยังแบ๊ว ๆ ตามสไตล์ A-Segment แต่มีความโฉบเฉี่ยวที่เส้นสายด้านข้างทั้งหมด
โดยเฉพาะบานประตูหลังที่โฉบเฉี่ยวมาก ๆ จนไม่แน่ใจว่ามันจะอึดอัดเมื่อนั่งหลังหรือไม่

ส่วนภายในห้องโดยสารคงจะไม่ได้ล้ำแหกลูกตาเหมือนรุ่นพี่ มันจะมาในแนวแบ๊วเท่านั้นที่ครองโลก สิ่งที่ประเสริฐเลิศล้ำ
กว่ารถราคาถูกเกือบทั้งหมดคือการเล่นสีสันและใช้วัสดุที่มีพื้นสัมผัสที่มีราคามาก และที่สำคัญเบาะคู่หน้า/หมอนหนุนจะ
ไม่อัตคัตอดสูเหมือนกับเวอร์ชันอินเดียแน่นอน

แว่ว ๆ ว่า Hyundai มีแผนการจะเขี่ยบัลลังก์อันดับ 3 A-Segment จาก VW Up! ลง ถ้า Hyundai คิดจะโยนกระปุกกิม
จิอาละวาดใส่คู่แข่งแล้วล่ะก็ เห็นที VW อาจจะต้องกอดที่นั่งให้ดี ๆ อย่ามัวแต่เพลินรับประทานไส้กรอกเยอรมันเลย
ทีเดียว

hyundai3

ลูกค้าชาวไทยคนไหนที่อยากได้ต้องสวดมนต์เช้าเย็นเป็นประจำหลังอาหารทุกมื้อ เพื่อให้ Hyundai ดลจิตดลใจนำเจ้านี่
มา CKD ในประเทศไทย หากมาแล้วควรจะแก้บนสามเวลาอีกเช่นกัน

Infiniti

infiniti1 infiniti2

นาน ๆ จะมีการเผยโฉมรถรุ่นใหม่ระดับ Word Premier ในยุโรป มาครั้งนี้ไม่ธรรมดากับ infiniti Q30 Concept แค่ชื่อก็
บ่งบอกว่ามันจะต้องมาสู้กับพวก BMW 1-Series, Audi A3 และ Mercedes-Benz A-Class แต่จะมาทั้งทีถ้าขืนวันนา
บีเจ้าตลาดทั้งหลาย เห็นทีจะต้องเป็นไก่รองบ่อนที่โดนจิกตายคาสนามรถระดับหรูแน่นอน

infiniti3

ความโดดเด่นของ inifiniti Q30 คือการผสมพันธุ์เทียมของรถหลากตัวถัง ไม่ว่าจะเป็นรถแนวครอสโอเวอร์, คูเป้และ
แฮทช์แบค หลายคนฟังแล้วคงจะส่ายหน้าทันทีว่านั่นมันผสมกันเสร็จแล้วหรอ แต่ถ้านึกให้ดี ๆ ก็พบว่าพวกเขาเคยทำ
มาแล้วกับ Nissan Qashqai และ Juke เพียงแต่ว่ารถคันนี้ไม่ได้ยกพื้นสูงหนีน้ำท่วมอะไรมากมายนัก

ภายในห้องโดยสารที่น่าจะเป็นดีไซน์ใหม่ dissymmetric มีเส้นสายภายในที่ย้อนกันไปมาดูมีความสลับซับซ้อนยิ่งนัก แต่
ขอบอกไว้อย่างหนึ่งว่ารถคันนี้จะใช้พื้นตัวถังร่วมกับ Mercedes-Benz A-Class รุ่นใหม่

Jaguar

jaguar1

ความพยายามของ Jaguar คือการสร้างพื้นที่ใหม่ในตลาดรถหรูระดับโลก ถึงแม้บางรุ่นพยายามไม่วันนาบีกับเจ้าตลาด
โดยตรงแต่ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จอะไรมากมายนัก แต่เราก็ต้องยกน้ำชาชงเจือจางคารวะ 1 จอกที่ Jaguar ไม่ยอม
แพ้กับโชคชะตาที่มาเล่นงานได้ วันนี้ พวกเขาได้ออกรถต้นแบบเอสยูวีหรูใหม่ที่มีชื่อว่า Jaguar C-X17 Concept ความ
พยายามครั้งใหม่ในการเจาะกลุ่มเอสยูวีระดับหรู

jaguar2

สไตล์ลิ่งของมันจะเป็นการผสมผสานความเป็น Jaguar ยุคใหม่ และด้านท้ายจะนำดีไซน์ 2014 F-Type มาประกบเข้า
ด้วยกัน แต่มองบั้นท้ายอาจจะได้กลิ่นรถบางยี่ห้อก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะโชว์ในรถคันนี้คือพื้นตัวถังอลูมิเนียมใหม่ล่าสุด แต่
รถคันแรกที่จะเปิดตัวที่ใช้พื้นตัวถังนี้กลับเป็นรถซีดานรุ่นใหม่ในปี 2015 (ว่ากันว่าจะมาท้าชนกับ BMW 3-Series)

Kia

kia1

แค่ฟังชื่อรถต้นแบบ Kia Niro Concept ก็พาลทำให้นึกถึงชื่อดาราระดับออสการ์และชื่อเมืองต่าง ๆ ระคนกันไป หากจะ
เปรียบเทียบรถกับบุคลิคของคนคงจะเป็นดาราระดับดาวยั่วเสียมากกว่า เพราะงานดีไซน์ของ Kia Niro Concept มี
ความกร้าวกร้านในตัวของมัน ถึงแม้จะมีเส้นสายรวม ๆ เรียบ ๆ ไม่มีเส้นสะดุดสายตานักก็ตาม

kia2

Kia เปิดเผยแค่ว่ารถคันนี้มีความสำคัญในการกำหนดทิศทางของ B-Segment คันต่อไปซึ่งเราไม่แน่ใจว่ามันจะกลายร่าง
เป็นรถรุ่นอะไรกันแน่ แต่คิดว่าคงมาในแนวทางที่โหดขึ้นและมีบุคลิคเป็นตัวของตัวเองมากกว่าเดิม ที่แน่ ๆ วัสดุตัวถังมัน
วาวแบบสแตนเลสตราหัวม้าลายและประตูปีกนกที่ฝรั่งเรียกประตูขากรรไกรคงไม่ได้เห็นในรถคันจริงแน่นอน

Lexus

lexus1

ความรู้สึกแรกที่ Lexus ได้เปิดเผยโฉมรถต้นแบบ Lexus LF-NX Concept ว่ามันสายไปหรือเปล่ากับการเตรียมเปิดตัว
เอสยูวีพื้นฐานเก๋งรุ่นที่ 2 เพราะสมัยก่อน Lexus เคยเป็นหนึ่งในผู้นำเอสยูวีระดับหรู แต่พักหลังเริ่มเฟดตัวเองลงแล้วไป
บรรเลงเพลงรักกับกลุ่มรถซีดานทั้งนั้น จนปล่อยให้คู่แข่งรายอื่น ๆ ต่างพากันชิงเปิดตัวเอสยูวีสุดเจ๋งแย่งซีนจนทำให้
Lexus ตกขอบไป อย่างไรก็ตาม การกลับมาของ Lexus SUV ครั้งนี้ต้องไม่ธรรมดาระดับภัทราวดีเธียเตอร์อาจจะต้องอาย
ม้วนกันบ้าง

lexus2 lexus3

Lexus LF-NX Concept ต้นแบบครอสโอเวอร์ที่เกิดมาแย่งซีนความเด่นจากเอสยูวีระดับคอมแพคท์ด้วยกัน การออกแบบ
จะเน้นความ Aggressive ที่ยิ่งกว่า IS ทีเดียว เส้นสายด้านข้างจะมาในแบบ overstyle บ้างเพราะรถคันจริงจะไม่มีเส้นที่
คมสันชัดจริงขนาดนี้แน่นอน และแน่นอนว่าต้องชูประเด็นความเป็น Hybrid ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มจุดเด่นในการแข่งขันกับ
ตลาดที่ระอุขึ้นทุกวัน

สรุปรถคันนี้มีแนวโน้มที่จะเปิดตัวภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ถ้าใครชื่นชอบดีไซน์แบบผ้ายับพับไว้ก็ควรค่าแก่การรอคอยยิ่งนัก

Mercedes-Benz

mb1

บูธที่น่าจะทำให้งานนี้สั่นระริกหลายริกเตอร์คงหนีไม่พ้นบูธค่ายดาวสามแฉก Mercedes-Benz ที่ใจกล้านำ Concept S-
Class Coupe มาอวดโฉมวัดใจเศรษฐีกันว่าใครจะพร้อมควักเงินจ่ายเร็วที่สุดเมื่อมันเปิดตัว ดีไซน์ภายนอกขอยืนยันเลย
ว่าแตกต่างจาก S-Class Sedan พอสมควร นั่นก็อย่าลืมว่ามันจะต้องเป็นตัวตายตัวแทนของ Cl-Class อยู่

mb2 mb3

สไตลด์ด้านหน้าก็จะเป็น Benz สปอร์ตหลาย ๆ รุ่น ใบหน้าไม่มีอ้างอิงความเป็น S-Class Sedan แต่อย่างใด บางมุมทำ
ให้นึกถึง SLS AMG Gullwing ที่มีช่องดักลมหน้า แต่สิ่งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับเรานั่นก็คือดีไซน์ภายในเหมือนกับ
S-Class Sedan แต่ดูแพคเกจโดยรวมแล้วก็ไม่ขาดเกินแต่อย่างใด

เครื่องยนต์กลไกก็จะนำเครื่อง V8 4.6 ลิตร 449 แรงม้า พร้อมไฮไลต์เทคโนโลยีสุดล้ำที่ช่วยในการขับขี่หลายอย่างพร้อม
กัน

mb4

Mercedes-Benz GLA พูดกันง่าย ๆ มันก็คือ A-Class มายกสูงแล้วดัดแปลงบั้นท้ายเอา ฟังเผิน ๆ เหมือนเป็นจุดด้อยที่มี
ลุคสู้เอสยูวีแท้ไม่ได้ แต่ Mercedes-Benz ฉลาดมากที่ชูประเด็นของความคล่องตัว, แอโร่ไดนามิคและความประหยัด
น้ำมันเป็นจุดขายสำคัญ นักการตลาดค่ายนี้ฉลาดหลักแหลมที่สุดจริง ๆ

จุดขายสำคัญคือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา 4Matic ที่ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7G-DCT ที่สามารถ
กระจายแรงขับเคลื่อนระหว่างล้อคู่หน้ากับล้อคู่หลังแบบแปรผันเต็มที่ผ่านตัวดิสก์คลัทช์หลายชั้น แถมยังมีน้ำหนักระบบ
เบากว่าคู่แข่งอีกด้วย

mb5 mb6

ถึงแม้จะใช้ช่วงล่างจาก A-Class แต่ด้วยประสบการณ์การทำรถเอสยูวีมาอย่างยาวนานจึงมีการปรับปรุงช่วงล่างให้
เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ ตั้งแต่ขับรถในเมืองจนไปถึงขั้นบุกพื้นทราย, ตะลุยทางไม่เรียบได้

ออพชั่นความปลอดภัยพิเศษ Distronic Plus ที่ทำงานร่วมกับ COLLISION PREVENTION ASSIST PLUS ระบบจะ
เบรคให้เอง(รองรับความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เมื่อคำนวณแล้วว่าจะมีการชนเกิดขึ้นแน่

Mercedes-Benz GLA น่าจะมีแนวโน้มที่จะขายในบ้านเราสูงเพราะใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ A-Class และ CLA เยอะมาก ๆ ๆ

Nissan

nissan1 nissan2

บูธนี้น่าจะเป็นบูธรถตลาดเพลน ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับบ้านเราพอสมควรกับการเปิดตัว All New Nissan X-Trail ที่งาน
นี้เปิดตัวพร้อมกันกับอเมริกาที่ขายในชื่อ Nissan Rogue ซึ่งมันเป็นการผสมผสานของรถทั้ง 3 รุ่นรวมกัน ได้แก่
Qashqai+7, X-Trail และ Rogue รวมร่างมาเป็นคันนี้ สไตล์ลิ่งจะเป็นครอสโอเวอร์ยุคใหม่ตามที่ Nissan ถนัด แต่ก็มี
กลิ่น X-Trailness บางจุดให้พอรู้ว่ามีความเหลี่ยม ๆ บ้าง

nissan3

Nissan X-Trail โฉมใหม่จะถูกสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม CMF เข้าใจว่าน่าจะช่วยลดต้นทุน
จนนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาประโคมใส่เอาไว้เยอะมากพอสมควร ประเภท Active Ride Control ที่จะช่วยตรวจสอบพื้น
ถนนข้างหน้าพร้อมกับปรับช่วงล่างให้รองรับกัน อีกทั้งยังมีระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติให้ด้วย

สำหรับเวอร์ชันบ้านเราคาดว่าจะใช้เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตรและ 2.5 ลิตร ประกบคู่กับ CVT เจอกันมีนาคม 2014

Opel

opel1 opel2 opel3

Opel ลงทุนขุดหลุมชื่อเก่า Monza มาประทับบนเรือนร่างของรถต้นแบบสุดล้ำที่พวกเขาบอกกันว่าจะเป็นแนวทางการ
ออกแบบใหม่ของ Opel ไม่ว่าจะเป็นสไตล์, เทคโนโลยีและขุมพลัง หน้าตาที่มองแล้วมีตำแหน่งกระจังหน้าและไฟหน้านึก
ถึง Opel Adam แต่เกลาหน้าให้เฉียบคมขึ้น สิ่งที่น่าค้นหามากที่สุดก็คือการต้องจินตนาการล่วงหน้าว่ารถ Opel รุ่นใหม่
จะมีเส้นสายอย่างไรมากกว่า

Porsche

porsche1

porsche2

porsche3

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญในงานนี้ก็คงหนีไม่พ้น Porsche 918 Spyder คันจริงเปิดตัวในงานนี้ด้วย พร้อมกันนี้ยังสร้างสถิติ
ใหม่ด้วยการวิ่งรอบสนาม Nürburgring แค่ภายใน 6 นาที 57 วินาที เราต้องซูฮกให้กับขุมพลัง Hybrid ทรงพลังของมัน
แถมยังจิบน้ำมันแค่เพียง 3.3-3.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร สเปคขุมพลังค่อนข้างฮาร์ดคอร์กับภาพลักษณ์รถ Hybrid ด้วย
เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.6 ลิตร 608 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ลูก 286 แรงม้า รวมกันก็ได้ 887 แรงม้า!
สนนราคาที่ 845,000 ดอลลาร์เท่านั้นเอง

Renault

renault1

ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เราได้ยินข่าวคราวการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจรถยนต์ครั้งสำคัญถึง 2 เรื่อง ได้แก่
การตัดสินใจสร้างซับแบรนด์ Intiale Paris รถระดับแมสไฮเอนด์ที่น่าจะมาในลักษณะคล้าย ๆ กับ Citroen DS Series
และการเปลี่ยนตำแหน่งการตลาด Espace โฉมใหม่จากมินิแวนรุ่นเดอะให้กลายเป็นครอสโอเวอร์ที่สามารถบรรทุกคน 7

ที่นั่งได้

renault2

เราก็มีข่าวล่าสุดเกี่ยวกับย่อหน้าข้างบนมารายงานให้ทราบกัน งานนี้เป็นการจับรวม 2 กลยุทธ์ดังกล่าวมาปั่นเป็นคัน
เดียวกันนั่นก็คือ Renault Intiale Paris Concept

Renault Initiale Paris Concept คือการแสดงวิสัยทัศน์ใหม่ล่าสุดในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่จากค่ายข้าว
หลามตัด รูปร่างหน้าตาจะมาแนวครอสโอเวอร์รุ่นเดอะที่ทันสมัยแต่ไม่ล้ำสมัยจนหลุดโลก สัดส่วนของตัวรถดูเหมือนจะ
เน้นความอเนกประสงค์ของภายในห้องโดยสารค่อนข้างมาก ส่วนหน้าตาภายนอกก็จะได้รับแรงบันดาลใจจากรถยนต์
Renault ยุคใหม่

มีความเป็นไปได้สูงมากว่ารถคันนี้จะกลายร่างเป็น Renault Espace โฉมใหม่ที่ Renault ยืนยันว่าจะเปลี่ยนภาพลักษณ์
ใหม่จากมินิแวนใหญ่กลายเป็นครอสโอเวอร์รุ่นเดอะ เพราะนับวันยอดขายมินิแวนขนาดใหญ่ในยุโรปหดตัวลงจนไม่รู้จัก
จบจักสิ้น

Skoda

skoda1

หลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2009 เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมที่ Skoda จะเพิ่มความสดใหม่ให้กับ Yeti
รถยนต์ SUV รุ่นดังของตน ด้วยการเปิดตัวรุ่นปรับโฉม 2014 Skoda Yeti ออกมา เปลี่ยนหน้าตาให้เข้าธีมงานออกแบบ
เดียวกันกับพี่น้องร่วมค่ายอย่าง Rapid และ Octavia ก่อนจะนำไปโชว์โฉมอย่างเป็นทางการ ณ งานแสดงรถยนต์
Frankfurt Motor Show 2013 เดือนกันยายนนี้

รูปลักษณ์ด้านหน้าถูกปรับให้มีความโฉบเฉี่ยว เน้นเหลี่ยมสันมากขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยการถอดไฟตัดหมอกทรงกลมดวงใหญ่
พร้อมไฟหน้าจากรุ่นต้นแบบทิ้งไป แทนที่ด้วยไฟหน้า Bi-Xenon พร้อม LED ทรงเหลี่ยมสัน เน้นตัดมุมที่ขอบ ฝากระโปรงหน้า
ถูกออกแบบใหม่เน้นความโฉบเฉี่ยวด้วยเส้นสายที่เฉียบคมมากขึ้น และเปลี่ยนมาใช้กระจังหน้าที่เน้นคมสันมากขึ้นแทน อันเป็นเอกลักษณ์
งานออกแบบของสโกด้าในยุคปัจจุบัน ส่วนไฟตัดหมอกถูกย้ายตำแหน่งมาติดตั้งด้านล่างของกันชนหน้าเหมือนรถยนต์ทั่วไปแทน 
ในขณะที่ด้านท้ายเน้นไปที่การออกแบบโคมไฟท้ายใหม่ พร้อมหลอดไฟแบบ LED และออกแบบฝากระโปรงท้ายและกันชนท้าย
ใหม่ เพิ่มความเฉียบคมมากขึ้นเช่นกัน

smart2

นอกจากนี้ Skoda ยังปรับให้ Yeti มีคาแรคเตอร์ที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยการตกแต่งแบ่งลุคให้ตัวรถมี 2 บุคลิก ทั้งแบบ
เน้นขับขี่ในเมือง (คันสีขาว) และการลุยบนถนนออฟโรด (คันสีเขียว) โดยทั้ง 2 การตกแต่งไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงในงาน
วิศวกรรมตัวถังหรือระบบขับเคลื่อน แต่แตกต่างที่รูปโฉมล้วนๆ เช่น การกาบตัวถังสีดำ/สีเดียวกับตัวรถ กันชนหน้า-หลัง
สีดำ/สีเดียวกับตัวรถ เป็นต้น

skoda3

Skoda Rapid Spaceback รถแวกอนท้ายสั้นที่ยังพอบรรทุกของได้ เด่นที่หลังคากระจกสีชาแบบ Panaramic พร้อมกับ
การเปลี่ยนชิ้นกระจกฝาท้ายให้มีสีชาและยาวต่อเนื่องลงมาถึงขอบช่องทะเบียน ส่วนตัวถังสั้นป้อมแค่เพียง 4,303 มม. 
เกือบจะเท่ากับรถ B-Segment Sedan ส่วนใหญ่ของตลาด โดยรวมแพคเกจรถน่าสนใจทีเดียว แต่คงไม่ขายในบ้านเรา
ตามเคย

Smart

smart1 smart2 skoda3

Daimler AG ส่ง Smart FourJoy Concept ต้นแบบรถหน้าตาแบบเฟอร์บี้แต่นั่งได้ 4 คนไม่ประตูและหน้าต่างให้
อารมณ์เหมือนนั่งตุ๊ก ๆ บ้านเราเล็กน้อย ว่ากันว่ามันน่าจะเป็นร่างทรงของ Smart Forfour โฉมใหม่ ส่วนขุมพลังก็ไป
หยิบยืมจากรถต้นแบบ Fortwo Electric Drive ส่วนงานวิศวกรรมก็ยืนยันว่าจะเป็นรถขับหลังเครื่องวางหลังเช่นเคย ไม่
อุตริมาทำเป็นรถขับหน้าเหมือนรุ่นก่อนอีกต่อไป

Toyota

toyota1

มาถึงค่ายเจ้าตลาดเมืองไทยและเจ้าตลาดระดับโลก (แต่เป็นมวยรองบ่อนในยุโรป) อย่าง Toyota กันบ้าง คราวนี้ก็
เปิดตัว Toyota Yaris-R Hybrid Concept โปรดอย่าคิดว่ามันจะเป็นรูปโฉมเดียวกับ Yaris-L ในจีนและบ้านเราแต่มัน
เป็น Yaris โฉมระดับโลกที่เปิดตัวในปี 2010 มาแล้ว หากใครสังเกตไม่ออกเราก็จะบอก Hint ให้ว่า Yaris ใหม่บ้านเรา
ใหญ่ ยาว และมีหนวด

Toyota Yaris Hybrid-R Concept จะมาสยบพวกที่ชอบเมาท์มอยว่า Hybrid ไม่จี๊ดเท่ากับเทอร์โบเพียว ๆ หรอกนะ
Toyota จึงออกมาแสดงศักยภาพของพลัง Hybrid โดยหัวใจของความแรงในครั้งนี้ เป็นการผสานเอาเครื่องยนต์เบนซิน 4
สูบเรียง พร้อมเทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร ที่สร้างกำลังได้มากถึง 300 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร มาใช้
ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่วนล้อคู่หลัง เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 60 แรงม้า 2 ลูกที่ติดตั้งในดุมล้อหลังทั้ง 2 ล้อ ซึ่ง
สามารถเพิ่มพละกำลังของตัวรถให้แตะระดับ420 แรงม้าเลยทีเดียว ซึ่งหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้าทั้ง 2 ลูกนี้ คือการช่วยเพิ่ม
อัตราเร่งให้กับตัวรถเป็นหลัก

นอกจากนี้ ยังมีมอเตอร์ไฟฟ้าลูกที่ 3 ขนาด 60 แรงม้า ติดตั้งระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและระบบส่งกำลัง โดยมอเตอร์
ไฟฟ้าลูกนี้จะทำหน้าที่ช่วยปั่นกระแสไฟเข้าสู่แบตเตอรี่ ในขณะเดียวกัน ก็ทำหน้่าที่เสมือนระบบ Traction Control
ให้กับตัวรถไปในตัวเพราะในระหว่างการเร่งทำความเร็ว มอเตอร์ลูกนี้ก็จะช่วยส่งกระแสไฟไปยังมอเตอร์ของล้อคู่หลังอีกด้วย

ใครที่ยังคิดปรามาสรถคันนี้อีก เห็นทีจะต้องโดนสั่งสอนโดย Yaris-R Hybrid กันแล้ว

Volkswagen

vw1 vw2 vw3

Volkswagen Golf Sportvan มาในคราบรถต้นแบบโปรโตไทป์ร่างทรงของ VW Golf Plus แต่จะว่าไปถ้าใช้ชื่อนี้ในการ
ทำตลาดก็น่าจะเก๋ไก๋กว่าเดิมไม่น้อย ความเปลี่ยนแปลงของมันแน่นอนว่าเปลี่ยนทั้งหมดทั้งมวลไม่ให้เหลือเค้าเดิม แทบ
จะเรียกว่าไปจุติใหม่ขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม MQB ใหม่ล่าสุด สิ่งที่ VW สวนทางการออกแบบ
รถอเนกประสงค์คือการออกแบบกรอบกระจกหน้าต่างให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิม จนทำให้ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง
กว่าเดิมพอสมควร อัดนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาให้พอเป็นกระษัย แต่จะมาบ้านเราไหม? คงยากมากพอกับบอลไทย
ไปบอลโลกนั่นแหล่ะ

vw4

คันต่อมา e-Golf อืม โปรดอย่ามองหน้าผู้เขียนว่าทำไมต้องหยาบคายขึ้นต้นด้วยอี แต่มันเป็นชื่อรถว่า VW e-Golf จริง ๆ
ครับท่านผู้อ่าน เพื่อบ่งบอกว่านี่แหล่ะคือ VW Golf เวอร์ชันรถไฟฟ้าที่มีกำลัง 115 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร
มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 10.4 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะทางวิ่งสูงสุด
189 กิโลเมตร พร้อมวางจำหน่ายแน่ในปี 2015

Volvo

volvo1

Volvo Concept Coupe ถูกออกแบบด้วยแนวคิดการออกแบบร่วมสมัย ปลุกเส้นสายในอดีตมาประยุกต์เข้ากับรถยุค
ปัจจุบัน และที่สำคัญมันเป็น 1 ใน 3 รถต้นแบบที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง Scalable Product Architecture (SPA) ใหม่
ล่าสุด ดังนั้นจึงมีแนวโน้มว่ารถต้นแบบคันนี้จะถูกขัดเกลาให้กลายเป็น Volvo C70 ตัวต่อไปได้

Thomas Ingenlath รองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบกล่าวว่า Volvo Concept Coupe ไม่ใช่รถแห่งความฝันล้ำอนาคต 
แต่มันเป็นรถที่ถูกออกแบบเพื่อแสดงออกถึงคุณลักษณะพื้นตัวถังใหม่ที่สามารถรองรับการออกแบบอันโดดเด่นและเป็น
เอกลักษณ์ได้

จุดเด่นของการออกแบบ Volvo Concept Coupe คือมีสัดส่วนที่มีพลังเร้าใจ ด้วยการเลื่อนสัดส่วนกรอบกระจกหน้าต่าง
ทั้งหมดร่นไปด้านหลังทำให้ดูเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหลัง ผนวกกับบริเวณฝากระโปรงที่เตี้ยแบนและมีเส้นบ่าข้างที่ดูสง่า
งาม

volvo2

เอกลักษณ์ใหม่ของ Volvo Concept Coupe และน่าจะมีทีท่าว่าจะเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ Volvo รุ่นต่อไปคือการ
ออกแบบไฟ Daylight แบบ T-Shape, กระจังหน้าใหมที่ออกแบบให้ดูเสมือยว่าลอยได้และกรอบไฟท้ายทรงใหม่ซึ่ง
Thomas Ingenlath ก็ยืนยันว่าหน้าตาแบบนี้จะได้เห็นใน Volvo XC90 รุ่นใหม่

แรงบันดาลใจในการออกแบบรถต้นแบบคันนี้คงหนีไม่พ้น Volvo P1800 อันเป็นรถมรดกตกทอดความเป็น Volvo มา
จนถึงทุกวันนี้ ทีมดีไซน์จำเป็นต้องตกผลึกคุณค่าของ P1800 แล้วนำมาตีความใหม่ให้กลายเป็นรถรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้
หมายความว่าจะออกแบบแนวเรโทรอย่างที่บางคนเข้าใจผิดกัน

ดีไซน์แบบนี้เจอกันแน่ในรถยนต์ Volvo รุ่นใหม่นับตั้งแต่บัดนี้