รถสวย ๆ แบบนี้ KIA ทำได้แล้วครับ แต่ไม่ใช่ว่า KIA เพิ่งออกแบบรถสวย ๆ เป็นนะครับ เขาออกแบบรถสวยมานานแล้วอย่างน้อยตั้งแต่ปรับโฉมหน้า Face Of KIA ก็อยากให้ผู้รักรถยนต์ลองมองดูมุมใหม่ ๆ ของเขามากกว่าที่จะไปขุดคุ้ยอดีตที่เคยเป็นแบรนด์หัดเตาะแตะในตลาดโลก

Kia Magentis ถือเป็นรถ D-Segment ระดับเดียวกับ Toyota Camry,Honda Accord,Nissan Teana และ Hyundai Sonata ที่ไม่เคยโดดเด่นในตลาดโลกมาแต่ไหนแต่ไร ไร้ซึ่งจุดเด่นเป็นที่จดจำ

รถคันนี้มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันตามท้องถิ่น ตลาดเกาหลีใต้มีชื่อเรียกว่า Lotze ฟังดูหรูหราดี ตลาดอื่น ๆ ในโลกนี้จะใช้ชื่อว่า Optima ส่วนตลาดยุโรป อเมริกาเหนือใช้ชื่อเพราะและดีที่สุดคือ Magentis

 
 

หากย้อนประวัติเก่า ๆ ของ Magentis ก็พบว่ารุ่นล่าสุดที่เราชมอยู่ขณะนี้จัดเป็นเจเนเรชั่นที่ 3 นับตั้งแต่กำหนดบนโลกใบนี้ในปี 2000 เพื่อมาแทนที่ Kia Credos (ที่จับเอา Mazda 626 มาเขียนคิ้วทาปาก) แต่แค่ Magentis เจเนเรชั่นแรกก็โดนรัศมี Hyundai Sonata กลบเสียแล้วเพราะดีไซน์รถแทบทั้งคันดูคล้าย Sonata ไปเสียหมด ที่สำคัญ KIA ยังไม่สามารถหาอัตลักษณ์ของตนเองในรถระดับ D-Segment ได้เลย

Kia Magentis เจเนเรชั่นที่ 2 เปิดตัวปี 2005 KIA ก็เริ่มค้นพบแนวดีไซน์ที่เป็นของตนเองมากขึ้นเพียงแต่ความโดดเด่น โดดเด้งในตลาดรถโลกก็ยังเป็นหนทางที่ยาวไกลอยู่ดี แต่ยังดีที่เจเนเรชั่นนี้ทำให้ KIA สะสมประสบการณ์พัฒนารถระดับ D-Segment ไปอีกขั้น

โจทย์สำคัญของการพัฒนา KIA Magentis เจเนเรชั่นที่ 3 ก็คือทำอย่างไรให้คนตื่นตะลึงกับรถของตนเองมากที่สุด และนั่นทำให้ KIA ต้องมุ่งหน้าไปสู่แนวทางการออกแบบใหม่ ๆ ที่ชัดเจนและสวยงามน่าดึงดูดมากขึ้น

 
 

Mr. Peter Schreyer หัวหน้าทีมออกแบบ KIA ผู้ซึ่งเคยฝากผลงานการออกแบบใน VW Group มาก่อน เปิดเผยว่า KIA Magentis ใหม่เป็นรถที่สร้างความประหลาดใจให้ลูกค้าอย่างมากมาย เป็นรถที่ออกมาเกินความคาดหวังและจะเป็นมาตรฐานของการพัฒนารถต่อไป

การออกแบบ Magentis มาแปลกกว่าคู่แข่งสัญชาติอื่นและสัญชาติเดียวกันที่เน้นเส้นความบึกบึนมากกว่าความพลิ้วไหว หรือเส้นคมโฉบเฉี่ยว สัดส่วนของรถก็ดูจะเป็นรถแนวคูเป้ซีดานที่นิยมในหมู่รถหรู ๆ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่มีกระจกโอเปร่าด้านหลังก็ทำให้ตัวรถดูทึบหรือแข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง เมื่อพิจารณามิติของรถที่ทั้งยาวกว่า เตี้ยกว่า และกว้างกว่ารุ่นเดิม แค่นี้บุคลิคก็น่าสนใจแล้วครับ

คงต้องยกคุณงามความดีให้กับทีมออกแบบ KIA ในแฟรงก์เฟิร์ตจึงไม่น่าแปลกใจว่าสัดส่วนของรถจะดูเป็นรถยุโรปมากมายขนาดนี้ ส่วนการออกแบบภายในก็ใช้ทีมงาน KIA ในแคลิฟอร์เนียร่วมด้วย

เครื่องยนต์กลไกลใช้เครื่องบลีอก Theta II ฉีดเชื้อเพลิงตรงอันประกอบไปด้วยรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร, เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ และ Hybrid 2.4 ลิตร

ความแรงเจ้าเครื่อง 2.4 ลิตรมีความแรงมากถึง 200 แรงม้า และหากต้องการความโดดเด่นเหมือนเครื่อง V6 แต่ประหยัดน้ำมันจิ๊บ ๆ ต้องเลือกเครื่องบล๊อก 2.0 ลิตรเทอร์โบ 274 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

หากต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมต้องเลือกรุ่น Hybrid ที่จับวางเครื่องสันดาป 2.4 ลิตรและมอเตอร์ไฟฟ้าผนวกเข้าไว้ด้วยกันแม้จะไม่บอกรายละเอียดทางเทคนิคมากนัก แต่น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่ายกระบบขับเคลื่อนทั้งดุ้นจาก Hyundai Sonata Hybrid นั่นเอง ซึ่งใครที่ต้องการจะซื้อ ณ เดี๋ยวนี้คงต้องรออดใจสักปีหน้าครับ

โอกาสของ Kia Magentis/Optima ที่จะมาโลดแล่นบนท้องถนนประเทศไทย  คงจะทำได้แค่ฝันครับ