AAS Auto Service จำกัดผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Porsche ในเมืองไทยทำตัวสิงห์ปืนไวรีบนำเข้า Porsche Panamera ตามหลังประเทศจีนที่เปิดตัวที่แรกในโลกเพียงแค่ 5 เดือนเท่านั้น พร้อมให้เศรษฐีชาวไทยยลโฉมยนตรกรรมแนวใหม่ที่ Porsche ไม่เคยทำมาก่อน หวังดึงกลุ่มเป้าหมายแฟนพันธุ์แท้ Porsche แต่รักความสะดวกสบายไปในตัว

ปอร์เช่มีความภาคภูมิใจในการนำเสนอ “พานาเมร่า แกรนด์ ทัวร์ริสโม่ (Panamera Gran Turismo)”    ซึ่งเป็นรถสปอร์ต GT (Gran Turismo)  แบบ 4 ประตูคันแรกในประวัติศาสตร์ของปอร์เช่  พานาเมร่านับเป็นรถในสายการผลิตรุ่นที่ 4  ของปอร์เช่ต่อจาก  911, Boxster/Cayman  และ Cayenne ที่ไม่เพียงสร้างมาตรฐานให้กับรถในระดับเดียวกันด้วยสมรรถนะในการขับขี่และประสิทธิภาพที่เหนือชั้นกว่าเท่านั้น  แต่ยังเพิ่มมาตรฐานความสะดวกสบายส่วนบุคคลและคุณสมบัติพิเศษเฉพาะด้าน  

แบบและรูปลักษณ์ของ พานาเมร่า :  
ปอร์เช่ทุกมุมมอง…ภายใต้ความกลมกลืนเฉพาะที่มีเพียงหนึ่งเดียว

ทีมนักออกแบบของปอร์เช่ ประสบความสำเร็จในการทำให้พานาเมร่า เป็นรถรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์ความโดดเด่นเฉพาะได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวอย่างแท้จริง  ในขณะเดียวกันก็สามารถคงเอกลักษณ์ในสไตล์สปอร์ตในรูปแบบความเป็นปอร์เช่ไว้ได้อย่างสมบูรณ์และความกลมกลืนกับตัวถังอย่างดีเยี่ยมและนี่ก็ทำให้พานาเมร่าโดดเด่นเป็นพิเศษแล้ว  และหากผนวกความกว้างขวางของห้องโดยสาร  ระดับตัวถังที่โหลด ต่ำกว่ารถ 4  ประตูทั่วไป  และความยาวรถที่มีความยาวเกือบ 5 เมตรด้วยแล้ว รถปอร์เช่ Gran Turismo คันนี้  ก็นับเป็นรถที่ต้องจับตามองตั้งแต่แรกเห็นอย่างพลาดไม่ได้เลยทีเดียว  

ทั้งรูปลักษณ์และรายละเอียดอันมากมาย ล้วนสะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาที่ผ่านการกลั่นกรองมานานกว่าทศวรรษ  ความสำเร็จของปอร์เช่ได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ 911 คาร์เรร่าจนมาถึงบอกซ์เตอร์  เคแมน   และคาเยนน์  คุณภาพสูงสุดของพานาเมร่าปรากฏอย่างเด่นชัดในห้องบรรจุสัมภาระที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่   ด้วยประตูหลังที่สามารถเปิดขึ้นได้กว้างจนสุด  ช่วยให้สามารถจัดเก็บกระเป๋าสัมภาระขนาดกลางไว้ตรงบริเวณเบาะหลังได้ถึง 4 ย่างสะดวกสบาย

นวัตกรรมการตกแต่งภายในตามแนวคิดความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย

ในการออกแบบรถปอร์เช่ แกรนด์ ทัวร์ริสโม่ ให้เป็นรถยนต์ 4  ที่นั่งที่สุดพิเศษนี้ นอกจากตัวถังที่ต่ำกว่าปกติ  ด้วยความสูงเพียง1.42  เมตร)  55.9)นิ้ว  ในขณะที่มีความยาวโดยรอบ 4.97 เมตร         (195.7นิ้ว)  และห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายเพียงพอทั้ง4  ที่นั่งแล้ว    ยังได้คำนึงถึงเรื่องการตกแต่งภายในและความสะดวกสบายที่เป็นแบบเฉพาะของรุ่น  เช่น คอนโซลกลางที่ออกแบบให้ยาวตลอดจากด้านหน้าไปด้านหลัง โดยจัดวางให้ค่อยๆ ลาดสูงขึ้นทางด้านหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนขับ  ในขณะเดียวกันก็สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสารแต่ละคน โดยสามารถแยกใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกที่คอนโซลกลางสำหรับแต่ละที่นั่งได้

เบาะนั่งที่มีระดับต่ำสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับท้องถนนให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตามแบบฉบับของปอร์เช่   พานาเมร่าทุกแบบได้รับการออกแบบเบาะนั่งให้มีความสะดวกสบายตามมาตรฐานแบบรถสปอร์ต   โดยในพานาเมร่า S และ 4S  มีระบบปรับความสูงต่ำและลาดเอียงของเบาะด้วยไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง  เพื่อให้ผู้ขับขี่ได้รับความสะดวกสบายสูงสุดตั้งแต่แรกนั่งไปจนสิ้นสุดการขับขี่  และสำหรับ  พานาเมร่า เทอร์โบ ระบบปรับเบาะนั่งด้วยไฟฟ้ายังทำงานร่วมกับอุปกรณ์ชุดความจำ (Comfort Memory Package)  ซึ่งจะช่วยปรับความยืดหยุ่นของเบาะนั่งและพนักพิงเพื่อรองรับช่วงเอวและต้นขาให้ผู้ขับขี่มีความรู้สึกสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบปรับระดับพวงมาลัยไฟฟ้า (Electritical steering column adjustment) ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับพวงมาลัยได้อย่างถนัดมือยิ่งขึ้น และสำหรับเบาะโดยสารด้านหลัง  ซึ่งเป็นแบบเบาะแยกนั้น  สามารถปรับระดับที่วางแขนตรงกลางให้เหมาะสมกับความสูงของผู้โดยสารแต่ละคน พร้อมกับช่องวางเท้าและที่วางศีรษะที่กว้างขวาง   

ทางเลือกเพื่อความสะดวกสบายอื่นๆ เช่น  การปรับที่นั่งเบาะหลังแบบสปอร์ตหรือระบบปรับด้วยไฟฟ้า ก็สามารถติดตั้งเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ  และสำหรับลูกค้าที่มีรสนิยมและต้องการสิ่งที่ดีกว่าเสมอ  ก็ยังสามารถเลือกอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกมากมาย อาทิ  เครื่องหนังหรูในแบบที่ต้องการ ระบบเปิด-ปิดประตูและระบบการขับขี่ที่ไม่ต้องใช้กุญแจ (keyless Porsche Entry & Drive system) ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานของพานาเมร่า เทอร์โบ

พร้อมเปิดตัวสู่ตลาดพร้อมกัน 3 รุ่น

พานาเมร่าเป็นรถในสายการผลิตรุ่นที่ 4 ของปอร์เช่ต่อจาก  911, Boxster/Cayman  และ Cayenne  ซึ่งจะเปิดตัวสู่ตลาดในเดือนกันยายนนี้  ด้วยรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ V8 ทั้ง 3  เวอร์ชั่น ก่อนที่จะตามมาด้วยรุ่น V6  และพานาเมร่า ไฮบริด ในปีถัดไป  โดยในระหว่างรอคอยนี้  เรามาเริ่มด้วย พานาเมร่า S ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 4.8  ลิตร  8  กระบอกสูบ กำลัง 400    แรงม้า  และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง  ที่สามารถถ่ายโอนกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา6  จังหวะ หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ PDK (Porsche-Doppelkupplungsgetriebe) 7 จังหวะ   

ด้วยการติดตั้งระบบเกียร์อัจฉริยะดังกล่าว  พานาเมร่า S ได้สร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องอัตราเร่งและการประหยัดอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยที่รถตระกูล GT (Gran Turismo) ของปอร์เช่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100  กม./ช.ม. จากจุดหยุดนิ่ง  ภายในเวลาเพียงแค่ 5.4 วินาทีและปราศจากอาการสะดุดของเครื่องยนต์  ในขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ที่ 10.8  ลิตรต่อการวิ่งระยะทาง 100  ก.ม. (26.2 mpg imp) ตามมาตรฐาน EU5 (CO2 : 253g/km.) ความเร็วสูงสุดในโหมดเกียร์อัตโนมัติ PDK เท่ากับ 283  กม./ชม. หรือ 175  ไมล์/ชม.  ในขณะที่ความเร็วสูงสุดในเกียร์ธรรมดา คือ 285  กม./ชม. หรือ 177  ไมล์/ชม.

Panamera 4S จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4.8  ลิตร ซึ่งให้พละกำลังสูงสุด 400 แรงม้าเช่นกัน เปลี่ยนถ่ายกำลังไปยังล้อหน้าและล้อด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบเกียร์ PDK  และระบบป้องกันการลื่นไถล หรือ PTM (Porsche Traction Management) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถ  ซึ่งให้ประโยชน์สูงสุดในการเร่งจากจุดหยุดนิ่ง ถึง 100  ก.ม./ช.ม. ภายในเวลา5.0  วินาที    และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 282  ก.ม./ช.ม. (175  mph)  โดยสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน EU5 เพียง 11.1 ลิตรต่อระยะทางในการขับขี่ 100  ก.ม.   (25.4 mpg. imp.) และมีค่าคาร์บอนไดออกไซด์ เท่ากับ 260  กรัม/ก.ม.  

รุ่นสูงสุดในสายพันธ์นี้ คือ พานาเมร่า เทอร์โบ   ให้กำลังสูงสุด 500   แรงม้า สำหรับเครื่องยนต์ V8  พร้อมเทคโนโลยีเทอร์โบ  ถ่ายกำลังการขับเคลื่อนด้วยระบบมาตรฐานเกียร์ PDK และ PTM  สุดยอดรถตระกูล Gran Turismo คันนี้ ยังสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100  กม./ช.ม. ในเวลาเพียง 4.2  วินาที โดยทำความเร็วสูงสุดที่ 303  ก.ม./ช.ม. หรือ 188  ไมล์/ชม.  ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 12.2  ลิตรต่อระยะทาง 100  ก.ม  (23.2 mpg. imp.)  ในขณะที่ค่าการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เท่ากับ 286 กรัม/ก.ม.  เพื่อเป็นการเพิ่มสมรรถนะและความคล่องตัวในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น   ยังสามารถเลือกใช้อุปกรณ์เสริมชุด Sport Chrono Package พร้อมระบบ PDK และ Launch Control  ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราเร่งในขณะรถหยุดนิ่งถึง 100  กม./ช.ม.  ได้เร็วขึ้นอีก 0.2  วินาทีเลยทีเดียว

ประสิทธิภาพสูงสุด

ประสิทธิภาพเป็นแนวคิดพื้นฐานในการออกแบบรถพานาเมร่า เช่นเดียวกับรถสปอร์ตรุ่นอื่นๆ ของ ปอร์เช่  โดยรถทุกแบบจะใช้ระบบมาตรฐานเดียวกัน คือ ระบบฉีดน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง หรือ DFI (Direct Fuel Injection) ระบบขับเคลื่อนแบบแรงเสียดทานต่ำหรือ low-friction drivetrains และเทคโนโลยีการผลิตตัวถังน้ำหนักเบา (lightweight body technology)

ในรุ่นสูงสุดอย่างพานาเมร่า เทอร์โบ  ตัวถังที่ยังไม่มีการตกแต่งอุปกรณ์เสริมใดๆ เพิ่มเติมมีน้ำหนักน้อยกว่า 2,000  ก.ก. หรือ (4,410  ปอนด์  ตามมาตรฐาน DIN)  และเพื่อลดอัตราการบริโภคน้ำมัน รวมทั้งค่าคาร์บอนไดออกไซด์  รถปอร์เช่ทุกรุ่นจึงติดตั้งระบบเกียร์ PDK (Porsche-Doppelkupplungsgetriebe) หรือระบบคลัตช์คู่ (double-clutch gearbox)  ซึ่งจะมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าระบบ start-stop  หรือระบบดับและติดเครื่องอัตโนมัติเมื่อรถจอด ตัวอย่างเช่น ในขณะที่รถจอดรอสัญญาณไฟหรือช่วงการจราจรติดขัด  ทันทีที่รถหยุดและผู้ขับขี่ได้แตะเบรคเอาไว้เครื่องจะดับโดยอัตโนมัติและจะสตาร์ทอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าออกจากแป้นเบรก ซึ่งเป็นการช่วยประหยัดน้ำมันลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะสภาพการขับขี่ในเมือง
 
สะดวกสบายกับโหมดกันสะเทือนที่มีให้เลือกได้หลายรูปแบบ : การผสมผสานกันอย่างลงตัวของความเป็นรถสปอร์ตและความสะดวกสบาย

พานาเมร่า นำเสนอสิ่งที่ดีกว่า  ด้วยการผสมผสานกลิ่นอายของรถสปอร์ตกับความสะดวกสบายแบบรถยนต์ส่วนบุคคลที่คุณจะหาไม่ได้เลยกับรถรุ่นอื่นๆ ในระดับเดียวกัน  นอกจากระบบช่วงล่างแบบสปริงที่สามารถควบคุมแรงสั่นสะเทือนได้ที่เรียกว่า PASM (Porsche Active Suspension Management) แล้ว  พานาเมร่ายังมีอุปเสริมเพิ่มเติมที่ได้รับการออกแบบใหม่ล่าสุด คือ ระบบ Adaptive Air Suspension ซึ่งเป็นระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ด้วยถุงลม ที่สามารถเพิ่มปริมาตรลมให้กับถุงลมในแต่ละล้อได้ตามความเหมาะสมของสภาพการขับขี่ในแต่ละแบบ  (เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ พานาเมร่า เทอร์โบ )  จึงนับเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ตามบุคลิกส่วนบุคคลได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ที่ต้องการความสะดวกสบายหรือความดุดันปราดเปรียวแบบสุดๆ สไตล์รถสปอร์ต  ความได้เปรียบอีกประการหนึ่งของระบบ Adaptive Air Suspension คือ ตัวถังรถสามารถโหลดต่ำได้ด้วยโหมด Sport Plus  เพื่อทำให้แอโรไดนามิคหรืออากาศพลศาสตร์และจุดศูนย์ถ่วงของรถดีขึ้น  อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้สูงยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการลดอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

อุปกรณ์เสริมอีกระบบ คือ PDCC (Porsche Dynamic Chassis Control) ซึ่งเป็นระบบควบคุมการทรงตัวของรถ  ลดอาการโคลงหรือเอนตัวของตัวถังขณะเข้าโค้งอย่างรุนแรง  ช่วยให้เข้า-ออกโค้งด้วยความเร็วสูงได้อย่างมีเสถียรภาพและมั่นคง  รวมทั้งปรับการทรงตัวในการขับขี่ทางตรงบนสภาพถนนขรุขระได้อย่างนุ่มนวล โดยระบบ PDCC จะควบคุมเฟืองและเพลาท้ายอย่างเต็มที่สมบูรณ์  เพื่อช่วยการเกาะถนนและเพิ่มความปราดเปรียวคล่องตัวในการขับขี่

พานาเมร่าในแบบของคุณอย่างแท้จริง : ระบบและอุปกรณ์ให้เลือกอย่างครบครัน

ในความเป็นรถหรูมีระดับ พานาเมร่าสร้างมาตรฐานใหม่ในด้านครื่องเสียงและอุปกรณ์สื่อสาร ความพิเศษของระะบบควบคุมส่วนกลาง คือ จอสีแบบสัมผัส ขนาด 7 นิ้ว ติดตั้งร่วมกับระบบเสียง CDR-31 และระบบควบคุมอุปกรณ์สื่อสาร PCM  (Porsche Communication Management)  ซึ่งรวมถึงระบบนำทาง (navigation module) โดยที่ระบบเสียง CDR-31 เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของพานาเมร่า S และ 4S  ในขณะเดียวกันระบบ PCM และระบบนำทาง (navigation module) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของพานาเมร่า เทอร์โบ และเป็นอุปกรณ์เสริมให้เลือกติดตั้งได้สำหรับพานาเมร่า S และ 4S    

ด้วยระบบเทคโนโลยีชั้นสูงอันละเอียดอ่อนดังกล่าว ทำให้พานาเมร่าสามารถสนองตอบความต้องการส่วนบุคคลได้อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ระบบควบคุมเสียงไปจนถึง บูลธูทที่สามารถเชื่อมต่อระบบโทรศัพท์มือถือกับสมุดบันทึกอิเลคโทรนิค (electronic logbook)  ได้ตลอดเวลาในการเดินทาง

และด้วยอุปกรณ์เสริม   ผู้โดยสารที่เบาะหลังสามารถสร้างความบันเทิงส่วนตัวด้วยระบบ Porsche Rear Seat Entertainment  ซึ่งประกอบด้วยจอทีวีสี TFT ขนาด 7 นิ้ว   ที่สามารถปรับองศาได้ตามความต้องการ  พร้อมเครื่องเล่นและหูฟังไร้สายระบบอินฟาเรด  ติดตั้งไว้หลังพนักพิงของเบาะหน้า  อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานด้วยระบบสัมผัสที่ให้ความสะดวกสบาย โดยมาพร้อมอุปกรณ์เสริมในการถ่ายโอนข้อมูลจากหน้าจอหนึ่งไปอีกหน้าจอหนึ่งได้อย่างลงตัว

เหมือนมีเวทีคอนเสิร์ตส่วนตัว : ด้วยชุดเครื่องเสียงคุณภาพสูง ระบบเสียงรอบทิศ-Burmester ®

พานาเมร่า เป็นรถปอร์เช่ รุ่นแรกที่มีระบบเครื่องเสียงคุณภาพสูงให้เลือกตามความพอใจ นอกจากเครื่องเสียงที่มีระบบเสียงรอบทิศอย่างยี่ห้อ BOSE®    ซึ่งเป็นระบบมาตรฐานสำหรับพานาเมร่า เทอร์โบและเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับพานาเมร่ารุ่นอื่นแล้ว  เพื่อความสมบูรณ์แบบในการฟัง   พานาเมร่ายังนำเสนอเครื่องเสียงคุณภาพชั้นเลิศ  ระบบเสียงรอบทิศ Burmester® จากเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องเสียงที่เป็นที่รู้จักยอมรับทั่วโลกในด้านคุณภาพระดับมาตรฐานสากล

นับเป็นปรากฎการณ์ใหม่ที่มีการติดตั้งแผ่นใยสังเคราะห์หรือ Membranes ขนาดใหญ่  ซึ่งเป็นวัสดุประกอบลำโพงที่มีผลต่อคุณภาพเสียง  ในจำนวนมากครอบคลุมพื้นที่ในรถไม่น้อยกว่า 2,400  ตร.ซ.ม.  กระจายไปตามลำโพงทั้ง 16 ตัวที่ให้กำลังเสียงสูงกว่า1,000  วัตต์จากเครื่องขยายเสียงแบบ 16 ช่องสัญญาณ รวมทั้งซับวูฟเฟอร์  (Subwoofer) ซึ่งเป็นลำโพงเพิ่มเสียงเบสหรือเสียงทุ้มที่มาพร้อมกับเครื่องขยายเสียง ขนาด 300  วัตต์ class-D

Porsche Panamera มีให้เลือก 3 รุ่นย่อยดังนี้

Panamera S        ราคา  17,200,000 บาท
Panamera 4S      ราคา  18,200,000 บาท
Panamera Turbo  ราคา  22,000,000 บาท

หากใครสนใจสามารถเยี่ยมชมได้ที่โชว์รูม Porsche วิภาวดีรังสิต โดย AAS ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

————————————————-///——————————————————