ECO CAR PHASE 2

เดือน พฤศจิกายน จะลุกเป็นไฟ เมื่อเหล่าบรรดา ECO CAR Phase 2 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย พร้อมกันถึง 4 รุ่น จาก 4 แบรนด์ด้วยกัน เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดในงาน Motor Expo 2019 ปลายเดือน พฤศจิกายน นี้ ประกอบไปด้วย

  • All NEW Honda City
  • All NEW Nissan Almera
  • Mazda 2 Minorchange
  • Toyota Yaris / Yaris ATIV ปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่

ทั้ง 4 รุ่นนี้ จะเป็นโมเดลที่เข้าร่วมโครงการ ECO CAR Phase 2 ที่มีความเข้มงวดด้านการปล่อยก๊าซ CO2 มากขึ้น รวมถึงต้องมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยพื้นฐานมากขึ้น เช่น

  • ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100g./km.
  • มาตรฐานมลพิษ EURO 5
  • ทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
  • ติดตั้งระบบเบรก ABS, EBD, BA เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
  • ติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว VSA / VSC / VDC / DSC เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย

 

All NEW Honda City

ไตรมาส 4 ปี 2019 ต่อเนื่องกันไปจนถึง ปี 2020 ก็จะถึงเวลาของ การเปลี่ยนโฉมใหม่ทั้งคันให้กับ B-Segment Sedan รุ่นขายดีที่สุดอย่าง All NEW Honda City ใหม่ ซึ่งจะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่งในตลาดเมืองไทย

นั่นก็เพราะว่า Honda ตัดสินใจ ยืนหยัดพิกัดขนาดตัวรถไว้ในกลุ่ม B-Segment เช่นเดิม แต่เปลี่ยนขุมพลังใหม่ เป็นแบบ Downsizing 3 สูบ 1.0 ลิตร VTEC Turbo มาวางแทน เพื่อให้เข้ามาอยู่ในกลุ่ม ECO-Car Phase 2 ซึ่งจะว่าไปแล้ว นี่เป็นกลยุทธ์เดียวกับที่ Mazda ใช้ใน Mazda 2 จนประสบความสำเร็จในตลาดเมืองไทยเป็นอย่างดีมาแล้ว นั่นหมายความว่า ต่อจากนี้ รถเก๋ง B-Segment กับ กลุ่ม ECO-Car จะถูกควบรวมเข้าด้วยกันอย่างจริงจัง เสียที ไม่ได้แยกประเภทออกจากกันตามพิกัดเครื่องยนต์ ทั้งที่มีขนาดตัวถังเท่าๆกัน อีกต่อไป !

(Illustrated By : KNK ภาพ Rendering โดย www.headlightmag.com)

 

ขุมพลังใหม่สำหรับ All NEW Honda City ในตลาดโลก คาดว่าจะมีให้เลือก 2 แบบ ดังนี้

เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร VTEC Turbo

เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 998 ซีซี. กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วง Turbocharger แบบ Single Scroll ของ Borg Warner กำลังสูงสุดประมาณ 120 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร (20.38 กก.-ม.) ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ CVT ยกมาจาก Civic 1.0 Turbo เวอร์ชันจีน แต่จะมีการปรับปรุงให้สามารถเติมน้ำมัน Gasohol E85 ตามออกมาในภายหลัง

เบนซิน 1.5 ลิตร Hybrid i-MMD (New Generation)

เครื่องยนต์ L15 เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,498 ซีซี หัวฉีด PGM-FI เดิม แต่ปรับปรุงระบบ Hybrid ใหม่ โดยเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าไป รวมเป็น 2 ลูก (เนื่องจากการพัฒนายังไม่เสร็จสิ้น ดังนั้น รายละเอียดทางเทคนิคและตัวเลขพละกำลัง จึงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในตอนนี้)

Honda City รุ่นปัจจุบัน

 

ด้านรูปร่างหน้าตานั้น City ใหม่ จะมีเส้นสายที่สวยงามลงตัว และ ดูสมส่วน มากสุดเท่าที่ Honda เคยสร้าง City ออกมา โดยจะมีรูปลักษณ์ภายนอก อิงกับ Honda Insight ชุดไฟหน้า และ ไฟท้าย เรียวยาว กระจังหน้าแบบ Solid Wing  ส่วนชุดไฟท้าย ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ BMW 3-Series G20 รุ่นใหม่ล่าสุด ส่วนงานออกแบบภายใน อย่าคาดหวังมากนัก อ้างอิงจาก All NEW Honda Jazz ที่กำลังจะเปิดตัวในญี่ปุ่นน่าจะไม่หนีกันมากนัก

ล่าสุดมี All NEW Honda City พรางตัววิ่งทดสอบในไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ติดป้าย TC หรือ Test Car สำหรับรถที่วิ่งทดสอบก่อนเริ่มผลิตในไทย ภาพ Spyshot โดยคุณหมอมาร์ค ศตวรรษ ทำให้ยืนยันเป็นที่แน่ชัดว่า All NEW Honda City เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยเร็วๆนี้

กำหนดการเปิดตัวของ All NEW Honda City เบนซิน 1.0 TURBO ในประเทศไทย จะเกิดขึ้นในเดือน พฤศจิกายน นี้ ก่อนงาน Motor Expo 2019 จะเริ่มต้นขึ้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


 

All NEW Nissan ALMERA

Nissan Motors เปิดตัว All NEW Versa หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อว่า ALMERA เมื่อเดือน เมษายน 2019 ที่รัฐฟลอริด้า, สหรัฐอเมริกา

ภายนอกออกแบบด้วยแนวคิด “ Emotional Geometry ” มีการใช้กระจังหน้าแบบ V-Motion ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของรถ Nissan ยุคใหม่ๆ ส่วนภายในห้องโดยสารใช้แนวคิด “ Gliding Wing ” พยายามฉีกภาพลักษณ์ความเป็นรถราคาถูก ตีห่างออกจากรุ่นเดิมให้ได้มากที่สุด

ที่ผ่านมามีรถพรางตัวติดป้าย TC = Test Car หรือ บ่งบอกว่าเป็นรถทดสอบก่อนการผลิต วิ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และ ต่างจังหวัด ภาพชุดนี้ถ่ายได้โดยคุณ Surapong Sap แถวพระราม 3 ยืนยันว่า All NEW Nissan Almera ใกล้เปิดตัวในไทยเต็มทีแล้ว

นอกจากนี้ Nissan ประเทศไทย เปิดประเดิมเดือนตุลาคม เริ่มมีการขยับบ้างแล้ว ปล่อยข่าว ECO CAR ตัวใหม่ ” All NEW Nissan ALMERA ” คาดว่าเตรียมเปิดตัวในไทย ปลายปี 2019 นี้ เข้าโครงการ ECO CAR Phase 2


ดังนั้นเราจะได้เป็นระบบเบรก ABS, EBD, BA และ ระบบควบคุมการทรงตัว VDC ติดตั้งใน All NEW Nissan ALMERA ” ทุกรุ่นย่อย ” อย่างแน่นอน ส่วนระบบช่วยเหลือการขับขี่เพิ่มเติมอาจจะต้องรอลุ้นกันว่า จะติดตั้งมาให้ด้วยหรือไม่ แต่ในเมื่อ Nissan Note ยังมีมาให้ คาดว่า Almera ใหม่ก็ต้องไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน

  • ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning (FCW)
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ Intelligent Emergency Braking ทั้งยานยนต์ และ บุคคล Pedestrian (FEB/PFEB)
  • ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning (LDW)
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor (AVM)
  • ระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคัน Moving Object Detection (MOD)

Dimension มิติตัวถัง

All NEW Nissan ALMERA

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,455 x 1,695 x 1,514 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,601 มิลลิเมตร

Almera รุ่นปัจจุบัน

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,425 x 1,695 x 1,500 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,600 มิลลิเมตร

เมื่อเทียบกับ Almera รุ่นปัจจุบัน พบว่า All NEW Nissan ALMERA รุ่นใหม่ ยาวขึ้น 30 มิลลิเมตร กว้างเท่าเดิม สูงขึ้น 14 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อยาวเท่าๆเดิมนั่นเอง

Engine เครื่องยนต์

คาดว่า All NEW ALMERA เวอร์ชั่นไทย อาจใช้เครื่องยนต์บล๊อคนี้

เบนซิน 1.0 IG-TURBO

เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ รหัส HR10DET ขนาด 1.0 ลิตร 999 ซีซี. IG-T พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.2 x 81.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 144 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ หรือ เกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT พร้อม D-Step ขับเคลื่อนล้อหน้า

รายละเอียด – ข้อมูลของ All NEW Nissan ALMERA ติดตามได้ช่วงปลายปี 2019 นี้ คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ก่อนงาน Motor Expo 2019 ปลายเดือน พฤศจิกายน จะเริ่มต้นขึ้น

หากมีข้อมูลเพิ่มเติมของ All NEW ALMERA เวอร์ชั่นไทย ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


 

 

Mazda 2 Minorchange

Mazda 2 เปิดตัวครั้งแรกในตลาดโลกตั้งแต่ปี 2014 จนถึงตอนนี้ปี 2019 นับเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติที่รถยนต์แบบ Passenger Cars จะมีอายุขัยนานขนาดนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Mazda 2 หรือ Mazda Demio ในญี่ปุ่นเอง ก็มีกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก ยอดขายก็ดีมากเช่นกัน ทำให้กว่าจะมีการ Minorchange ก็ผ่านระยะเวลามาถึง 5 ปี ถือว่ายาวนานกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ

และ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Mazda 2 มีการปรับโฉม Minorchange เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับอุปกรณ์ MY : Model Year ตามรอบเท่านั้น

Mazda Demio เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีการปรับโฉม Minorchange ครั้งแรกในรอบ 5 ปี เมื่อเดือน กรกฎาคม 2019 ยกเลิกการใช้ชื่อ Demio เปลี่ยนเป็น Mazda 2 เหมือนในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย

ดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถเปลี่ยนไปใช้ Theme Design ใหม่ KODO Design 2 เหมือนรุ่นพี่อย่าง All NEW Mazda 3 / All NEW CX-30 ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ความเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางลงกว่าเดิม, กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า รวมถึงกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ สิ่งที่ยังคงเดิมอยู่คาดว่าเป็นฝากระโปรงหน้าที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

สำหรับ Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย มีข่าวมาแล้วล่าสุด เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ปลายปี 2019 นี้ ตามติดญี่ปุ่นเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น คาดว่าเปิดตัวช่วงก่อนงาน Motor Expo 2019 ปลายเดือน พฤศจิกายน จะเริ่มต้นขึ้น อัพเดตความสดใหม่ เพื่อสู้ศึกครั้งใหญ่กับ All NEW Honda City และ All NEW Nissan Almera ที่จะเปิดตัวช่วงเดียวกันนี้ รวมถึงพี่ใหญ่ Toyota Yaris / Yaris ATIV

รายละเอียดความเปลี่ยนแปลงของ Mazda 2 Minorchange เบื้องต้น อ้างอิงจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ดังนี้

  • ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ดีไซน์ใหม่
  • กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่
  • กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่
  • ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่
  • กันชนหลัง ดีไซน์ใหม่
  • ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สี Gun Metal

ทางด้านเครื่องยนต์ของ Mazda 2 Minorchange คาดว่ามีให้เลือก 2 ขุมพลัง เหมือนเช่นเคย ตามกฎของ ECO CAR Phase 2 ซึ่ง Mazda 2 เป็นรุ่นแรกที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการลงทุน BoI

Engine เครื่องยนต์

เบนซิน 1.3 Skyactiv-G

เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 1.3 ลิตร 1,299 ซีซี. 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 71.0 x 82.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมันสูงสุด E20

 

ดีเซล 1.5 Skyactiv-D

เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี. 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 76.0 x 82.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 14.8 : 1 กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีการเพิ่มอุปกรณ์ และ ระบบช่วยเหลือการขับขี่หลายรายการ เช่น

  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เครื่องเสียง รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
  • ระบบควบคุมแรงบิด G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
  • ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Mazda Radar Cruise Control (MRCC)
  • ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keep Assist System (LAS)
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า – ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)

ต้องรอติดตามชมกันว่า Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ และ ระบบอะไรบ้าง ?

Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ช่วงปลายปี 2019 นี้ ก่อนงาน Motor Expo ปลายเดือน พฤศจิกายน จะเริ่มต้นขึ้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


 

Toyota Yaris / Yaris ATIV

Toyota ประเทศไทย เปิดตัว Yaris ATIV ครั้งแรกเมื่อเดือน สิงหาคม 2017 เป็นการนำบอดี้ของ Vios มา Re-Design ใหม่ทั้งคัน รวมถึงติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เพื่อเข้าโครงการ ECO CAR Phase 1 จากนั้นตามด้วย Yaris Hatchback Big-Minorchange ให้ดีไซน์ด้านหน้าเหมือนกับ Yaris ATIV เมื่อเดือน กันยายน 2017

ทั้ง Yaris / Yaris ATIV สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับ ECO CAR ด้วยการติดตั้งระบบ ABS / EBD / BA / VSC / TRC / HAC และ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ” ทุกรุ่นย่อย ” เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

มาถึงวันนี้ ปี 2019 คู่แข่งกำลังจะเปิดตัว ECO CAR Phase 2 พร้อมกันหลายรุ่น Toyota จึงรอช้าไม่ได้ เตรียมเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ให้กับทั้ง Yaris / Yaris ATIV เพื่อให้เข้าโครงการ ECO CAR Phase 2 ได้ เนื่องจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 3NR-FE 86 แรงม้า 106 นิวตันเมตร ไม่สามารถผ่านเกณฑ์มาตรฐานของ ECO CAR Phase 2 ได้ ดังนั้นจึงต้องทำการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่

สำหรับเครื่องยนต์ใหม่ ของ Toyota Yaris / Yaris ATIV ตอนนี้ Headlightmag.com ยังไม่มีข้อมูลอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะเป็น เครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร เหมือนเช่นเคย รหัส 3NR แต่มีการปรับปรุงใหม่ เพิ่มพละกำลัง และ ทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีขึ้น เพื่อเข้าโครงการ ECO CAR Phase 2

(ตัวเลขยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส 3NR-??? 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว Dual VVT-i ขนาด 1.2 ลิตร 1,197 ซีซี. กำลังสูงสุด 95 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 120 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i

(เดิมรหัส 3NR-FE กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.5 x 72.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด : 11.5 : 1 กำลังสูงสุด 86 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร)

สำหรับด้านอุปกรณ์ความปลอดภัย ก็ไม่ต้องห่วง เพราะ มาตรฐานของ Yaris / Yaris ATIV จัดมาให้เต็มพิกัดอยู่แล้ว ตั้งแต่รุ่นเดิม เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย

  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
  • ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง (คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย-หัวเข่า)

รายละเอียด และ ข้อมูลอย่างเป็นทางการทั้งหมดของ Toyota Yaris / Yaris ATIV ปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ NEWLY REVISED ENGINE ติดตามได้ในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายน นี้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ

 


เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/72714.0