ตามปกติที่ผ่านมา เมื่อใดที่ผม ขับรถออกนอกบ้าน ผมมักพกกล้องถ่ายรูปไปด้วย
เผื่อมีโอกาสพบเห็นรถยนต์พรางตัว แล่นทดสอบเก็บข้อมูลอยู่ ก็จะได้บันทึกภาพทัน
เอามาทำบทความ SpyShot ลงใน THAIDRiVER หรือไม่ก็ แปะเล่นๆใน Pantip.com ห้องรัชดา

แต่ก่อน ผมเป็นฝ่ายไล่ล่า

ทว่า วันนี้ วันที่ผมต้องขับรถเก๋งคันใหญ่ ซึ่ง ชุดไฟหน้า และไฟท้าย ถูกปิดบังเต็มไปหมดด้วยเทปพันสายไฟ แปะอยู่รายรอบ

แค่นั้น ผมก็ไม่คุ้นชินเท่าไหร่แล้ว

ยิ่งพอโดนแอบถ่าย สปายช็อตซะเอง ยิ่งรู้สึก แปลกๆ กับเขาบ้างเหมือนกัน
แถมยังถ่ายมาซะชัดแหน่วเลยแหะ…ก็เลยเป็นฝ่ายถูกล่า ซะเอง…

เป็นอันว่า มีคนล่วงรู้เซอร์ไพรส์ ที่ผมตั้งใจเก็บเอาไว้เปิดเผยแก่คุณผู้อ่านพร้อมๆกัน
ใน  www.headlightmag.com นี้ก่อนจนได้

 

 

(ภาพจากคุณ Preceda2 โพสต์ครั้งแรกใน Pantip.com ห้องรัชดา)

แน่ละครับ

ไม่บ่อยครั้งนักหรอก ที่บริษัทรถยนต์ ในเมืองไทย จะกล้าปล่อยให้ สื่อมวลชน ได้ทดลองรถยนต์รุ่นใหม่ ก่อนการเปิดตัว
และ เช่นกัน ไม่บ่อยนักหรอก ที่รถยนต์เหล่านั้น ยังคงเป็นรถทดลองประกอบ Pre-Production

แม้จะเป็นเรื่องธรรมดา ในต่างประเทศ
สำหรับการเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน ได้สัมผัสกับรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ก่อนการเปิดตัว
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะยอมให้ขับขี่กัน มากที่สุด แค่ขับวนเล่นอยู่ในสนามทดสอบ
หรือสนามแข่ง ซึ่งเช่าเหมาไว้เป็นวัน หรือสัปดาห์

แต่…ที่แน่ๆ สำหรับเมืองไทยแล้ว หากจำไม่ผิด
ก็แทบจะไม่เคยมีมาก่อนเลย หรือไม่ก็น้อยครั้งมากๆ ที่พวกเขา
จะกล้า ปล่อย รถทดลองประกอบ สุดรักสุดหวงเหล่านั้น
ให้สื่อมวลชนในบ้านเรา ไปทดลองขับ กันตามสบาย ในเส้นทางที่ต้องการ
ทั้งที่ ปกติแล้ว เจ้าหน้าที่บริษัทรถทั้งหลาย แทบจะอยู่ประกบกับรถเหล่านั้นด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความร่วมมือจากทาง สยามนิสสัน ออโตโมบิลล์
ทำให้ เว็บไซต์ www.Headlightmag.com ของเรา พูดได้อย่างเต็มปากว่า
เป็นสื่อมวลชน รายแรกของไทย ที่มีโอกาสได้เผยแพร่รายละเอียดเบื้องต้น
รวมทั้ง ทดลองขับ นิสสัน เทียนา โฉมใหม่ อย่างเต็มที่ ก่อนการเปิดตัวถึง 1 เดือนเต็ม!!!

และที่สำคัญ…งานนี้ นิสสัน ใจป้ำขนาดที่ว่า ยื่นกุญแจ รีโมท Smart Entry ของรถรุ่น 250XV 2.5 ลิตร สีม่วงเปลือกมังคุด พร้อมซันรูฟ
อันเป็นสีโปรโมท ในภาพยนตร์โฆษณา ซึ่งมาพร้อมซันรูฟ ม่านลมนิรภัย (แต่ยังไม่มีระบบนำร่อง) ให้ผมยืมมาขับทดลองได้เต็มที่
ตามใจต้องการ ในเส้นทางปกติ ที่ผมใช้ในการทดลองรถ อีกทั้ง ยังอนุญาตให้นำรถไปจอดค้างคืนกันที่บ้านเลยทีเดียว!!!!!!!

ถ้าไม่เชื่อ…นี่คือรูปถ่าย จากหน้าบ้านผม คืนวันจันทร์ ที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

 

เหลือจะเชื่อ แต่ มันก็เกิดขึ้นแล้ว…..

แต่มีข้อแม้ เพียงข้อเดียวเท่านั้น

ก็คือ

มันยังคงต้องพรางตัวอยู่นะ…

——————-

 

 

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้น ในช่วงสิ้นเดือนมกราคม
ก่อนหน้านี้ ผมได้รับการติดต่อมาจากทางนิสสัน ซึ่งผมก็เดาไว้ว่า น่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้า เทียนา
แล้วก็เป็นจริงตามคาด

ว่าอยากจะให้เขียนรีวิว ของเทียนา ช่วงเวลาก่อนที่รถจะเปิดตัวสักนิดนึง
ซึ่งบังเอิญจังหวะเวลา ตรงกับห้วงที่ผมกำลังจะเปิดเว็บไซต์ ของตัวเอง (ซะที) ด้วยแล้ว

เอาละสิ หลายคนเริ่มคิดขึ้นมาเลยละสิว่า แบบนี้ จิมมี่จะต้องรับเงินมาแน่เลย….

ก็คงจะเหมือนกับที่ผมเคยโดนกล่าวหา จากพวกบ้าที่ไหนไม่รู้ ว่ารับเงินใต้โต๊ะจากโตโยต้า ฮอนด้า
ซึ่ง นั่นก็ ไม่เป็นความจริง อีกทั้ง 2 บริษัท พอได้ยิน ต่างก็ขำก๊าก ถ้าจ่ายจริง ก็คงต้องงุบงิบ อุบอิบกว่านี้ไปแล้ว
ไม่กล้าปล่อยให้ผมมายึดอกพูดมากปากสว่างอย่างนี้หรอก
 
ใครก็ตามที่คิดอกุศล แบบนั้น ก็ขอบอกเอาไว้เลยว่า
ถึงแม้ผมจะเปิดเว็บไซต์แห่งใหม่

แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังคงยึดหลักการดั้งเดิม ที่ยึดถือมาตลอด 5 ปี นั่นคือ เขียน ทุกสิ่ง เป็นความจริง ตรงไปตรงมา
ดีก็ว่าดี ก็ต้องชม ถ้าไม่ดีหรือด้อย ก็ต้องมีเหตุผลรองรับ และหาช่องทางที่พอจะแก้ไขได้ เตรียมเผื่อไว้ให้ด้วย
ไม่ใช่แค่สักแต่จะเขียนเชลียร์ กันแบบสื่อทั่วไป หรือใช้พื้นที่สื่อของตัวเอง ก่นด่า แสดงออกความเทพเกรียนของตน
หากทำอะไรไม่พึงพอใจตามความประสงค์ หรือคิดเห็นไม่ตรงกับตน จน พีอาร์หลายๆค่าย เขาเบื่อหน่ายจิตเต็มฝืน
ทนระกำ ทำได้แต่ปลง และทนใส่หน้ากากคบหาสื่อมวลชนเหล่านั้นกันต่อไป

คนจำพวกนี้ มีหลงเหลืออยู่ในวงการสื่อมวลชนบ้านเราไม่มากแล้วละครับ
เพราะท้ายที่สุด ก็จะอยู่ในวงการนี้ไม่ได้นานนัก เว้นเสียแต่จะใช้วิชามารรูปแบบต่างๆ ก็ว่ากันไป
แล้วแต่เส้นทางการหากินของแต่ละคน

 

 

ผมและนิสสัน คุยกันแล้ว เราไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นอีก
ก็เลยทำให้มันโปร่งใสกันไปเลยดีกว่า ให้ตรวจสอบกันได้เลย

นิสสัน เลยเลือกทำในสิ่งที่ควรจะทำเพื่อให้ทุกอย่างโปร่งใสแต่แรก ก็คือ ลงโฆษณากับเรา เป็นรายแรก
ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ ในความมั่นใจที่มีให้กับเรา ณ โอกาสนี้

แต่ถึงจะลงโฆษณากับเรา นั่นย่อมหมายถึงว่า บริษัทรถยนต์ จะต้องรับได้ กับรูปแบบ และสไตล์ การเขียนอย่างตรงไปตรงมาของผมแบบนี้เท่านั้น
เขียนกันตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ดีก็บอกว่าดี ไม่ดี ก็บอกกันตรงๆว่า เกิดขึ้นตรงไหน และมีทางแก้อย่างไร ถ้าคิดว่ารับไม่ได้ ไม่เป็นไรครับ
แต่ถ้ารับได้ และยินดีจะสนับสนุน ก็มาคุยกัน ง่ายๆ เพียงแค่นั้น

แต่จะคุยกันเพื่อให้ช่วยเขียนเชียร์ให้นั้น บอกได้เลยว่า “ไม่มีทางเขียนแบบนั้นให้เด็ดขาด!!”

เพราะเจตนาของผม อย่างที่ทุกท่าน ทราบกันดีว่า
ไม่ได้ต้องการจะฆ่าใคร หรือจะตบหัวคนอื่น เพื่อให้พวกเขายอมศิโรราบ แล้วมาตักตวงผลประโยชน์จากเขาในภายหลัง
แต่ต้องการจะสะท้อนความจริงที่เกิดขึ้น ให้ผู้ผลิตได้รับทราบว่า รถเป็นอย่างไร มีดี หรือไม่ดีอย่างไร มีปัญหาตรงไหน มาแก้ไข มาดูกัน

เพราะสุดท้าย คนที่จะแฮปปี้ ก็คือ ลูกค้าของเขา และตัวเขาเอง ผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรตรงนั้นด้วย

รถจะดี หรือไม่ดี ตรงไหน อย่างไร ขอให้ตัวของรถเอง ได้แสดงออกมาให้เราเห็นเถิดครับ

นี่คือ “กฎเหล็ก” ของเรา…

เพราะถ้าไม่เริ่มทำกันตั้งแต่วันนี้ อีกหน่อย ก็คงไม่เห็นเด็กรุ่นหลังๆ กล้าทำ
แล้วเมื่อไหร่ วงการนี้มันจะดีขึ้นกันสักที?

ดังนั้นเราก็เริ่มทำกันเอง ตรงนี้ เริ่มจากตัวพวกเรานี่แหละ กันเถอะ!

———————————-

16 กุมภาพันธ์ 2009
9.30 น.
อาคารนันทวัน ถนนราชดำริ

การกลับมาที่ ชั้น 15 อาคารนันทวัน ย่านราชดำริ อันเป็นสำนักงานใหญ่ของ สยามนิสสัน ออโตโมบิลล์ (ประเทศไทย) ครั้งนี้

ห่างหายจากเมื่อครั้ง ทดลองขับ 350Z ไปนานโข 

เติ้ล หนึ่งในทีม The Coup ของเรา ดูจะตื่นเต้นไม่แพ้กัน  ผมชวนเขามา ร่วมทดลองขับด้วย ในฐานะผู้สังเกตการณ์ พยาน
และหุ่นที่จะต้องมานั่งถ่วงน้ำหนักในการทดลองอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ก็ดูจะตื่นเต้นไปกับผมด้วย

 

วินาที แรก ที่ผมเห็น เทียนาใหม่ สีเปลือกมังคุด มาพร้อมการพรางไฟหน้าและไฟท้าย จอดอยู่ต่อหน้าต่อตาของผม บนตึกนันทวันชั้น 8

ผมหลุดขำก๊ากกกก พลันนึกขึ้นมาในใจ “ตูว่าแล้ว”

ก็ทาง PDI เขาเล่นพรางมาซะ คนอื่นเขาคงรู้หมดเลยว่า รูปแบบเส้นสายของกรอบไฟหน้า-หลัง เป็นอย่างไร
เอาเทปพันสายไฟสีเทา แปะซะจนเสียวบั้นท้ายชะมัด
เสียวว่ารถคันข้างหลังที่ขับตามมาจะชนตูด เพราะมองไม่เห็นไฟเลี้ยว และไฟท้าย
แม้จะมีไฟเบรกดวงที่ 3 มาให้อยู่แล้ว จากโรงงาน แต่นั่นก็ยังน่าหวาดหวั่นใจอยู่ดี

ผม น้องเติ้ล และ ทางพี่เปี๊ยก ฝ่ายการตลาด ก็เลยต้องมาช่วยกัน ลอกเทปพันสายไฟที่แปะอยู่นั้น
ออกบางส่วน แล้วแปะพรางเข้าไปใหม่ บังกันเอาไว้เป็นจุดๆ ให้มันดูเป็นรถพรางตัวซะหน่อย

แต่ต้องเปิดพื้นที่ให้รถคันที่ตามมา มองเห็นสัญญาณไฟต่างๆของรถคันที่เราขับด้วย 

 

 

เห็นภาพแล้ว สงสัยใช่ไหมครับว่า
ทำไมต้องพรางตัว?

ก็ลูกค้าในญี่ปุ่น และตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะ จีน เขาซื้อหามาขับกันเป็นว่าเล่นแล้ว
จะพรางตัวกันทำไม ให้วุ่นวาย และเสียเวลากันเล่า?

เรื่องนี้ มีคำอธิบาย
เพราะตามกฎของบรรดาบริษัทรถยนต์ต่างๆ นั้น
การเปิดเผย โฉมหน้า คันจริง ของรถยนต์รุ่นที่กำลังจะเปิดตัว
หาก จะต้องนำออกนอก สำนักงาน หรือโรงงาน ไปจนถึง ศูนย์เทคนิค วิจัยและพัฒนา
จะด้วยเหตุผล เพื่อการนำไปขับทดสอบ เก็บข้อมูล หรือ ขนย้ายไปถ่ายทำภาพนิ่ง หรือภาพยนตร์โฆษณา

เป็นกฎเหล็กเลยว่า จะต้องพรางตัว ไม่ให้ ผู้คนทั่วไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโครงการ
เห็นรูปโฉมที่แท้จริง เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล

การพรางตัวนั้น  ยิ่งใกล้เปิดตัว ความเข้มงวดในการพราง มักจะลดลง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ ความสำคัญ ของรถยนต์รุ่นนั้นๆ ถ้า เป็นรถรุ่นที่เป็นไม้เด็ด
ตลาดกำลังแข่งขันรุนแรง หรือ ผู้คนกำลังให้ความสนใจอย่างมาก
ไปจนถึง รถที่ยังไม่เคยเปิดตัวที่ไหนมาก่อนในโลก รถพวกนี้ จะถูกพรางตัวอย่างหนัก
จนแทบมองไม่เห็นโฉมหน้าอันแท้จริง และจะต้องมีการให้ผู้ทำงานเกี่ยวข้องเซ็นเอกสารรับรองต่างๆ เพื่อรักษา
และป้องกันความลับรั่วไหล

แต่กับรถอย่าง เทียนา เจเนอเรชันที่ 2 ใหม่รหัสรุ่น J32 ซึ่งเปิดตัวในญี่ปุ่น ไปตั้งแต่ พฤษภาคม 2008
และใกล้จะเปิดตัวในเมืองไทยเต็มแก่แล้ว อาจจะไม่ถึงกับต้องพรางกันหนักหนาขนาดนั้น
เพราะมีขายแล้วทั้งในแดนปลาดิบ  รวมทั้งเมืองจีนและตลาดในเอเซียบางประเทศมาได้สักพักหนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่พรางเลย ก็เท่ากับ คนทำงาน ละเมิดข้อกำหนดกฎระเบียบของบริษัท
มีหวังโดนเด้งออกจากงานกันได้ง่ายๆ ผมก็เลยต้องรับเจ้าเทียนา ใหม่ มา ทั้งที่พรางตัวมาแบบนี้

 

 

นี่ยังดีนะ ที่พรางมาแค่ชุดไฟหน้า กับไฟท้าย ไมได้พรางกันจนเป็น ลาย น้องหมา 101  Dalmatian
หรือ ลายพรางทหาร ราวกับว่าจะไปออกรบ สมรภูมิฉนวนกาซา ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมยังนึกตัวเองไม่ออกเลยว่า
จะทนขับ เจ้ารถคันที่พรางแบบนั้น ไปตามท้องถนนยังไง ให้คุ้นชินกับสายตาของผู้คน ซึ่งไม่เคยรู้เรื่องราววงการรถยนต์มาก่อน
พวกเขาอาจคิดได้ว่า  ไอ้อ้วนที่ขับรถอยู่เนี่ย มันต้องเสียสติแน่ๆ อยู่ดีๆไม่ว่าดี เอารถป้ายแดง มาทำสี ลายจุด เลอะเทอะเปรอะเต็มคันรถเลย

 

เพราะแค่ ขับรถไปให้ ร้านคาร์แคร์ แมคไกวร์  เจ้าประจำ ในซอยลาซาล เขาล้างให้ ก่อนว่งคืนรถ น้องใหม่ เจ้าของร้าน ยังถามเลยว่า รถเป็นอะไรมาหรือ

ถึงได้ต้องแปะเทปพันสายไฟเอาไว้แบบนี้  (-__-‘) 

 

ในเมื่อ สิ่งที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ เป็นเพียง First Impression นั่นคือการทดลองขับ เพียงคร่าวๆ เบื้องต้น ดังนั้น สิ่งที่คุณควรจะรู้เอาไว้เป็นพื้นฐาน

ก็มีเพียงแค่ว่า เทียนาใหม่ รหัสรุ่น J32 ถูกสร้างขึ้นในรหัสโครงการ L42F บนพื้นตัวถังสำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดใหญ่ ที่เรียกกันว่า D-Platform

แค่นี้ก็พอ….

 

เพราะรายละเอียดในเชิงลึก ผมขอเก็บเอาไว้พูดคุยกันอย่างเต็มเหยียดอีกครั้ง ในวันที่ ฟูลรีวิวของเทียนา คลอดสู่สายตาสาธารณชน

ราวๆ เดือนเมษายน บวกลบนิดหน่อย

 

ดังนั้น เราจะมาพูดกันแต่สิ่งที่ผู้คนอยากรู้ ในเบื้องต้น

 

สิ่งที่ ผู้คนอยากรู้ เมื่อมีรถยนต์รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ ออกสู่ตลาดนั้น ก็มีอยู่ไม่กี่คำถาม
นั่นคือ ดีขึ้นกว่าเดิมไหม? แรงหรือเปล่า? กินน้ำมันมากน้อยแค่ไหน? นั่งสบายหรือเปล่า? ขับดีไหม? และคุ้มไหม?

ดังนั้น เราจะมาเจาะกันคร่าวๆ เฉพาะ 6 ประเด็นหลักนี้

ดีขึ้นกว่าเดิมไหม?

ว่ากันที่ขนาดตัวถัง เป็นเรื่องแรก

เทียนามีความยาวตัวถัง 4,850 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร
สูง 1,485 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ ยาว 2,775 มิลลิเมตร

 

เมื่อ เอาคู่แข่ง ทั้ง โตโยต้าแคมรี และฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่  มาเทียบกันแล้ว

ความยาวของเทียนาจะอยู่ตรงกลางระหว่าง แคมรี (4,825 มิลลิเมตร) และแอคคอร์ด (4,935 มิลลิเมตร)

ความกว้าง ของเทียนาจะแคบกว่าคู่แข่งทั้งสอง (แคมรี 1,820 มิลลิเมตร ส่วน แอคคอร์ด 1,845 มิลลิเมตร) 

ความสูง ก็สูงกว่าใครเพื่อน (แคมรี 1,470 มิลลิเมตร ส่วนแอคคอร์ด สูง 1,476 มิลลิเมตร) 

ส่วระยะฐานล้อ ของ เทียนา จะยาวเท่ากับ แคมรี ขณะที่ แอคคอร์ด จะมีความยาวมากที่สุด คือ 2,800 มิลลิเมตร

งานออกแบบภายนอก

เส้นสาย ก็ยังคงความเป็น คุณหญิง ทำผมทรงกระบังไลออนคิง อย่างเดิม (ก็แน่ละ รถคันนี้ ถูกสร้่างขึ้นเพื่อเอาใจลูกค้าวัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่ 40-50 ปีขึ้นไปนี่นา)

ต่างกันตรงที่ มาคราวนี้ คุณหญิงคนเดิม ได้ขึ้นเป็น อธิการบดี มหาวิทยาลัย ใจกลางเมืองแล้ว แถมยัง ดูอ่อนวัยลง และเข้าใจผู้คนมากขึ้น ด้วยชุดไฟหน้าแบบเพรียวหางชี้ขึ้น

พาดไว้เกือบจะไปถึงกลางซุ้มล้อคู่หน้าอยู่แล้ว บั้นท้าย แบบเดิมที่สวยงามลงตัว ถูกแทนที่ด้วย ไฟท้ายแบบใหม่ ที่หลายคนดูแล้วชื่นชอบมากขึ้น

และงานดีไซน์ของนิสสันนั้น รถหลายๆรุ่นของค่ายนี้ ส่วนใหญ่ ออกแบบมาให้อยู่ได้นาน ฃนิดที่รถรุ่นใหม่เปิดตัวแล้ว

รุ่นเก่าก็จะยังดูสวยอยู่….และอยู่ได้อีกนาน

 

นานอย่างไร เอาเป็นว่า
เมื่อผมคืนเทียนาใหม่ไปแล้ว มีโอกาสได้ลองนั่งรถรุ่นเดิมสั้นๆอีกที
แล้วก็พบว่า มันช่างน่าเสียดาย หากจะต้องยอมรับความจริงว่าเทียนารุ่นแรก
กำลังจะหมดอายุตลาดลงแล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

 

(ยกเว้น Cefiro A32 ขับหน้ารุ่นแรก อันน่าเบื่อออออ เหมือนกับดีไซน์เนอร์เพิ่งตื่นนอน รีบๆลากๆเส้นให้เสร็จส่งครูนั่น) 

 

ความเห็นของผม : มันเป็นรถที่ดูแล้ว เหมาะกับ คณาจารย์ อธิเิกิน…เอ้ย อธิการบดี ม้ากมาก!

 

 

ระบบกุญแจ เป็นแบบ รีโมทคอนโทรล Immobilizer แบบ Keyless Entry และ ใช้วิธีกดปุ่มติดเครื่องยนต์ ทุกรุ่น!

โดย มีสวิชต์ ซึ่งหน้าตาดูดี และชวนให้นึกถึง ปุ่ม กลมๆสีขาวนวล บนเกมตู้ ในห้างสรรพสินค้าชะมัดเลยแหะ

ก่อนติดเครื่อง ต้องเหยียบเบรกก่อนทุกครั้งเสมอ 

 

 

แต่ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในห้องโดยสาร ยังคงไว้ซึ่งความโปร่งโล่งสบาย
งานนี้ ขอชมว่า นิสสัน สามารถรักษาคุณงามความดีของเทียนารุ่นเดิมเอาไว้
ให้สืบทอดมายังรุ่นใหม่ล่าสุด ได้อย่างดี

ห้องโดยสารของเทียนา ใหม่ ยังคงน่านั่ง และใช้วัสดุดีที่สุด
ในบรรดาคู่แข่งกลุ่มตลาด D-Segment ที่เหลือ
ทั้ง Toyota Camry , Honda  Accord , และ Hyundai Sonata

และที่สำคัญ กลิ่น ของห้องโดยสาร คือสิ่งที่ผม ชื่นชอบมากๆ!
ตั้งแต่เจอรถใหม่มาหลากรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้งประกอบใน และประกอบนอก
กลิ่นห้องโดยสารของ เทียนาใหม่ ละมุน ผ่อนคลาย และไม่ระคายเคือง ไม่ฉุนจมูก
ไม่โหดร้ายเหมือนกลิ่นรถใหม่ทั่วๆไป เรียกว่า เป็นหนึ่งใน 2 คัน ที่ผมชื่นชอบกลิ่นภายในมากที่สุดเท่าที่เจอมา!

อีกคันนึงนั้น รถอะไรหรือ?

ตอบ :  Volvo S80 ใหม่ !

 

 

เบาะนั่งของนิสสัน หลายๆรุ่น จะมีข้อดีตรงที่ว่า พนักพิงออกแบบมาค่อนข้างดี ไม่ค่อยก่อปัญหาปวดหลัง

และเทียนาใหม่ ก็เช่นเดียวกัน เบาะหน้านั้น ให้ความสบายมาก มากเสียจนคุณอยากจะนอนหลับอยู่กับที่ ไม่ต้องขับรถไปไหนอีก

อีกทั้งยังแก้ปัญหาเดิมๆที่พบในเทียนารุ่นก่อน ได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม ส่วนซัพพอร์ตบริเวณไหล่ การเสริมความหนานุ่มบริเวณด้านข้างเล็กน้อย

และพนักศีรษะที่ นุ่มสบาย ใช้งานได้ดี แถมคราวนี้ ยังปรับได้ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า ทั้งคู่หน้า โดยฝั่งคนขับนั้น ปรับได้ 8 ทิศทาง มีให้ครบตั้งแต่ 2.0 ลิตร

รุ่น 200XL ขึ้นมาเลย แถม มีหน่วยความจำตำแหน่งเบาะมาให้ 2 ตำแหน่ง (ตั้งแต่รุ่น 2.5 ลิตรขึ้นไป) ส่วนฝั่งผู้โดยสาร ปรับได้ 4 ทิศทาง (มีตั้งแต่

รุ่น 2.5 ลิตรขึ้นไป) 

 

พักหลังมานี้ น่าสังเกตว่า เบาะนั่งของนิสสันหลายๆรุ่น ทั้งในไทย และต่างประเทศ พยายามจะออกแบบโดยใช้แรงบันดา่ลใจจากโซฟาในบ้าน

เลยชวนให้สงสัยว่า นักออกแบบของนิสสัน กำลังจะสื่อให้เจ้านายพวกเขาเห็นว่า ควรจะเปลี่ยนเก้าอี้นั่งทำงานในสตูดิโอออกแบบของตนได้แล้วหรืออย่างไร? 

มันจะนั่งสบายกันไปถึงไหนเนี่ย สบายเสียจนอยากจะหลับมากกว่าอยากจะขับแล้วนะ

 

ในทางกลับกัน ถ้าเป็นเช่้นนี้เมื่อไหร่ ผมว่าชักเริ่มน่ากลัวนิดๆ เพราะโอกาสที่ผู้ขับขี่ จะเผลอหลับ แข่งกับผู้โดยสารบนเบาะหลัง ก็มีสูงนะเออ! 

 

 

มาูพื้นที่โดยสารด้านหลังกันบ้าง

การเข้าออกจากประตูคู่หลัง ทำได้ดี แน่นอนว่า หัวผมไม่แอบโขกโป๊ก กับขอบประตูด้านบน เหมือนแคมรีใหม่

แถมด้านหลัง ยังมี ม่านไฟฟ้า ควบคุมจากสวิชต์บนหน้าปัดแถมมาให้

แต่ เบาะรองนั่ง ด้านหลัง ของเทียนารุ่นเดิม นั้น ยังคง น่านั่งกว่ากันนิดนึง

เปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆคือ
ลองนึกถึงภาพตัวคุณ กำลังนั่งอยู่บน เค้กกล้วยหอมขนาดใหญ่ นุ่มๆ ฟู
ที่ผ่านกระบวนการมาอย่างดี จากฝีมือร้านเบเกอรี่ ในโรงแรม NOVOTEL สยามฯ
(ซึ่ง เป็นเบเกอรี่ ช้อป แห่งหนึ่งที่ทำขนมได้อร่อยมากๆ ในบรรดาโรงแรมชั้นนำของกรุงเทพฯ ตามความคิดผม

 

 

เทียบกับเบาะรองนั่งของ เทียนารุ่นใหม่ ซึ่ง ทำให้คุณรู้สึก
เหมือนนั่งอยู่บนเค้กกล้วยหอมขนาดยักษ์แบบเดียวกัน
แต่เป็นฝีมือการทำจากร้าน รสทิพย์ เบเกอรี่ แถว บางรัก

คือ ดี ใกล้เคียงกัน แต่ รุ่นเดิม นั่งสบายก้นกว่านิดนึง

เอาน่า มันไม่ใช่ เค้กกล้วยหอม แบบที่ขายอยู่ใน 7-11 ซึ่งได้แค่กินพอประทังชีวิตแล้วกัน!

เบาะหลังนั่งสบายหรือไม่
ก็คงต้องให้ ท่าน General Cheng ของเราเป็นผู้พิสูจน์….

 

 

คิดดูว่า สรีระระดับฮิปโปยกธงขาว ขนาด 152 กิโลกรัม นี้
ยังนั่งอยู่บนพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังของเทียนา แล้วยังมีพื้นที่เหนือศีรษะเหลือมากขึ้นกว่าเดิม
โดยไม่ต้อง เลื่อนตัว ให้ไหลลงมาเล็กน้อยแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไรละ?

ก็หมายความว่า เขาปรับปรุง พื้นที่เหนือศีรษะ ด้วยการ ทำ เพดานให้หลบเว้าขึ้นไป 11 มิลลิเมตร นั่นเอง

ส่วน เบาะนั่งฝั่งซ้าย ในรูป ที่มีการปรับเลื่อนขึ้นหน้าไปนั้น เพราะขณะนั้น มีน้องอีกคนกำลังลองเล่นเบาะหน้าตรงนั้นพอดี
แต่ แม้ว่าจะไม่ต้องเลื่อนเบาะหน้าฝั่งซ้ายขึ้นไปแบบนั้น ขาของแพน ก็ยังคงวางอยู่บนพื้นรถได้สบาย โดยหัวเข่าไม่ติดด้านหลัง
ของพนักพิงเบาะหน้า

เพียงแต่ หมีขาวบ่นว่า พื้นที่แกว่งขา มันน้อยกว่า ทีด้า 1.6 ลิตร 5 ประตู ของเขาซะอีก!!

แน่ละ ก็ความยาวห้องโดยสาร ทีด้า มันยาวเท่ากับ Nissan Cima หรือ Infiniti Q45 พอดีเป๊ะเลยนี่

 

ถ้าพื้นที่ห้องโดยสาร ยังนั่งสบายขนาดนี้

แล้วพื้นที่ ห้องเก็บของด้านหลังละ จะสบายขนาดไหน

 

อันนี้ ผมคงตอบได้ไม่ดี…

 

…เท่ากับ ลิงน้อย 3 คน ในทีม The Coup เรา 

ทั้ง ตอย แบงค์ และ เจ้ากล้วย BnN ที่ไปนอนขดตัวแบบยังพอมีอากาศหายใจ

อยู่ในท้ายรถเทียนาใหม่ เช่นที่เห็นนี้….

 

 

ไปถามพวกเขากันเองนะครับ

 

แต่ถ้าในกรณีที่ ใครสักคน ปิดฝากระโปรงท้ายเข้าไป ไม่ต้องกลัว มีเชือกเล็กๆ สำหรับดึงเปิด ฝาท้าย

ให้ลิงน้อยทั้ง 3 ทะยอยคลานออกมาจากข้างในได้!

 

 

แผงหน้าปัด ของเดิมที่สวยดีอยู่แล้ว แต่เหมือนไมไ่ด้เอาใจคนชอบขับรถมากนักนั้น

พอมาเป็นรุ่นใหม่  เอาใจคนขับมากขึ้น กระนั้น ทำไมตอนนั่งส่องในแค็ตตาล็อก มันดูแปร่งๆ ไม่เข้ากับตัวรถ

 

ทว่า พอมาขึ้นขับคันจริง เฮ้ มันเข้าท่าเลยนี่นา ตำแหน่งการวางอุปกรณ์ต่างๆ ทำได้ เกือบจะดีเลย

ยกเว้น ตำแหน่งสวิชต์ควบคุมชุดเครื่องเสียง ที่ควรจะเลื่่อนขึ้นมาด้านบนอีกนิด แถมทัศนะวิสัยรอบคัน

ยังโปร่งตาขึ้นกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อยด้วยซ้ำ

 

พวงมาลัย แบบปรับระดับสูงต่ำได้นั้น แม้จะยกมาจากพวงมาลัยของ Murano ใหม่
กลับไม่มี ลูกเล่นในการปรับเลื่อนเข้าหา-ออกห่างจากตัว แบบ Telescopic
อย่างที่ ทั้ง แคมรี และแอคคอร์ดเขามีกันเลย

นี่ละ…จุดด้อยกว่าคู่แข่งข้อแรกที่เจอละ
เพราะทั้ง Toyota Camry และ Honda  Accord
ต่างก็สามารถปรับตำแหน่งพวงมาลัย  ยืดเข้า-ออกห่างจากตัว ได้ทั้งคู่

จะโทษฝ่ายการตลาด และทีม Product Planing ทางเมืองไทย ก็คงไม่ได้
เพราะในเมื่อ เวอร์ชันญี่ปุ่นเอง ก็ยังไม่มีใส่มาให้กับเขา เหมือนกันเปี๊ยบ เลยเนี่ยสิ!!

– จุดต่อมา การตกแต่งภายใน ด้วยลายไม้ ตัดสลับกับโทนสีเงิน และโทนสีเบจในห้องโดยสาร
สว่าง สวยมากกก และวัสดุที่ใช้ คือจุดเด่น ที่ บรรดาผู้คนรอบข้างผม ซึ่งมีโอกาสได้สัมผัสเทียนาใหม่
พร้อมๆกัน ต่าง พูดถึงเป็นประเด็นแรก ตรงกันหมดเลย ว่า ใช้วัสดุตกแต่ง ดีมากๆ สมราคา
สวย และให้บรรยากาศ ผ่อนคลาย ถอดแบบมาจาก รถต้นแบบ Intima มาเปี๊ยบ!

อย่างไรก็ตาม โปรดระลึกไว้เสมอว่า ก่อนขึ้นขับรถทุกครั้ง คุณควรจะรักษาสุขอนามัยที่ดี
ตามคำแนะนำสำหรับเด็กอนุบาล ของกระทรวงสาธารณสุข คือควรล้างมือให้สะอาด ด้วยสบู่ เจลล้างมือ
ผงซักฟอก ซันไลต์ หรืออะไรก็ตาม ที่มั่นใจว่า ไม่มีคราบอะไรเหนียวๆติดอยู่กับมือ

เพราะเพียง 1,500 กิโลเมตรผ่านไป หาก ไม่ระมัดระวัง
พวงมาลัย หัวเกียร์ และเบาะหนังแท้ ของเทียนาใหม่ ซึ่งเป็นเกรดที่
สัมผัสได้เลยว่า ใช้หนัง ดีกว่ารถญี่ปุ่น และรถยุโรปประกอบในประเทศบางคันนั้น

มันก็เริ่มมีคราบดำๆ ซะแล้ว…

 

 

กระนั้น 3 สิ่งที่เคย มีเสียงเรียกร้องจากลูกค้า
คราวนี้ เราจะได้พบเห็นกันอย่างเต็มที่ ในเทียนาใหม่

– สิ่งแรก นั่นคือ พวงมาลัยแบบ Multi Function
มีปุ่มควบคุมชุดเครื่องเสียง พร้อมเครื่องเล่น CD 6 แผ่น
มาให้จากโรงงาน ครบทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่น 2.0 ลิตร!!

– มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control

– สิ่งที่สอง สำคัญไม่เบา เพราะชุดมาตรวัดที่ออกแบบขึ้นใหม่ให้อ่านง่ายสบายตาขึ้นนั้น
หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่า นี่คือ การต้อนรับกลับมาของเข็มมาตรวัดความร้อน!!
จากเดิม ที่ไม่มีอยู่ในเทียนารุ่น J31 

 

– สิ่งที่ สาม คือ จอ Multi Information บนหน้าปัด ที่มีลูกเล่นหลากหลายขึ้น แสดงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแบบ Real-Time ได้

อีกทั้งยังสามารถ ปรับตั้งให้แจ้งเตือนนำรถเข้าไปเปลี่ยนยาง เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ฯลฯ ได้ตามต้องการ

 

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมดีใจ ว่า เทียนาใหม่ ไม่มีมาให้ คือไฟตัดหมอกหลัง

จะได้ช่วยกันลดปัญหา พวกเปิดไฟตัดหมอกหลังซี้ซั้ว  แยงตาผู้ที่ขับรถตามหลังคนชุ่ยๆพวกนี้ เสียที

 

รายการต่อไป ใครที่คาดหวัง ว่าจะพบกับ Twin Sunroof ซึ่งดูหมือนเป็นหลังคากระจก เหมือน เทียนาเวอร์ชันญี่ปุ่นละก็

ข อ แ ส ด ง ค ว า ม เ สี ย ใ จ อ ย่ า ง สุ ด ซึ้ ง

 

เพราะ นิสสัน ไม่ได้ติดตั้งมาให้ …..(ธ่อ!)

 

เหตุผล? ก็ต้นทุนนั่นละ ถ้าอัดออพชันเข้าไป แล้ว มันแพงจนขายในราคาปลีกสู้คู่แข่งไม่ได้  ทางเดียวก็คือ จำใจต้อง หั่นออพชันออก

เอาน่า อย่างน้อย นิสสัน ก็ยังใส่ ซันรูฟ เดี่ยว มาให้ ใช้งานกัน ในรุ่น 250XV ตัวท็อป ซึ่งเป็นแพ็คเก็จที่ต้องมาพร้อมกับ ม่านลมนิรภัย อีก 2 ฝั่ง ว้าย-ขวา

เพิ่มเติมจากถุงลมนิรภัยคู่หน้า ซึ่งมีติดตั้งมาให้ครบทุกรุ่น ทั้ง 2.0 หรือ 2.5 ลิตร และด้านข้าง อีก 2 ใบ ซึ่งมีติดตั้งมาให้ เฉพาะรุ่น 2.5 ลิตรขึ้นไป

 

 

ส่วนชุดเครื่องเสียง ที่มีมาให้นั้น เป็นแบบ 6 ลำโพง พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 คุณภาพเสียงดี

แต่ ทำไมเสียงเบส มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน? ไปหลบอยุ่ตามซอกหลืบแผงประตูหรืออย่างไร

ใยเจ้าถึงมิโผล่มาให้สัมผัสถึงโสต กันเยี่ยงนี้?

 

250XV คันที่นิสสันส่งมาให้ลองขับนั้น ไม่ได้ติดตั้งระบบนำร่องผ่านดาวเทียม จาก GARMIN มาให้

ซึ่งในเวอร์ชันทำตลาดจริง ลูกค้าสามารถเลือกได้ ว่าจะเอา หรือไม่เอาระบบนำร่อง

แต่ที่น่าเคืองจิตอยู่ไม่น้อยก็คือ ระบบนำร่องนั้น ไม่มีเครื่องเล่น DVD มาให้

แม้จะแก้ตัว ด้วยการติดช่องเสียบ AV IN-OUT มาให้แล้ว สายตาของผู้ที่ได้รู้เรื่องนี้

ก็พากันส่ายศีรษะ โดยมิได้นัดหมายกันแม้แต่น้อย 

 

แถม ตอนนี้ GARMIN เอง ก็ยังติดปัญหาในแง่การผลิต ซึ่งทำให้การส่งมอบสินค้า

ให้นิสสัน เอาไปแปะกับรถคันขายจริง ล่าช้าตามไปด้วย ดังนั้น กว่ารถรุ่นที่มีระบบนำร่อง

จะพร้อมส่งถึงมือลูกคึ้า เผลอๆ ต้องรอช่วง ถัดจาก บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์

ไปอีกแป๊บนึง 

 

เฮ้อ……..

 

อีกจุดหนึ่งที่ต้องบอกกันไว้คือ ในขณะที่คู่แข่ง เขามี Rain sensor  สำหรับตรวจวัดปริมาณน้ำฝน

เพื่อสั่งการให้ชุดระบบใบปัดน้ำฝนทำงานตามความเป็นจริง  แต่นิสสัน ก็ไม่ได้ติดตั้งมาให้  (–__–‘) 

 

 

 

ถึงแม้ การติดตั้งอุปกรณ์มา เมื่อเทียบกับคู่แข่งเขาแล้ว อาจจะมีเด่นกว่า และด้อยกว่าไปบ้าง

 

แต่ถ้าเรื่อง “สมรรถนะของรถทั้งคันแล้ว”  นิสสัน ไม่ยอมแพ้ใครแน่ๆ!

 

เครื่องยนต์ ของ เทียนา เวอร์ชันญี่ปุ่น จะยังคงเป็นตระกูล VQ เป็นบล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว

ทั้งแบบ 2,500 ซีซี VQ25DE และ 3,500 ซีซี VQ35DE เวอร์ชันขับหน้า

ซึ่งทั้งคู่ ถือเป็นขุมพลังหลักของ เทียนา เจเนอเรชันใหม่นี้ ในแทบทุกตลาดทั่วโลก

แต่ในเวอร์ชันไทย นั้นจะมี ขุมพลัง 3,500 ซีซี แม้จะมีผลิตในเมืองไทย

แต่ก็ถูกจำกัดเอาไว้ เพื่อการส่งออกสู่ตลาด ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เท่านั้น

 

ดังนั้น เวอร์ชันไทยจึงมีเครื่องยนต์หลัก คือ รหัส VQ25DE

อันเป็นขุมพลังหลัก ทุกประเทศที่มีเทียนาทำตลาด จะต้องวางเครื่องยนต์รุ่นนี้
เป็นบล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว 2,49x วีซี
182 แรงม้า (PS) ที่ รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด (228 นิวตันเมตร) 23.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที

งานนี้ นิสสันมองว่า ถ้าจะแข่งกับ ทั้ง โตโยต้า แคมรี และ ฮอนด้า แอคคอร์ด ให้ได้
เครื่องยนต์ แค่ 2,300 ซีซี รหัส VQ23DE ตัวเดิม นั้น ไม่เพียงพอจะต่อกรอีกต่อไป
ครั้นจะเพิ่มความจุกระบอกสูบ ให้เท่ากับคู่แข่ง คือ 2,400 ซีซี ก็ดูไร้ประโยชน์
ถ้าในเมื่อ การยกระดับ ให้เป็น 2,500 ซีซี ไปเลย นั้น ต้นทุนไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก
อีกทั้ง การปรับปรุงเครื่องยนต์ ก็ยังอยู่บนบล็อกเครื่องยนต์ ตระกูล VQ ดั้งเดิม
ก็ช่วยให้ประหยัดต้นทุนไปได้อีกพอสมควร

นิสสันเลยเลือก ทางเดินหลัง

ส่วนล่างรุ่น 2.0 ลิตร ที่เคยเป็นเพียงไม้ประดับ ในการทำตลาดรถรุ่นเดิม
มาวันนี้ ถูกยกระดับให้เป็น ตัวจักรสำคัญ ที่จะเรียกยอดขายให้ได้
เทียบเคียงกับรุ่น 2.0 ลิตร ของคู่แข่งทั้งสอง

โดยจะเป็นเครื่องยนต์ MR20DE บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,997 ซีซี

136 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด 190 นิวตันเมตร (19.4 กก.-ม.) ที่ 4,400 รอบ/นาที

เครื่องยนต์นี้ แรกเริ่ม วางอยู่ใน รถตู้ Nissan SERENA เจเนอเชัน ที่ 3 ซึ่งยังทำตลาดอยู่ในปัจจุบัน
และ เป็นเครื่องยนต์ ตระกูล MR เช่นเดียวกับ  MR18DE ซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์ ที่เข้ามารับหน้าที่แทน
ตระกูล SR และ QR

เครื่องยนต์ทั้ง 2 จะเชื่อมการทำงานเข้ากับ เกียบร์อัตโนมัติลูกใหม่ล่าสุด เป็นแบบ อัตราทดแปรผัน

ที่นิสสันเรียกว่า xTronic CVT อัตราทดเกียร์ระหว่าง 2.349 – 0.394 : 1

แต่คราวนี้ ไม่มีแป้น Paddle Shift ไม่มีโหมด บวก-ลบ ใดๆ มาสร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้กับผู้ขับประเภทชอบเล่นเกียร์

 

ยังก่อน นิสสัน ยังไม่พร้อมให้ผมทดลองขับ รุ่น 2.0 ลิตร
และส่งมาเฉพาะรุ่น 2.5 ลิตร อันเป็นตัวหลักในการทำตลาด
มาให้ลองขับก่อน…

แน่นอน หลายคนอยากรู้ว่า มันแรงขึ้นไหม? ประหยัดขึ้นไหม

ได้รับรถมาทั้งที  ถ้าไม่ทดลองจับเวลา หาอัตราเร่ง และทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
นั่นเป็นการปล่อยโอกาสดีให้หลุดลอยไปเสียง่ายๆ อย่างไม่ควรเป็น

แต่ในเมื่อ มีเวลาจำกัดเพียง 2 วัน 1 คืน ดังนั้น การจัดตารางเวลา เพื่อทำทั้ง 2 ภาระกิจ จึงต้อง วางแผนอย่างรอบคอบ

สมรรถนะ โดยรวมนั้น

“คนนั่ง เผลอหลับ แต่คนขับ มันส์!”

เปล่า มันไม่ใช่รถที่ขับสนุกหรอก ตรงกันข้าม มันขับสบายยยยยยยยย มากกกกกกกกกกก เสียด้วยซ้ำ

แต่ความสนุกเร้าใจหนะ เกิดจากสมรรถนะของเครื่องยนต์ชัดๆ 

ก็ลองดูอัตราเร่งแล้วกันครับ

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำตัวเลข 4 ครั้ง นำมาหารหาค่าเฉลี่ย

ผลที่ออกมาได้

9.85 วินาที!!

นี่เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกๆ ตั้งแต่ผมเคยเห็นมาก็ว่าได้กระมัง
ที่ตัวเลขการทดสอบของผู้ผลิต อย่างนิสสัน สามารถใช้อ้างอิงได้จริง

แต่ที่น่าสนใจก็คือ อัตราเร่งแซง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จาการทดลองหาตัวเลขรวม 4 ครั้ง นำมาเฉลี่ยกัน

ได้ 6.85 วินาที
ขณะที่ แคมรี และแอคคอร์ดอยู่ที่ 7.5 วินาที โดยเฉลี่ย

เป็นอันว่า เทียนาใหม่ ไม่อืดแล้วนะ!! แถมอัตราเร่งแซง ช่วง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น
ไม่ต้องรอเปลี่ยนเกียร์ให้เสียเวลา ทำให้สามารถดึงแรงบิดออกมา สร้างอัตราเร่งได้อย่างต่อเนื่อง
อัตราเร่ง ก็เลยเร็วกว่าชาวบ้านเขาด้วยประการฉะนี้

 

แล้วความเร็วสูงสุดละ?…

 

ลืมใส่ในตอนแรก เลยต้องแวะเข้ามาใส่ให้ว่า

 

จากที่ทดลอง (รถ) กับ น้องกล้วย มา

 

Top Speed ของ เทียนา คัน Pre-Production คันนี้ ว่ากันตามมาตรวัดเพียวๆ คือ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ณ รอบเครื่องยนต์ 6,250 รอบ/นาที

 

 

 

แล้วความประหยัดละ?

ย้อนกลับไปช่วงเที่ยงวัน

รับรถมาปุ๊บ ก็มุ่งหน้าไปยัง ปั้มน้ำมันเชลล์ ปากซอยอารีย์ ทันที
ตามเส้นทางเดิม ซึ่งใช้กันมานานแล้ว

นั่ง 2 คน เปิดแอร์  ขับที่ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ก่อนออกรถ เช็คลมยาง ปรับสภาพให้อยู่ในระดับ 32 ปอนด์/ตารางนิ้ว เท่ากันทั้งหมด 4 ล้อ
อุณหภูมิในวันทดลอง จากตัวเลข หน้าจอ Multi Information บนหน้าปัด คือ 35 องศาเซลเซียส

เติมน้ำมัน เต็มถัง หัวจ่ายตัดก็พอ แล้วมุ่งหน้าไปขึ้นทางด่วน ขั้นที่ 2
ไปลงสุดปลายสายเชียงราก ที่ปากทางอยุธยา เลี้ยวกลับมา ย้อนขึ้นทางด่วน
ยิงยาวๆ มาลง อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้ววนกลับมาเติม

 

 

 

ระยะทางบนมาตรวัด 93.0 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเติมกลับ 7.56 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เฉลี่ย 12.30 กิโลเมตร/ลิตร!

ตัวเลข มันบังเอิญ ไปตรงกับ ค่าเฉลี่ย ที่เทียนา 2.5 ลิตร เวอร์ชันญี่ปุ่น
ทำได้ 12.0 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐานการวัดแบบ 10-15 โหมด ของรัฐบาลญี่ปุ่น
(ซึ่งกำลังจะมีรูปแบบ การทดสอบใหม่เข้ามาแทนที่ อีกไม่นานนี้ แทน) พอดีเป๊ะ!

แน่นอน พูดกันอย่างตรงไปตรงมาเป็นที่สุด
ถ้าเทียบกันอย่างง่ายๆ กับบรรดาคู่แข่งที่ผมเคยทดลองมา

Toyota Camry ใหม่ 4 สูบ 2.4 ลิตร มาตรฐานการทดลองเดียวกัน ได้ตัวเลข 14.6 กิโลเมตร/ลิตร
Honda  Accord ใหม่ 4 สูบ 2.4 ลิตร ได้ตัวเลข 14.4 กิโลเมตร/ลิตร

แน่นอน คู่แข่งทั้ง 2 ยังคงทำตัวเลข ได้ดีกว่า เทียนาใหม่
อย่างชัดเจน ไม่ต้องสงสัย

หากแต่ เมื่อเรามองย้อนกลับมาดูข้อเท็จจริงอีกด้าน

เทียนารุ่นเดิม ผมเคยทำการทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เอาไว้ ได้ 11.7 กิโลเมตร/ลิตร

ถ้ารุ่นใหม่ล่าสุดนี้ เครื่องยนต์ มีความจุกระบอกสูบมากขึ้นอีก 200 ซีซี แต่กลับประหยัดกว่ารุ่นที่แล้ว
อย่างที่ ผมทำตัวเลขออกมาได้นี้ ก็นับว่า ดีขึ้น กว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจนแล้ว มิใช่หรือ?

 

 

ขับดีไหม?

 

ถ้าจะบอกว่า ระบบกันสะเทือนของ เทียนาใหม่ น่าประทับใจกว่า วอลโว S80 ใหม่
จะเชื่อหรือไม่?

 

การเซ็ตระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบมัลติลิงค์ นั้น แม้จะยังอยู่บนแพทเทิร์นเดิม

แต่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งของช็อกอัพใหม่ ให้อยุ่ใกล้ชิดติดกับล้อรถมากขึ้น เพิ่มพื้นสัมผัสหน้ายางกับพื้นถนนมากขึ้นอีก 20%

 

ในการเข้าโค้งนั้น หากเทียบกับ S80 ใหม่ ตัวรถพยายามจะเอียงออกมากเสียจนชวนให้เสียวนิดๆ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่า

ยังไงๆ รถมันยังอยู่บนพื้นถนแน่ๆ แต่กับ เทียนาใหม่ แม้จะเป็นรถแนวนุ่มๆเหมือนกัน ทว่า ผมสามารถสาดเข้าโค้งได้

ในระดับที่ผมดูแล้วว่า รถในระดับนี้ ควรจะทำได้ และมันก็พุ่งเข้า-ออกโค้ง ได้อย่างนุ่มนวล นิ่งสนิท และใกล้เคียงกับรถยุโรปชั้นดีมากๆ

แน่นอนว่า ดีกว่า S80 ใหม่

 

ที่สำคัญ  ในการเปลี่ยนเลน คุณจะสัมผัสได้เลยว่า หัวรถจะนำคุณเปลี่ยนเลนไปก่อนที่ตัวรถครึ่งคันหลังจะเลี้ยวตาม
แต่ถ้ามีใครมาตัดหน้า และคุณจำเป็นต้องหักหลบกระทันหัน บอกได้เลยว่า ที่ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น
ท้ายก็ยังไม่สะบัดออก แถมอากัปกิริยาของรถ ก็ยังโยกตัวไปพร้อมๆกันทั้งก้อน ทั้งคัน

เรียกได้ว่า ถ้าเปลี่ยนเลนกระทันหัน  โอกาสที่บั้นท้ายจะหลุดแหกฉีกออกไป ยากแน่ๆ

ส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากการปรับมุมองศา ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัต และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ ให้ติดลบ
รวมทั้งปรับมุมแคสเตอร์ ให้เหมาะสมมากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

คุณงามความดีตรงจุดนี้ ต้องยกให้กับ โครงสร้างพื้นตัวถัง สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้าขนาดกลางค่อนข้างใหญ่
ที่นิสสันเรียกมันว่า D-PLATFORM ซึ่งมีการปรับปรุง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งตามจุดต่างๆของโครงสร้างตัวถังไว้เยอะมาก

อีกทั้งยังเน้นในเรื่องการเสริมแรง

แล้วยิ่ง พอได้รู้ว่า วิศวกรนิสสัน ตั้งมาตรฐาน การเซ็ตช่วงล่าง ของ เทียนาใหม่
ให้สูงกว่า Volkswagen New Passat รุ่นล่าสุดที่ยังไม่มีขายในเมืองไทยด้วยแล้ว
ผมยิ่งไม่แปลกใจ ว่าทำไมช่วงล่างมันถึงดีขนาดนี้

 

ที่ว่าคนนั่งเผลอหลับนั้น ก็คิดเอาแล้วกันว่า ขนาด น้องเติ้ล หนึ่งในบรรดาทะโมนน้อยร่วมก๊วน The Coup ทั้งหลาย

พอคล้อยบ่าย ขึ้นนั่งบนเบาะหลังได้ เป็นหลับไปอย่างสบาย โดยไม่รู้สึกตัวเลย

 

ส่วนระบบเบรก นั้น เป็นแบบ ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบ้องันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน Break Assist

แถมพกด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง VDC (Vehicle Dynamic Control) ซึ่งก็คือระบบ VSC ในโตโยต้า และ VSA ใน ฮอนด้า นั่นเองละครับ

การตอบสนองของแป้นเบรกนั้น นุ่มเท้ามากๆ ชวนให้นึกถึง Lexus LS460 L ไม่มีผิด แต่ ด้วยสภาพของ LS คันนั้น แล่นไป 5 หมื่นกว่ากิโลเมตรแล้ว

ถ้าจะเปรียบเทียบ ก็คงจะใช่เรื่อง เอาเป็นว่า มันนุ่ม และยังแน่นเท้าอยู่ นอกจากนี้ ยังช่วยหน่วงความเร็วทั้งในระดับความเร็วปานกลาง และความเร็วสูงได้ดัีมาก

มั่นใจใช้ได้เลย อีกด้วย

 

 

ส่วนการบังคับเลี้ยวนั้น

ในภาพนี้ ที่ถ่ายมา เป็นช่วงที่อยู่ในระหว่างการทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ซึ่งใช้ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ผมลองปล่อยมือดูคร่าวๆ ว่า พวงมาลัยจะยังคงนำพาให้รถมุ่งหน้าไปตรงทิศตรงทางได้หรือไม่

คำตอบ ก็มีให้เห็นแล้วจากสีหน้าของผม ในรูป

แต่ไม่เพียงเท่านั้น ณ ความเร็ว 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง เทียนาใหม่ ก็ยังนิ่งและให้ความมั่นใจได้ดีกว่ารุ่นเดิมชัดเจน
ผมยังสามารถ ปล่อยมือออกจากพวงมาลัยได้! โดยไม่มีอาการให้น่าหวาดเสียว จากอาการหน้าเบาเหมือนเทียนารุ่นเก่าเลย

ราวกับกำลังขับรถยุโรปชั้นดีอยู่ ไมได้พูดเกินจริง แต่อย่างใด ไม่ได้เชลียร์ ไม่ได้หลอกลวง แต่รถมันทำออกมาได้เช่นนั้นจริง!
ก็ไม่รู้จะพูดเช่นไรได้เหมือนกัน ก็ต้องพูดกันตามจริงนี่ละ ทั้งที่มันยังเป็นแค่รถทดลองประกอบ Pre-Production ซึ่งเป็นอันรู้กันดีว่า

อย่าไปคาดหวังคุณภาพการประกอบที่ดีนักหนาเลยด้วยซ้ำ!

เพราะว่าคราวนี้ นิสสัน ปรับปรุงระบบพวงมาลัยขึ้นมาใหม่ โดยเรียกมันว่า TOPS

(Twin Oriffice Vehicle Speed Sensing Power Steering) ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ 

เพื่อให้การหมุนพวงมาลัย ขณะคลานเข้าไปในซอยอารีย์ หาที่จอดรถ ยังคงเบาหวิว เหมือนกับรถรุ่นที่แล้ว

แต่เพิ่มความมั่นใจ ด้วยความหนืด และหนักแน่นมากขึ้น อย่างชัดเจน หากใช้ความเร็วสูง

 

คาดว่า ในอนาคต จะต้องมีบริษัทรถสักค่าย ออกพวงมาลัย คาร์ฟูร์ กับพวงมาลัย เทสโก้ โลตัส แหงๆ 

 

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องขอชมเชย คือเรื่องของการเก็บเสียง ที่เงียบสนิทมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ชนิดที่ว่า โตโยต้า แคมรี และ ฮอนด้า แอคคอร์ด  ยังไม่อาจทำได้เงียบเท่าเทียนาใหม่!

เพราะไม่ว่าคุณจะใช้ความเร็วเดินทาง 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรือจะเหยียบขึ้นไปถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ก็ไม่ได้ยินเสียงลมอื่นใดมากไปกว่า กระแสลมที่ไหลผ่านตัวถัง

 

และ ในจุดนี้ ถ้าเราวัดกันจากความจริง เทียนาใหม่ เก็บเสียงกระแสลมได้ดีกว่า วอลโว S80 ที่ความเร็ว 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง!! 

(เพราะเหตุผลเดียวคือ หน้าต่างประตูคู่หน้าของ S80 ต่อให้คุณพยายามยังไง มันก็จะยังปิดไม่ึถึงกับสนิทนัก

ทำให้มีเสียงหวีดของกระแสลม เข้ามาให้ได้ยิน ในขณะที่ เทียนาใหม่ ผมไม่ได้ยินเลย!!!)

 

ถ้าคุณไม่เชื่อ น้องกล้วย BnN ผมที่ช่วยผมทดลองหาอัตราเร่ง ในรถแทบทุกคัน ช่วง 2 ปีให้หลังมานี้

คือผู้ที่จะยืนยันได้ชัดเจนที่สุดว่า ผมพูดจริงหรือไม่ เพราะ เขา เป็นผู้ร่วมจับเวลา ในรถทั้ง 2 รุ่นด้วย!

ไปถามเขาดูเอาเถิดครับ ว่าผมพูดจริงหรือไม่อย่างไร 

 

—————————

แล้วมันแทบจะไม่มีข้อที่น่ากังวลเลยเหรอ?

มีอยู่เรื่องหนึ่งครับ ซึ่งผม ยังข้องใจอยู่นิดหน่อย

คือเรื่องของระบบส่งกำลัง
คราวนี้ นอกจาก นิสสัน จะเลือกจะยกเอาเครื่องยนต์ VQ23DE ตัวเดิมออกไปแล้ว
ยังยกเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะลูกเดิมออกไปในคราวเดียวกัน เพื่อจะแทนที่ด้วย
เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน หรือ CVT ในชื่อเรียกว่า XTRONIC CVT

เพราะผมยังไม่แน่ใจว่า ระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบ CVT ที่ติดตั้งมาใน เทียนาใหม่นั้น
จะทนมือทนเท้าลูกค้าคนไทย ได้นานเกินกว่า 1 แสนกิโลเมตร 
อันเป็นช่วงเวลาหมดอายุการรับประกันคุณภาพของนิสสันเขาไปแล้ว ได้นานแค่ไหน

เพราะ ในความคิดของผม
เกียร์ CVT เป็น เกียร์ ที่ “เหมาะกับสภาพถนนเมืองไทย” แต่ “ไม่เหมาะกับนิสัยการขับรถของคนไทย”

สภาพถนนเมืองไทยนั้น เต็มไปด้วยการจราจรติดขัด ต้องการอัตราเร่งที่ต่อเนื่อง มาพร้อมความประหยัดน้ำมัน
เกียร์ CVT ตอบโจทย์ นี้ได้ดีในระดับหนึ่งของมัน แต่สิ่งที่ทำให้ เกียร์ CVT ยังกลายเป็นข้อกังขาอยู่
ก็คงจะมาจาก นิสัยการใช้รถเกียร์อัตโนมัติของคนไทยเรา ซึ่งมักจะเข้าเกียร์ สลับจาก D ไป N หรือ N ไป D
บ่อยๆ ถี่ๆ ตามอำเภอใจ รวมทั้ง จากเคสที่มีปัญหาเกียร์พังก่อนหมดอายุประกัน ก็มาจากการใช้งานอันต้องถามกันตรงๆว่า
พี่จะรีบซิ่งไป หาห่าน ที่ไหนเหรอครับพี่?  กดปรู๊ด รูดปรี๊ด ขนาดนั้น ไม่แปลกละคร้าบ ที่เกียร์มันจะพัง
ข้อต่อโซ่ต่างๆ มันถึงได้ขาดกระจุยกระจายกันไงละ

แต่บางที ก็มีปัญหาจากการผลิต ของซัพพลายเออร์ ที่ฮอนด้า เคยเจอมา ก็ถึงขั้นต้องเรียกลูกค้าของแจ้ส และซิตี้ รุ่นเดิม
กลับไปแก้ไขปัญหาระบบสมองกลเกียร์ กันสนุกสนานเลยทีดียว

 

อย่างไรก็ตาม คุณ ชาญ เจียรประดิษฐ์ จากอู่กรุงเทพ ซึ่งชำนาญการในด้านการซ่อมบำรุงเกียร์อัตโนมัติ เป็นพิเศษ

ก็บอกเล่าให้ฟังว่า เกียร์ CVT เนี่ย ขออย่างเดียว ตอนออกตัว ให้ออกแบบนุ่มนวลสักหน่อย

อย่ากระโชกโฮกฮาก ถ้าจะทำแบบนั้น นานๆทีหนะ ได้อยู่ แต่ถ้าบ่อยๆ ถี่ๆ ติดๆกัน เป็นประจำ

ก็อาจจะมีเสียงดังจากการทำงานของชุดเกียร์ ได้

 

ถ้าออกตัวค่อยๆนุ่มนวลเสียอย่าง ค่อยๆไล่ขึ้นไปในช่วงเริ่มต้น เมื่อถึงช่วงจะขับขี่ด้วยความเร็ว จะไปอัดแข่งกับใคร

ไปไล่ล่าโจรผู้ร้ายที่ไหน ตะบี้ตะบันขนาดไหน เอาเลย ตามสบายโลด

 

ช่างผู้ชำนาญงาน บอกกล่าวมาตามนี้ แล้วแต่คุณผู้อ่านจะคิดกันตามอัธยาศัยและวิจารณญาณครับ 

 

 

ทั้งหมดที่เล่ามาให้อ่านนั้น เป็นเพียงแค่ ออร์เดิร์ฟ จานใหญ่
ที่น่าจะช่วยให้คุณผู้อ่าน ได้สัมผัสลิ้น ชิมรส ถึงการเปลี่ยนแปลงของ เทียนาใหม่ เป็นเบื้องต้น

แน่นอน ยังไม่จบหรอกครับ ยังมีอีกหลายคำถามที่ยังค้างคา และยังมีประเด็นที่น่าจะกล่าวถึงอีก

รอเสิร์ฟ เป็นหม้อไฟชามยักษ์ อันเป็นลำดับต่อไป อีกไม่นานนับจากนี้

และแน่นอนว่า 5 คำถามข้างต้น แม้จะตอบไปเพียงคร่าวๆแล้ว แต่ยังเหลืออีกข้อหนึ่ง ซึ่งตอนนี้
ผมเองก็ยังไม่อาจจะตอบได้ นั่นคือคำว่า คุ้มค่าไหม?

ก็จะให้ตอบได้อย่างไรละครับ ในเมื่อ ผมยังไม่รู้ราคาขายที่แท้จริงเลย
เพียงแต่ ทราบมาคร่าวๆ จากที่มีใครสักคน เอามาปล่อย ว่า ราคาเริ่มต้นในรุ่นล่างสุด 200XE เบาะผ้ากำมะหยี่เน้นขาย Fleet
ต่ำกว่า 1.149 ล้านบาท และรุ่น ท็อปสุด 250XV มาพร้อมซันรูฟ และระบบนำร่อง Navigation System
น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.649 ล้านบาท

ถ้าในเบื้องต้น เห็นราคาว่ามีแนวโน้มแบบนี้

ที่แน่ๆ ถ้าคุณจะต้องรีบใช้รถ และมองเทียนาเอาไว้แล้ว
หากจะซื้อ ก็เซ็นใบจองไปได้เลย และดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรน่าห่วงในช่วงแรก

ถ้าคุณ คิดจะซื้อ แคมรี หรือ แอคคอร์ด
ก็ต้องถามกันอีกนิดว่า

จะไม่ลองมองมายัง รถที่มี หน้าตา เป็น เจ้าของกิจการ ชาย วัยราวๆ ตั้งแต่ 35 ขึ้นไป จนถึง 40 กลางๆค่อนปลาย

หรือ ศาสตราจารย์หญิง วัย 35-40 นิดๆ

หรือไม่ก็ เป็น อธิการบดีมหาวิทยาลัย ยังหนุ่้ม วัย 40-50 กลางๆ

หรืออาจเป็น คุณหญิง ผู้สูงศักดิ์ ทำผม ทรงผมไลออนคิง หรือดูแก่กว่า รถที่คุณกำลังมองอยู่

แต่มีคุณงามความดี และคุณภาพวัสดุกับการประกอบที่ดีมากๆ แถมยังมีเครื่องที่แรงกว่า
อัตราเร่งทันใจทันเท้ากว่า แต่กินน้ำมัน ในระดับ พอกับ ฟอร์ด โฟกัส หรือ มาสด้า 3 เครื่อง 1.6 ลิตร
อันหมายความว่า ยังประหยัดสู้คู่แข่ง เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.4 ลิตร ไม่ได้ แต่ก็ดีกว่ารุ่นเดิมชัดเจน

โดยยังคงคุณงามความดี ทั้งช่วงล่างที่มั่นใจ แถมพวงมาลัยนิ่งขึ้นบังคับดีขึ้น เบรกนุ่มเท้า และชะลอความเร็วได้ดี
สักนิดเชียวหรือ?

 

เพราะนิสสันเอง พยายามวางการตลาดโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายลูกค้าผู้ชาย อันเป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ

อายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งถ้าเอาเข้าจริงแล้ว อย่างน้อย รถมันก็ดูเป็นผู้ชายมากขึ้นกว่า เทียนารุ่นเดิมซึ่ง ดูเป็นผู้หญิงไปหน่อย

 

ตัวเลข 35 นี้ มันกระอักกระอ่วนใจผมอยู่ไม่น้อย แต่ผมไม่ได้ยกมาลอยๆ เพราะยกมาจาก ข้อความใน คู่มือการขาย ของเทียนา ภาคภาษาไทยนั่นละ

อันที่จริงๆ เขาเขียนเอาไว้ ว่า ลดอายุกลุ่มลูกค้าเป้าหมายลงเหลือถึง 33 ปีซะด้วยซ้ำ

(แต่ ลูกค้าที่ซื้อจริงหนะ อายุเฉลี่ยเท่าไหร่ กว่าจะรู้ ก็ต้องรอกันหลังเปิดตัวไปแล้วเดือนนึง)

 

ทว่า ที่น่าสงสัยเป็นที่สุดคือ

แผนการตลาดของนิสสัน ที่วางเอาไว้กันอย่างตั้งใจหนะ จะสามารถ ลบภาพลักษณ์ คุณหญิง ไลออนคิง

ที่ฝังรากหยั่งลึกมาตั้งแต่ Cefiro A32 ยาวถึง Teana J31 แล้วเติมความอ่อนวัย ให้กับรถ

จนโดนใจ ลูกค้าชายหนุ่ม อย่างที่พวกเขาคาดหวังซะเหลือเกิน นั้น ได้หรือไม่?

 

หลังวันเปิดตัว 19 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป เราจะต้องพิสูจน์ฝีมือการตลาดของนิสสันกัน (อีกแล้ว) ละ!!

 

งานนี้ ขอบอกว่า หินอยู่นะ  หินกองเท่าภูเขาเลากาเลยละ!

 

ก็พอเข้าใจว่า ความเชื่อมั่นในแบรนด์นั้น ไม่น่าหลงไหลเท่า แบรนด์เจ้าตลาด
แถ้าถอดป้ายโลโก่รถทั้งคันออก แล้วติดตรา โตโยต้า เชื่อแน่ว่า คุณคงจะรีบซื้อมันมาใช้ทันที…

แต่ถ้าคิดว่า รอไปอีกสักพักให้ไลน์ประกอบ นิ่งกว่านี้สักหน่อย
ระหว่างนั้น รออ่านบทความ FULL REVIEW : The New NISSAN TEANA
ที่ตั้งใจว่าจะคลอดในช่วง หลังจากนี้ นั่นจะยิ่งดีใหญ่ครับ…

เพราะจะได้เห็นดำ เห็นแดง เห็นเหลือง กันไปเลย
ว่า จุดดี จุดด้อย มากน้อยแค่ไหน
จะซื้อรุ่นไหนดีกว่ากัน ระหว่าง 2.0 หรือ 2.5 ลิตร
รวมทั้งสมรรถนะ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง และใจของคุณเอง

 

แต่ ที่สำคัญคือ นิสสัน ก็เป็นเหมือนกับรถอย่าง มาสด้า ซูบารุ มิตซูบิชิ วอลโว ซาบ

ซึ่งเป็นรถยี่ห้อที่ จะต้องไปลองขับเอง ถึงจะรู้ว่า ดี ด้อย หรือแตกต่างจากเจ้าตลาด อย่างไร

 

ยิ่งถ้าคุณไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดมาตั้งแต่ต้นแล้วละก็

 

ยิ่งสมควรไปทดลองขับใหญ่เลย

และขอแนะนำว่า ไม่เพียงแค่ ต้องไปลองขับ เทียนา เทียบกับ แคมรี และแอคคอร์ด

แต่ คุณควรไปลองขับ วอลโว S80 เทียบกันด้วย

ไม่ต้องวัดเรื่องภาพรวมทั้งคัน เพราะยังไง วอลโว S80 ก็เหนือชั้นกว่าเทียนาแน่ๆ

แต่ จุดที่ผมอยากจะให้ โฟกัสคือ เฉพาะ “การตอบสนอง ของช่วงล่างเท่านั้น”

 

เพื่อให้รู้แจ้งไปเลยว่า สิ่งที่ผมพูดมาหนะ

 

มันจริง…หรือผมโกหกคุณ?

——————————————————///——————————————————

 

๊UPDATE!

Full Review ของ TEANA ใหม่ เสร็จแล้ว เชิญตามเข้าไปอ่านได้ ที่นี่

 

ขอขอบคุณ
ฝ่ายการตลาด
ฝ่าย PDI (Pre-Delivery Investigate)
รวมถึงบรรดา ผู้อยู่ในที่ลับ และไม่อาจเปิดเผยตัวได้เลยในที่แจ้ง
ของ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิลล์ จำกัด
เอื้อเฟื้อรถยนต์ทดลองขับ 

และการดูแลเอาใจใส่ประสานงานอย่างดีของ เอเจนซี OMD (พี่เป้ง) และ Adapter (คุณ Gop)

อ่านจบแล้วอยากจะพูดคุยกันเกี่ยวกับบทความนี้ เชิญได้ที่

http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=341.0

—————————————————————————————————————

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์

17 กุมภาพันธ์ 2008