ตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก ตอนนี้ แข่งขันกันดุเดือดใช้ได้จริงๆครับ นับตั้งแต่การมาถึงของรถยนต์
ECO Car เมื่อเดือนมีนาคม 2010 รวมทั้งการออกนโยบายกระตุ้นประชาชน ให้ซื้อรถคันแรก
เมื่อปี 2011

แต่ถึงจะถูกกระตุ้นมากมายแค่ไหน ตลาดรถยนต์นั่งพิกัด B-Segment หรือ Sub-Compact ขนาด
พิกัดเครื่องยนต์ระหว่าง 1,400 – 1,600 ซีซี ก็ยังเป็นกลุ่มตลาดรถยนต์โดยสาร ที่ใหญ่ที่สุดของ
ประเทศไทยอยู่ดี

การฟาดฟันในตลาดกลุ่มนี้ รุนแรงใช้ได้ เพราะยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นเรือยๆ ผู้คนเริ่มปันใจจาก
รถยนต์นั่งขนาดมาตรฐาน C-Segment หรือ Compact Class 1,600 – 2,000 ซีซี มาซื้อ
รถยนต์ขนาดเล็ก B-Segment เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา

General Motors หรือ GM บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ก็เป็นอีกค่ายหนึ่ง ที่พยายาม
บุกตลาดกลุ่มนี้ ในเมืองไทยมานานแล้ว ตั้งแต่การเปิดตัว Chevrolet Aveo ในปี 2004

ผลลัพธ์? ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก เพราะตัวรถไม่มีอะไรที่เหนือกว่าคู่แข่งเลย สมรรถนะ
ก็ด้อยกว่า การขับขี่ การโดยสาร ก็พอกัน หรือด้อยกว่า มิใยที่ GM จะใช้วิธีเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ทั้งการ
ยกเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร จาก Optra มาวางให้ ไปจนถึง การเพิ่มรุ่นติดตั้งระบบก๊าซ CNG มาให้ ก็ช่วย
ผลักดันให้ Aveo แค่พออยู่รอดในตลาดบ้านเราไปตามเรื่องตามราว เท่านั้น

แต่มาวันนี้ GM ส่งหมายเชิญ ให้ผมมาทดลองขับรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ล่าสุดของเขา รถที่
ทำคะแนนได้ดีกว่าคู่แข่งในต่างประเทศมากมาย ไม่เว้นแม้แต่ Ford Fiesta เพียงแต่ว่า ผมอาจต้อง
แหกขี้ตา ตื่นนอน เช้าตรู่กว่าปกติ ทั้งที่เพิ่งหลับไหลไปได้เพียง 3 ชั่วโมง เพื่ออาบน้ำแต่งตัว แล้ว
ถ่อสังขาร มาถึงลานคอนเทนเนอร์ ขนาดใหญ่ ในซอยลาซาล ย่านบางนา ละแวกบ้านข้าพเจ้า
ถ่ายรูป เก็บภาพ แล้วลองขับบนเส้นทางสั้นๆ ไม่ยาวมากนัก จับอาการกันในแบบ First Impression
ให้คุณๆ ได้อ่านกันก่อนใคร อีกเช่นเคย

Chevrolet Sonic ถือเป็นโครงการพัฒนารถยนต์ระดับ Global Car เพื่อทำตลาดทั่วโลก โครงการที่ 3
ต่อเนื่องจากทั้ง Chevrolet Cruze และ Chevrolet Colorado เพื่อทำตลาดแทน Chevrolet Aveo ใน
บ้านเรา ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Gamma II แพลทฟอร์มใหม่สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็กในเครือ
GM ทั้งหมด ภายใต้รหัสโครงการ T300

โครงการนี้ เคยเป็นหนึ่งในโครงการที่ถูกพักไว้ในเมืองไทยชั่วคราว ในช่วงที่ GM กำลังเข้าสู่
ภาวะการฟื้นฟูกิจการ Chapter 11 แต่หลังจากได้รับการอัดฉีดเงินทุนแล้ว โครงการนี้ ก็กลับมา
เดินหน้าได้อีกครั้ง

GM วางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ Sonic ในเมืองไทย เอาไว้ในใจว่า เป็นคนรุ่นใหม่ Generation Y
อาศัยอยู่ในเมือง ชอบแฟชัน รักความสนุก ชอบเข้าสังคม

(แสดงว่า ข้าพเจ้า ผู้ซึ่งเป็นคนไม่ค่อยชอบเข้าสังคม ก็ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของรถรุ่นนี้แล้วสิเนี่ย!)

การเลือกใช้ชื่อ Sonic นั้น เป็นนโยบายจากบริษัทแม่ ใน Detroit  โดย Mr. Chris Perry รองประธาน
ฝ่ายการตลาด Chevrolet ในสหรัฐอเมริกาให้เหตุผลการใช้ชื่อใหม่นี้ว่า Sonic เป็นชื่อที่ให้ความรู้สึกถึง
ความเป็นหนุ่มสาว, มีพลังสื่อสารถึงตัวรถได้

ในเมืองไทย ตอนแรก ทีมงานของ GM บ้านเรา ก็คาดว่า ต้องใช้ชื่อ Aveo ต่อไป เนื่องจาก ชื่อ Sonic
ในช่วงแรก สงวนไว้สำหรับตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น ไปๆมาๆ หลังการประชุม ถกเถียงในเรื่องนี้
ผลสรุปก็ออกมาว่า จะใชชื่อ Sonic เหมือนในสหรัฐฯ ไปเลยดีกว่า เพื่อให้ผู้บริโภครับรุ้ว่า Sonic
เป็นรถรุ่นใหม่ มาแทน Aceo และแตกต่างจาก Aveo (แม้ว่า ชื่อ Sonic จะเคยถูกใช้มาแล้ว เมื่อกว่า
สิบปีก่อน ในจักรยานยนต์ Honda Sonic มาแล้วก็ตาม แต่ทุกวันนี้ ผู้คนแทบจำไม่ได้แล้ว)

กระนั้น GM Thailand ก็ยังคงตั้งใจผลิต Chevrolet Aveo CNG ให้กับลูกค้าที่ต้องการความประหยัด
ลากยาว ต่อไปอีกนับจากนี้ อย่างน้อยๆ ก็จนกว่าจะถึงปี 2014 นั่นละ ดังนั้น หมายความว่า…

1. จะยังไม่มี Sonic CNG อย่างแน่นอน ตั้งแต่ช่วงนี้ จนถึงปี 2014 ดังนั้น ไม่ต้องมาถามนะครับ
ว่า เมื่อไหร่จะมี Sonic CNG ไหม เขาจะทำออกมาขายหรือ เปล่า อย่างนั้นอย่างนี้

2. ใครอยากได้ รถยนต์ Chevy ติดก๊าซ จากโรงงาน ไปหา Aveo CNG ครับ เหลืออยู่เพียงแค่รุ่นเดียว

3. Aveo จะกลายเป็น Chevrolet รุ่น “แซยิด” รุ่นแรก ที่ผลิตขายในเมืองไทย นานเกือบ 10 ปี (ฮา)

บอกรายละเอียดเพิ่มไว้สักหน่อยว่า Sonic เวอรชันไทย จะมีให้เลือก 7 รุ่นย่อย ในช่วงแรก
ที่เปิดตัว แบ่งเป็น Sedan 4 รุ่นย่อย แต่ ฝ่ายการตลาดของ GM Thailand ไปขุดเอาศัพท์ที่
ฝั่งยุโรป เขาเรียกรถยนต์ประเภท Sedan กัน มาใช้ในบ้านเราว่า Notchback ซึ่งเป็นชื่อ
ที่จำยากกว่า ก็ไม่รุ้ว่า ใครเป็นคนต้นคิดให้เรียกแบบนี้ อยากคุยด้วยจังว่า เขาคิดอะไรอยู่?

ราคาขายมีดังนี้

NB 1.4 MT LS      548,000 บาท
NB 1.4 AT LA      578,000 บาท
NB 1.4 MT LT      588,000 บาท
NB 1.4 AT LT      615,000 บาท
NB 1.4 AT LTZ    679,000 บาท

HB 1.4 MT LT      601,000 บาท
HB 1.4 AT LT      632,000 บาท
HB 1.4 AT LTZ    687,000 บาท

แต่ละรุ่นย่อย อุปกรณ์เป็นอย่างไรบ้าง ผมคงไม่ขอสาธยายตรงนี้ นั่นเป็นเรื่องที่จะต้องเก็บไว้
คุยกันในบทความ Full Review หลังจากนี้ แต่สำหรับการเริ่มต้นทำความรู้จักรถใหม่สักรุ่นหนึ่ง
เรายังไม่ต้องไปมองถึงอุปกรณ์ที่เขาให้มาหรอก เอาแค่เรื่องพื่นานทางการยภาพ ที่จะต้องพบ
ในทุกรุ่นย่อยกันก่อนเถอะ…

รอช้าอยู่ใย เปิดประตูเข้าไปนั่งเลยดีกว่า

การเข้า –  ออกจากเบาะหน้า ทำได้สะดวกดี ไม่มีปัญหา ขอชมเชยว่า ตำแหน่งการวางแขนของ
ทั้งแผงประตูด้านข้าง รวมทั้ง ที่วางแขนแบบพับเก็บได้ ในรุ่น LTZ นั้น วางได้กำลังดีมากๆ
เบาะรองนั่ง มาในสไตล์เดียวกับ Cruze อีกแล้ว คือเงยและยกต้นขาสูงขันขึ้นมาเล็กน้อย
ดีที่เป็นเบาะผ้า ซึ่งมีฟองน้ำหนาแน่น ซัพพอร์ตและมีความยืดหยุ่นไว้กำลังดี ถ้าเป็นเบาะ
หนังขึ้นมาละก็ สงสัยคงโดนผมตำหนิแบบเดียวกับ Cruze แน่ๆ พนักพิงหลัง ถือว่า ทำได้ดี
การนั่งโดยสารพื้นฐาน เหนือกว่า Aveo เดิมชัดเจน ตำแหน่งนั่งขับ ปรับเบาะลงต่ำสุดมอง
เห็นทัศนวิสัยรอบคัน ชัดเจน และโปร่งตากว่าที่คิดไว้มาก แก้ไขจุดบอดการมองเห็นให้เหลือ
น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

การเข้า – ออกจากเบาะหลัง ทำได้ไม่ติดขัดอะไรนัก เพียงแต่ พนักพิงศีรษะบนเบาะหลังยังคงมี
ปัญหาเดิมคือ การออกแบบรูปตัว L คว่ำ ทำให้ ขอบล่างของมัน ทิ่มตำต้นคอผม และทำให้ต้อง
ยอมดึงยกขึ้นมาใช้งาน ส่วนเบาะรองนั่ง มีฟองน้ำที่นุ่มแน่นกำลังใช้ได้ ในระดับหนึ่ง พื้นที่
เหนือศีรษะ ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด เข็มขัดนิรภัยบนเบาะหลัง เป็นแบบ ELR 3 จุด 2 ฝั่ง ทั้ง
ซ้าย – ขวา และตรงกลางเป็นแบบ 2 จุด คาดเอว เบาะหลังแบ่งพับได้ในอัตราส่วน 60 : 40 เพื่อ
เพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง ส่วนพื้นที่วางขา ถือว่า มีมาให้พอสมควร ขึ้นอยู่กับการปรับเลื่อน
เบาะคู่หน้า ว่าเลื่อนถอยร่นลงมามากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆก็คือ มีมือจับเหนือประตูทั้ง 2 ฝั่งมาให้

แผงหน้าปัด ออกแบบให้มีกลิ่นอายของ Cruze อย่างชัดเจน รุ่น LTZ ตกแต่งด้วย วัสดุสีแดงส้ม
แผงควบคุม กลาง มีรูปแบบการวางตำแหน่งเครื่องเสียง และสวิชต์เครื่องปรับอากาศ แบบเดียวกับ
Chevrolet Cruze กันเลยทีเดียว เป็นแผงควบคุมรูปฐานตัว Y  ที่ดูดี มีสไตล์ แต่การใช้งานก็ยังคง
ต้องเหลือบสายตาลงมามองกันนิดนึง ดีที่ว่า สวิชต์แอร์ เป็นแบบมือหมุน คลำหาปุ่มได้ง่ายหน่อย
ช่องแอร์ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นบบวงกลม ที่ดูเหมือนจะได้แรงบันดาลใจจาก พัดลมยักษ์ในอุโมงลม

ชุดมาตรวัด มาในแนวแปลกตา มาตรวัดรอบ วงกลมขนาดใหญ่ อยู่ฝั่งซ้าย ตัวเลขบอกความเร็ว
เป็นแบบ Digital อยู่ฝั่งขวา GM เคยใช้ชุดมาตรวัดแบบนี้มาแล้ว กับ Chevrolet Spark รุ่นเล็กกว่า
ในเมืองนอก โดยอ้างว่า ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก จักรยานยนต์ Big Bike ราคาแพง แต่ความจริง
ชุดมาตรวัดแบบนี้ ผมเคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้แล้ว ที่ญี่ปุ่น ใน Honda Life รุ่นปี 2005 – 2009
การอ่านข้อมูลในขณะขับขี่ ถือว่าทำได้ดีพอสมควร แต่ด้วยเวลาจำกัด ผมยังหาสวิชต์ปรับเพิ่ม
ความสว่างของชุดมาตรวัดไม่เจอ

พวงมาลัยเป็นแบบ 3 ก้าน ในรุ่น เกียร์ธรรมดา LT จะเป็นพวงมาลัยยูรีเทน ธรรมดา แต่มีถุงลม
นิรภัยฝั่งคนขับมาให้ด้วย ส่วนรุ่น เกียร์อัตโนมัติ LTZ (มีถุงลมคู่หน้า) พวงมาลัย จะประดับด้วยสีเงิน
มีสวิชต์ควบคุมชุดเครื่องเสียง จากบนพวงมาลัย ฝั่งขวา มาให้ หน้าตาคล้ายๆ พวงมาลัยจากรุ่น Cruze

วิทยุเป็นแบบ AM/FM พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3/WMA 1 แผ่น 6 ลำโพง พร้อมช่องเสียบ USB
มีเวลาฟังแค่วิทยุ ก็ถือว่ารับคลื่นได้ ไม่ต่างจากรุ่น Cruze เท่าไหร่นัก เสียงน่าจะดีพอกัน

ฝั่งซ้ายของแผงหน้าปัด เป็น ช่องเก็บของพร้อมฝาปิด ด้านบนที่มีมาให้ เพื่อชดเชยกับขนาดของ
กล่องเก็บของ Glove Compartment ที่มีขนาดเล็ก พอให้ใส่แค่สมุดคู่มือ และสมุดรับประกัน
กับ เอกสารประกันภัยนิดเดียวเท่านั้น  น่าจะทำออกมาให้มีขนาดใหญ่กว่านี้อีกสักหน่อย

อีกจุดนี้ที่อยากจะติ คือ สวิชต์  ปลด-สั่งล็อกประตูจากภายในรถ ติดตั้งไว้ใกล้กับสวิชต์เครื่องปรับ
อากาศ ในตำแหน่งเดียวกับ Cruze ผมขึ้นมานั่งบนเบาะคนขับ หาสวิชต์ตั้งนานกว่าจะเจอ รุ่น
ต่อไป ช่วยย้ายไปอยู่ในตำแหน่งที่ ง่ายต่อการคลำหาและใช้งานกว่านี้เสียทีเถิด

ด้านเครื่องยนต์ ผมไม่แน่ใจว่า GM คิดยังไง ถึงได้ยังคงเลือกให้ Sonic ใช้เครื่องยนต์พิกัด 1.4 ลิตร
ตามเดิม ราวกับว่า ยังไม่เข็ดจากสมัยของ Chevrolet Aveo ที่มีสมรรถนะอืดกว่าคู่แข่ง จนในที่สุด
ต้องยกเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ของ Optra มาวางให้ ช่วงปลายอายุตลาด จึงจะพอเรียกลูกค้ามาซื้อได้บ้าง

คราวนี้ ใช่ครับ ประวัติศาสตร์ ซ้ำรอยเดิม อีกแล้ว แต่ตัวเครื่องยนต์หนะ เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย

เครื่องยนต์ ของ Sonic เวอร์ชันไทย จะมีเพียงแบบเดียว คือรหัส A14XFR บล็อก 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว 1,398 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่ต่อเนื่อง (Double CVC) 100 แรงม้า (PS) ที่ 6,000
รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.3 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที แต่ยังคงเติมน้ำมันแก็สโซฮอลล์ ได้ถึงระดับ
E20 มีให้เลือกทั้งรุ่น เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ (มีเพียงรุ่นย่อยเดียว) และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ลูกใหม่ ที่จะช่วยซอยอัตราทดเกียร์ให้ถี่กว่าเดิม ช่วยเรื่องอัตราเร่ง และความประหยัดน้ำมันดีกว่า
รุ่น Aveo เดิม…GM เขาบอกมาอย่างนั้น

ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะนั่น จะมี ปุ่ม บวก-ลบ ติดตั้งที่ข้างคันเกียร์ เหมือน Ford Focus ใหม่
ไม่มีผิด อย่างไรก็ตาม ถ้าจะใช้โหมด บวก – ลบ คุณต้องผลักคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง M ก่อน ทั้งที่
คู่แข่ง อย่าง Honda City กับ Jazz นั้น สามารถใช้แป้น Paddle Shift บวก ลบ ได้เลย ทั้งที่
เกียร์อยู่ในตำแหน่ง D

ทันทีที่ลองขับออกถนนใหญ่ สิ่งที่ผมคาดคิดเอาไว้ มันก็ปรากฎออกมาแบบไม่มีผิดเพี้ยน

ถ้าคุณขับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ผมบอกได้เลยว่า อัตราเร่ง ช่วงออกตัวนั้น อืดไปหน่อย มันเพียงพอสำหรับ
คนที่ไม่ได้มีชีวิตที่เร่งรีบ (ขอแอบขบกัด โฆษณา Aveo 1.6 ลิตร สักนิดเถอะ) ทั้งที่เครื่องยนต์ ก็มีกำลัง
เพิ่มขึ้น แรงม้า แรงบิด ก็โอเค ไม่ขี้เหร่ แต่ถ้าคิดจะเร่งแซง คุณจะต้องทำในแบบเดียวกับที่เคยทำกับ
Aveo คือ อาจต้องคิดแซงล่วงหน้ากันนานหน่อย ให้มั่นใจว่าปลอดภัยจริงๆ แล้วจึงเหยียบคันเร่งลงไป
“จมมิดสถานเดียว” เพื่อให้รถ ลากเกียร์ แซงขึ้นไป

อย่างว่าครับ ต้องทำความเข้าใจกันเลยละว่านี่คือเครื่อง 1.4 ลิตร ลากน้ำหนักตัว 1,200 – 1,295 
กิโลกรัม ถ้าอัตราเร่งจะอืด ผมก็ไม่แปลกใจ และเชื่อเลยว่า เครื่อง 1.6 ลิตร จะกระฉับกระเฉงกว่านี้แน่

เกียร์อัตโนมัติ ในรุ่นคันที่เราลองขับ ตอบสนองช้า เหมือนเกียร์อัตโนมัติในยุคเก่าๆ ไม่ไว
ไม่กระฉับกระเฉง คิ๊กดาวน์ เปลี่ยนเกียร์ครั้งนึง ต้องรอกันเกือบ 2 วินาที กว่าที่รถจะเริ่มคิดได้
ว่าควรเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำให้ และเมื่อผ่านช่วงนี้ไป เข็มวัดรอบที่ค่อยๆกวาดขึ้น ก็ไม่ได้มีผลเกี่ยวข้อง
ให้รถมีเรี่ยวแรงเพิมขึ้น ต้องรอหลัง 4,000 รอบ/นาที นั่นละ ถึงจะเร่งแซงได้สบาย หายใจโล่งขึ้น
ยิ่งตอนออกตัวจากสี่แยกไฟแดง บุคลิกการเซ็ตสมองกลเกียร์ของ GM ยุคใหม่ ในแบบที่ ทำให้รถ
ออกตัวไปแบบ “เนือยๆ ค่อยเป็นค่อยไป” นิสัยช่วงเกียร์ 1 เหมือนกับ Cruze และ Captiva ไม่มีผิด!

แล้วในรุ่นเกียร์ธรรมดาละ? มันจะอืดอย่างนี้หรือเปล่า? จากที่ลองขับสั้นๆ อัตราเร่งในช่วง
เกียร์ 1 พอรับได้ แต่พอเข้าเกียร์ 2 สัมผัสได้ว่า เครื่องเหมือนจะหนืดนิดนึง เพียงเท่านี้ยัง
ไม่อาจบอกได้ครับว่า แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน อาจต้องใช้ระยะทางยาวกว่านี้สักหน่อย
จึงจะรับรู้ได้ว่า สมรรถนะแท้จริง เป็นอย่างไร?
 
สิ่งที่ผมชอบมากของ Sonic คือ รุ่นเกียร์ธรรมดา ซึ่งมีคันเกียร์ ที่เข้าได้กระชับดีมาก Shift Feeling
ดีมาก ชนิดที่ว่า ถ้าใครเคยชอบ คันเกยร์ของ Mazda 2 ผมว่าจะชอบคันเกียร์ของ Sonic ได้ไม่ยาก
การเข้าเกียร์ แม่นยำ ทำได้ฉับไว น้ำหนักที่ต้านมือ กำลังดี ราวกับกำลังขับรถยุโรปชั้นดี

และที่เหลือต่อจากนี้ คือจุดเด่นของ Sonic ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน ที่ยังคง
ใช้เพาเวอร์แบบไฮโดรลิก ผ่อนแรงอยู่ตามเดิม มิน่าละ การตอบสนองถึงได้ยังคงรักษาความแม่นยำ
ในการบังคับเลี้ยว น้ำหนักเป็นธรรมชาติ เอาใจคนชอบขับรถ ได้ดีขนาดนี้ แม้ว่าจะหนืดไปหน่อย
สำหรับคุณสุภาพสตรี หรือใครก็ตาม ที่ชอบพวงมาลัยเบาหวิวๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่า การปรับเซ็ต
พวงมาลัยงวดนี้ ลงตัวมากแล้ว “กรุณาอย่า อย่าเปลี่ยนอะไรมันอีก!!”

ระบบกันสะเทือนหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบ ทอร์ชันบีม รูปตัว V ถูกปรับแต่งมาให้
ดูดซับแรงสะเทือนในช่วงความเร็วต่ำได้ “ประเสริฐมาก” ถือว่าทำได้ดีที่สุดในกลุ่ม B-Segment
ตอนนี้กันเลยทีเดียว แน่นอนว่า มันเหนือกว่า Ford Fiesta หรือแม้แต่ Honda City ของข้าพเจ้า
ก็ตามเถอะ ช่วงล่างดีมากครับ การเอียงตัวขณะเข้าโค้งหนักๆ ไม่มากอย่างที่คิด มั่นใจ และให้
ความนุ่มแต่แน่นหนึบได้อย่างดี เป็นสัมผัสแบบที่ผมมักเจอในรถยนต์ที่มีน้่ำหนักตัวเยอะ ซึ่งผู้ใหญ่
ที่ชอบรถแนวหนักๆน่าจะชอบช่วงล่างแบบนี้กัน ลืมช่วงล่าง Aveo ไปได้เลย Sonic ดีกว่าเยอะ

หนึ่งในนั้น ก็ Commander CHENG! หรือตาแพน ของเว็บเรานี่แหละ ที่น่าจะยิ้มกับช่วงล่างนี้

ระบบเบรก เป็นแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม พร้อมตัวช่วยเจ้าประจำ ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
มาให้ (แต่ไม่ได้มีการระบุไว้ใน Spec Sheet ที่แจกให้กับสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ ว่ามีระบบ
ตัวช่วยอื่นๆ พวก EBD หรือ Brake Assist หรือไม่) อาจต้องเหยียบลงไปเกินกว่า 1 ใน 3
ของระยะแป้นเบรกนิดนึง แต่การหน่วงความเร็ว ทำได้ดี นุ่มนวล ไว้ใจได้ ไม่ว่าจะเป็น
ช่วงคลานไปตามสภาพการจราจร หรือจะหน่วงความเร็ว อย่างเร่งด่วน ลงมาจากระดับ
120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ตาม ถือว่าทำได้ดี และมั่นใจใช้ได้ สำหรับการขับขี่ของผู้คนทั่วไป

อีกเรื่องหนึ่งที่ต้องชมเชยกันเลย ก็คือ การเก็บเสียงรบกวน ขณะขับขี่ ทั้งในซอยลาซาล
หรือบนถนนบางนา-ตราด ผมรับรู้ได้ว่า เสียงกระแสลม ที่ลอดเข้ามาห้องโดยสารนั้น
น้อยลงอย่างชัดเจน ให้บรรยากาศในการขับขี่ แบบเดินทางไกล ที่ดี ไม่แพ้ Cruze เลย

********** สรุป **********
ช่วงล่างดี พวงมาลัยเทพ ขับดีใช้ได้ แน่นหนาทั้งคัน ขออย่างเดียว ขอเครื่อง 1.6 ลิตรเถอะ!

ระยะทางรอบๆ ถนนบางนา – ตราด จนถึง ซอยลาซาล เพียงแค่นั้น ก็มากพอที่จะบอกให้ผมรู้ถึง
บุคลิกในเบื้องต้นของ Sonic ใหม่แล้ว รถคันนี้ ได้พิสูจน์ตัวเองให้ผมรับรู้ว่า วิศวกรของ GM ทั้ง
ในสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และไทย ทำการบ้านในการสร้างรถมามากขึ้น

เพราะบุคลิกการขับขี่ ของ Sonic ใหม่ มันช่างแตกต่างไปจาก Aveo เดิมโดยสิ้นเชิง ดีขึ้นในแทบ
ทุกมิติ ช่วงล่างซับแรงสะเทือนบนถนน ที่มีสภาพพื้นผิวแตกต่างกัน ได้อย่างดีเยี่ยม พวงมาลัยที่
ให้ความแม่นยำ และมั่นใจได้ในการบังคับเลี้ยว  ระบบเบรก ที่ทำงานได้เพียงพอแล้วสำหรับการ
ใช้งานทั่วไป โครงสร้างตัวถังและการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ดูผ่านๆ ก็แน่นหนาดี ไม่มีเสียง
ก๊อกแก๊กๆ ให้หงุดหงิดใจใดๆทั้งสิ้น

สิ่งเดียวที่ยังคาใจผมอยู่คือ อัตราเร่ง จากเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ที่พ่วงเชื่อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
ลูกใหม่ ที่ดูเหมือนว่า ยังออกอาการอืดอาดยืดยาด เสียจนทำให้ผมต้องมองหาทางออกที่เหมาะสมให้
 ว่า ควรวางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เป็นอีกทางเลือกหนึ่งไปเลย จะดีกว่า  รถหนัก 1,200 – 1,295
กิโลกรัมขนาดนี้ ใช้เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร ที่ยังลดแรงเสียดทานในระบบไม่มากพออย่างนี้ ก็เหนื่อยสิครับ

ดังนั้น สำหรับใครที่เท้าไม่หนัก Sonic 1.4 ลิตร น่าจะเอาใจคุณได้ด้วยการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม “มาก”
แต่สำหรับคนเท้าหนัก รอดูเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ซึ่งน่าจะมีกำหนดคลอดตามมาภายหลังจากนี้อีก
พักใหญ่ๆ น่าจะมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมนิดนึง

แต่สำหรับคุณผุ้อ่าน ที่ยังอยากจะรอดว่า อัตราเร่ง เมื่อจับเวลาแล้ว มันจะอืดอาดจริงไหม แล้ว
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นอย่างไร ถ้าเทียบกับ Ford Fiesta 1.4 ลิตร หรือแม้แต่ Aveo รุ่นเดิม
ก็คงต้องบอกได้คำเดียวว่า

รออ่าน Full Review ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านับจากนี้

———————————///———————————-

ขอขอบคุณ / Spacial Thanks

Mr. Laurent Berthet
Director of Communication , Southeast Asia

และ
คุณพันธมาศ กรีกุล
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท General Motors (Thailand) จำกัด
บริษัท Chevrolet Sales (Thailand) จำกัด

สำหรับการประสานงานต่างๆ อย่างดียิ่ง ในครั้งนี้

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และลิขสิทธิ์ภาพถ่ายในไทย เป็นผลงานของ ผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
25 กรกฎาคม 2012

Copyright (c) 2012 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
July 25th,2012

แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Cmments are Welcome!  Click Here