สถานการณ์ของบริษัทรถยนต์อเมริกันยังมีความเปลี่ยนแปลงไม่มีหยุด เพราะบริษัทรถยนต์อเมริกันจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด โดยเฉพาะปัญหาด้านการเงินที่เป็นปัญหาน่าปวดหัวที่สุด

ล่าสุด Ford Motor และ GM ได้ตัดสินใจวางแผนยุติการผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่จนถึงรถยนต์ขนาดเล็กในตลาดสหรัฐอเมริกา เป็นจำนวนรวมถึง 9 รุ่น ได้แก่

Ford

  • Taurus
  • C-Max
  • Fiesta

(Ford C-Max)

(Ford Taurus)

(Ford Fiesta)

GM

  • Buick LaCrosse
  • Cadillac XTS
  • Cadillac CT6
  • Chevrolet Impala
  • Chevrolet Sonic
  • Chevrolet Volt

ทั้งหมดนี้จะถูกยุติการผลิตภายในหลังปี 2020

 

(Buick LaCrosse)

(Cadillac XTS)

(Cadillac CT6)

(Chevrolet Impala)

(Chevrolet Sonic)

(Chevrolet Volt)

 

สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถยนต์อเมริกันทั้งหมด 9 รุ่นต้องยุติการผลิตและการทำตลาดทั้งหมดก็เพราะความต้องการรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในตลาดสหรัฐอเมริกากำลังอยู่ในภาวะหดตัวลง ลูกค้าส่วนหนึ่งได้หันไปซื้อรถยนต์กระบะและ SUV ซึ่งกำลังเป็นตลาดดาวรุ่งแทน

ถ้าวิเคราะห์ถึงสาเหตุของการวางแผนยุติการผลิตในแต่ะลรุ่น ก็พบว่ามันมีสาเหตุตามปัจจัยที่แตกต่างกัน ได้แก่

 

ยอดขายรถยนต์ Ford Fiesta ซับคอมแพคท์รุ่นดังมียอดขายประจำปี 2016 ในตลาดสหรัฐอเมริกา เหลือแค่ 48,807 คันเท่านั้น เมื่อเทียบกับยอดขายประจำปี 2013 ที่มียอดขายสูงสุดถึง 71,073 คัน ก็มีอัตราหดตัวลงถึง 31%

และในเมื่อ All NEW Ford Fiesta จะไม่จำหน่ายในตลาดอเมริกาแล้วก็ทำให้ Ford Motor ยกเลิกแผนการพัฒนา All NEW Ford Fiesta Sedan โดยปริยาย

 

Chevrolet Volt รถยนต์ Series Hybrid รุ่นดังก็ถูกหมายหัวให้ต้องหยุดผลิตด้วยเช่นกัน เพราะ GM มองว่าลูกค้าชาวอเมริกาจะซื้อรถยนต์ Crossover EV มากกว่ารถยนต์นั่ง EV โดย GM จะแนะนำ Crossover EV ในปี 2022

แต่ขณะเดียวกัน Stephanie Brinley นักวิเคราะห์ระดับอาวุโสแห่ง HIS กลับแสดงความคิดเห็นว่า ถึงแม้ตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลอาจจะหดตัวลง แต่มันจะไม่ตายจากไปไหน เพียงแต่การลดจำนวนรุ่นรถยนต์นั่งลงก็เพื่อเพิ่มเนื้อที่ให้ตลาดรถยนต์กระบะและ SUV เติบโตขึ้นนั่นเอง

Detroit News ก็ได้ลงความเห็นว่า Ford และ GM ต้องยุติการผลิตรถยนต์นั่งบางรุ่นก็เพราะว่ารถรุ่นดังกล่าวไม่ใช่รถรุ่นสำคัญที่จะทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำ (Core Product) ซึ่งเป็นการขยายพื้นที่ให้ตลาดรถกระบะและ SUV เติบโตตามกระแสตลาดนั่นเอง

ที่มา : Motor1