ใครก็ตามที่บอกว่าโลกรถยนต์ในอนาคต(ที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้) จะเป็นโลกของรถไฟฟ้า
เสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นอาจเป็นมุมมองของคนทั่วไปและนักวิเคราะห์ ถ้าเจาะลึกเข้าไป
วงการรถยนต์เข้าไปอีกก็จะพบว่าผู้ผลิตส่วนใหญ่จากญี่ปุ่นกลับมองว่าตลาดรถไฟฟ้า
ไม่ใช่ตลาดที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องการ โดยเฉพาะ Toyota เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยี Hybrid
และ Fuel Cell ยังครองส่วนแบ่งการตลาดส่วนใหญ่อยู่ดี

Satoshi Ogiso ประธานบริษัท Advics ซัพพลายเออร์ระบบเบรกในเครือ Toyota
และเคยเป็นถึงอดีตผู้รับผิดชอบโปรแกรมการพัฒนา Toyota Prius รุ่นที่แล้วรวมถึง
มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนา Toyota Mirai ได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับยานยนต์ที่มี
ระบบไฟฟ้าเป็นส่วนประกอบในอนาคต และยังทำนายว่าทิศทางตลาดรถยนต์ใน
อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

2016_09_15_Toyota_EV_1

Ogiso อ้างอิงว่า Toyota ทำนายไว้ว่าผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกจะผลิตรถยนต์ที่มีขุมพลัง
เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าในอัตราส่วน ถึง 90% ภายในปี 2050 แต่ไม่ได้ความว่ารถยนต์
เครื่องยนต์ปกติจะสูญพันธุ์เสียทีเดียว เพราะรถยนต์ระบบ Hybrid ก็ถือเป็นขุมพลังที่
เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าที่ผสมกับเครื่องยนต์ปกตินั่นเอง

ปัจจัยที่ทำให้รถยนต์รักษาสิ่งแวดล้อมประสบความสำเร็จต้องมีปัจจัยทั้งต้นทุนการ
ผลิตที่ถูกเพราะคนทั่วไปไม่อยากได้รถราคาแพงและค่าไอเสียสะอาดจริงตามรัฐบาล
ในแต่ละประเทศกำหนด หากทำได้ก็จะเป็นผู้ชนะ เหมือนกับปรากฏการณ์เครื่องยนต์
ดีเซลที่ครองส่วนแบ่งในตลาดยุโรปถึง 50% ตอบโจทย์ทั้งค่าไอเสียต่ำและต้นทุนการ
ผลิตก็ต่ำกว่าระบบ Hybrid

และปัจจัยเหล่านั้นก็ทำให้ Ogiso เคยผลักดันแผนการพัฒนาระบบ Hybrid อย่างหนัก
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เพราะเขามองเห็นว่าต้นทุนระบบ Hybrid จะถูกลงแต่ต้นทุนเครื่องดีเซล
จะแพงขึ้นเพราะมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น และในปี 2007 เขาเคยประเมิน
สถานการณ์อีก 5 ปีข้างหน้าว่าต้นทุน Hybrid จะถูกกว่าดีเซลแน่ แต่ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเหตุ
การณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง

เวลาผ่านไป หากใครไม่สังเกตก็จะไม่พบความเปลี่ยนแปลง นั่นคือต้นทุนการผลิตเกียร์
สำหรับระบบ Hybrid และเครื่องดีเซลมีอัตราเท่าเทียมกันแล้วซึ่งทำให้ Toyota ใจชื้น
ขึ้นมาบ้าง

ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ลวงโลก DieselGate พวกเขาก็พบว่ารถยนต์ดีเซลเริ่มมีราคา
สูงขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนในการพัฒนาเครื่องให้ผ่านค่ามลพิษสำหรับการใช้งานจริง
จ่ายแพงกว่าแต่ได้เครื่องประสิทธิภาพดีกว่าเบนซิน ก็จริง! แต่เครื่องดีเซลมันดีกว่า
เบนซินเพียงแค่ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ที่ต่ำกว่าเท่านั้น

ครั้งหนึ่ง Toyota ก็เคยทำรถ EV ในระยะสั้น ๆ

ครั้งหนึ่ง Toyota ก็เคยทำรถ EV ในระยะสั้น ๆ

ปัญหาหนักใจของผู้ผลิตทั้งหลายคือการจำกัดค่าไอเสียไนโตรเจน ไดออกไซด์ (NOx)
ให้ต่ำลงเป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก จนบริษัทรถเริ่มลอยแพเครื่องยนต์ดีเซลแล้วหันไปหา
รถไฟฟ้าหรือ Hybrid แทนเพราะต้นทุนถูกกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่าแทน

และด้วยประสบการณ์การมองตลาดที่ไม่เคยผิดพลาดของ Satoshi Ogiso ก็ทำให้เขา
มั่นใจว่า รถไฟฟ้าจะได้รับความนิยมน้อยกว่ารถยนต์ Hybrid และ Fuel Cell ภายใน
10-20 ปีข้างหน้า ถึงแม้ว่าตลาดรถไฟฟ้าจะมีการขยายตัวทั่วโลกก็ตาม

เขาทำนายว่าโลกรถยนต์ภายใน 10-20 ปีข้างหน้าผู้คนจะนิยมรถ Hybrid และ
Fuel Cell มากกว่า 50% หรือ 60% ส่วนรถไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ 100%
จะนิยมเพียงแค่ 30% เท่านั้น

Ogiso มองว่าข้อได้เปรียบของรถไฟฟ้าที่ดีกว่า Hybrid คือต้นทุนการพัฒนารถไฟฟ้า
ที่มีระยะทางวิ่งสูงสุด 250 กิโลเมตรต่ำกว่ารถยนต์ Hybrid แต่ในโลกความเป็นจริง
ลูกค้าอยากได้รถไฟฟ้าที่วิ่งได้มากกว่า 300 กิโลเมตรอยู่ดี นั่นก็ทำให้รถไฟฟ้ายังคง
แพงกว่ารถ Hybrid จนกว่าจะถึงปี 2025

สำหรับวันนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าขุมพลัง Hybrid ได้เปรียบกว่าเครื่องยนต์ดีเซลที่กำลัง
เป็นของโบราณในไม่ช้า แต่สำหรับในอนาคตคงต้องให้เวลาตัดสิน ว่า Hybrid หรือ
EV จะมีอนาคตอย่างไรเชื่อว่าผู้บริโภคคงตัดสินได้เมื่อถึงเวลานั้น

ที่มา : Forbes