หากใครที่ติดตามข่าวมาอย่างยาวนานก็พอจะทราบว่าบางประเทศในยุโรปเร่งผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อทดแทนรถยนต์ที่ใช้พลังงานฟอสซิลอย่างสมบูรณ์แบบให้เร็วกว่าที่คาดการณ์กันไว้ บางประเทศเล็ก ๆ สามารถปฏิบัติจริงได้ แต่สำหรับบางประเทศที่มีประชากรหนาแน่น อาจจะต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อรอคอยการปรับตัว

ล่าสุด Nicolas Hulot รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแห่งประเทศฝรั่งเศส ได้ประกาศแผนส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพว่า รัฐบาลมีแผนยุติการขายรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน และ ดีเซลภายในปี 2040 เพื่อให้กลายเป็นประเทศปลอดก๊าซคาร์บอน

แผนการที่จะให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศปลอดมลภาวะดังกล่าวไม่ได้วาดฝันวิมานจนทำจริงไม่ได้ เพราะ Hulot ยังได้เสนอมติอีกด้วยว่าจะเสนอมาตรการภาษีที่จูงใจให้ประชาชนที่ครอบครองรถยนต์ดีเซลมากกว่า 20 ปี และ รถยนต์เบนซินที่ผลิตก่อนปี 2001 หันมาซื้อรถยนต์ไฟฟ้าแทน

รัฐบาลฝรั่งเศสจะยุติการสำรวจน้ำมันและก๊าซภายใต้อาณาเขตของประเทศ และจะกำจัดโรงไฟฟ้าถ่านหินภายในปี 2022 พร้อมทั้งส่งเสริมให้เจ้าของบ้านผลิตพลังงานเป็นของตนเอง

Hulot ยอมรับว่าเป้าหมายของมาตรการดังกล่าวถือเป็นเป้าที่ยากลำบากมาก แต่เขาต้องการให้ฝรั่งเศสเป็นประเทศเศรษฐกิจสีเขียวอันดับ 1 ให้ได้ (ข่าวต้นฉบับไม่ได้ระบุว่า เป็นอันดับ 1 ของโลกหรืออันดับ 1 ของทวีปยุโรป)

จากนโยบายดังกล่าวก็น่าจะทำให้ PSA Group อันประกอบไปด้วย Peugeot, Citroen และ DS ได้รับผลประโยชน์จากมาตรการภาษีจูงใจให้ประชาชนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้ แต่โฆษก PSA Group กลับมองเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงไปพลังงานอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดบริษัทยังเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในอัตราส่วน 80% เมื่อเทียบกับไลน์อัพทั้งหมดภายในปี 2023  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบริษัทรถยนต์ยังไม่ได้รีบร้อนในการผลัดใบเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

ที่มา : Automotive News , bbc uk