Headlightmag Clip ทดลองขับ All NEW Toyota Corolla CROSS (1.8 Hybrid Premium Safety)

corolla cross

นอกเหนือจากรายการ Kuruma Baka ที่ เต้ – บดินทร์ ได้พาทุกท่านไปชมรถคันจริงของ Toyota Corolla CROSS คลิกอ่านได้ ที่นี่ เรายังมีคลิป ทดลองขับ Corolla CROSS รุ่น 1.8 Hybrid Premium Safety โดยพี่ J!MMY มาให้ได้ชมกัน ตามติดแทบจะในทันที

อย่างไรก็ตาม การทดลองขับดังกล่าว เกิดขึ้นในสนาม Toyota Driving Experience Park ที่มีสถานีให้ลองสมรรถนะของรถแบบคร่าวๆ ค่อนข้างครบ ทั้งด้าน อัตราเร่ง พวงมาลัย ช่วงล่าง และเบรก ดังนั้น จึงยังไม่สะดวกที่จะทดลองเพื่อหา ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง หรือตัวเลขอัตราเร่งใดๆทั้งสิ้น ทำได้แค่เพียงสรุปสัมผัสคร่าวๆมาให้ลองชมกัน

corolla cross

เครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง
Engine & Powertrain

สำหรับตลาดเมืองไทย Corolla CROSS จะมีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ คือ เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร มาตรฐาน และเบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid แบบเดียวกับ Corolla Altis

รุ่น เบนซิน 1.8 เป็นเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FBE เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว ทั้งฝั่งไอดี และไอเสีย Dual VVT-I ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด EFi ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตร (18.05 ก.ก.-ม.) ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ล็อคพูเล่ย์ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด ได้ถึงระดับ Gasohol E85

รุ่น เบนซิน 1.8 Hybrid เป็นเครื่องยนต์รหัส 2ZR-FXE เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.8 ลิตร 1,798 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด EFi จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle ให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร (14.5 ก.ก.-ม.) ที่ 3,600 รอบ/นาที

ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor แรงดันไฟฟ้า 600 โวลต์ ให้กำลังสูงสุด 72 แรงม้า (PS) แรงบิด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่แบบ Nickel metal Hydride (Ni-MH) แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 Modules 6.5 Ah

รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า (PS) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ E-CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด Gasohol E20

ระบบส่งกำลัง E-CVT มีอัตราทด ดังนี้

  • อัตราทดเฟืองท้าย 3.218

ส่วนเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราทด ดังนี้

  • เกียร์เดินหน้า 2.480 – 0.396
  • เกียร์ถอยหลัง 2.604 – 1.680
  • อัตราทดเฟืองท้าย 5.698
corolla cross

ระบบบังคับเลี้ยว
Steering Wheel

พวงมาลัยเป็นแบบ Rack & Pinion พร้อมเพาเวอร์ผ่อนแรงแบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร มีการปรับจูนเพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงสูงขึ้น และปรับน้ำหนักพวงมาลัยแปรผันตามความเร็วรถ เพื่อให้สอดคล้องกับบุคลิกของตัวรถที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเอาใจครอบครัวทั่วไปเป็นหลัก

corolla cross

ระบบกันสะเทือน
Suspension

ช่วงล่างด้านหน้า เป็นแบบ MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง เป็นแบบคานบิดกึ่งอิสระ Torsion Beam พร้อมเหล็กกันโคลง

ช่วงล่างด้านหลังได้รับการออกแบบโครงสร้างของคานบิด Torsion Beam ขึ้นใหม่ สำหรับ Corolla CROSS โดยเฉพาะ ปรับ Bushing และเหล็กกันโคลงให้มีขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงติดตั้งสปริง และช็อกอัพ ให้เฉียงไปทางด้านหน้ามากขึ้น เพื่อลดแรงกระแทกจากพื้นถนนสู่ห้องโดยสาร

ระบบห้ามล้อ
Brake

ระบบห้ามล้อ เป็นแบบดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ จานเบรกคู่หน้ามีครีบระบายความร้อน เสริมการทำงานด้วย ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเพิ่มแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน Brake Assist เสริมการทำงานเข้ากับระบบควบคุมเสถียรภาพ VSC ( Vehicle Stability Control) พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ทั้งขณะออกตัวและขณะอยู่บนพื้นลื่น TRC (Traction Control)

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill-Start Assist Control) ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน Drive Start Control และเมื่อคุณเหยียบเบรกกระทันหัน ระบบไฟฉุกเฉิน ESS (Emergency Brake Signal) จะติดขึ้นมาทำงานทันที เพื่อแจ้งให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะที่แล่นตามหลังมารับทราบ และหาทางหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ

corolla cross

การเก็บเสียงรบกวนและการดูดซับแรงสะเทือน
NVH : Noise Vibration & Harshness

ทีมวิศวกรได้ออกแบบวัสดุดูดซับเสียง และติดตั้งไว้รอบคันเพื่อลดการสั่นสะเทือน และเสียงรบกวน ที่เล็ดลอดเข้ามาภายในห้องโดยสาร ซึ่งในการขับขี่จริง เสียงรบกวนที่เล็ดรอดเข้ามา ในความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถือว่าค่อนข้างน้อย และดูเหมือนจะมีแนวโน้มว่า ห้องโดยสารด้านหลังอาจเงียบกว่า C-HR

ระบบความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือการขับขี่

Safety System & Drivers Assistance 

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ Active Safety

  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitoring)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
  • ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitoring System)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB (Automatic High Beam Control)
  • ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่มีอาการเหนื่อยล้า DAA (Driver Assist Alert)
  • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และเบรกอัตโนมัติ PCS (Pre-Collision System)
  • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน LDA (Lane Departure Alert)
  • ระบบประคองรถให้อยู่ในช่องจราจร LTA (Lane Tracing Assist)

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้องขณะเกิดเหตุ Passive Safety

  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
  • ถุงลมนิรภัยหัวเข่าฝั่งคนขับ
  • ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
  • ม่านถุงลมนิรภัย

***** ฟีลลิ่งหลังขับมาแล้ว แบบสั้นๆ *****

  1. อัตราเร่ง จากจุดหยุดนิ่ง จนถึง 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง มันก็เหมือนกับ Corolla Altis กับ C-HR Hybrid นั่นแหละ ไม่ต่างกันเลย
  2. การตอบสนองของพวงมาลัย เบาขึ้นกว่า C-HR ชัดเจน แต่ ยังคงความ Linear ต่อเนื่อง อย่างที่ทั้ง Corolla Altis กับ C-HR เคยเป็นมา
  3. ช่วงล่าง ถูกปรับเซ็ตมาในแนวนุ่มมมมมม ต่างจาก C-HR แต่พอ สลาลอม ซิกแซก ก็พบว่า Character ของ Platform TNGA ก็ยังอยู่ครบ คือกระชับ เหนียว เบา แต่คล่องแคล่ว​ แถมท้ายออกนิดๆ แบบที่นักขับจะชื่นชอบ แต่คุณแม่บ้านอาจแหยงๆ เพราะอาการท้ายรถขณะสลาลอม คล้าย Subaru Forester รุ่นปัจจุบัน แต่ เบากว่าหน่อยๆ
  4. การตอบสนองของเบรก แป้นเบรกถูกเซ็ตแป้นมาให้มีความหนืดกำลังดี มีความต่อเนื่อง (Linear) ดีมาก และน้ำหนักเหมาะสม กับรูปแบบของตัวรถ

***** สรุป (เบื้องต้น) *****

หากพินิจพิเคราะห์กันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว Toyota Corolla CROSS​ คือ การนำ Corolla Altis มาแต่งงานกับ C-HR แล้วเซ็ตออกมาให้เน้นความนุ่มมมเพิ่มขึ้นในทุกสัมผัส ยกเว้นเครื่อง​ยนต์​ นั่นเอง

ใครคิดจะซื้อ Corolla Altis Hybrid ขอแนะนำว่าลองปรายตามามอง Corolla Cross ​หน่อย ก็ดีนะครับ เพราะด้วยค่าตัวที่ไล่เลี่ยกัน สอ่งที่คุณจะได้จาก Corolla Cross คือ พื้นที่ห้องโดยสารที่โปร่งสบายขึ้น สำหรับสมาชิกในครอบครัวทุกคน รวมทั้ง รายการออพชันที่ฟัดเหวี่ยงกับคู่แข่งได้ ไม่น่าเกลียดมากนัก

แต่ถ้าคิดจะซื้อ Corolla Altis 1.8 อยู่แล้ว..ขอแนะนำว่า จงแน่วแน่ทางเดิมต่อไป เพราะแม้จะมีระบบ Cruise Control แบบมาตรฐาน และข้าวของที่เพียงพอต่อการใช้งาน แต่การไม่สามารถเสริมออพชันต่างๆมให้มากกว่านี้ แม้กระทั่ง ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ก็ยังไม่มีมาให้ ด้วยเหตุผลมาจากปัญหา​ด้านค่า CO2 (เบนซินได้ 150 กรัม/กิโลเมตร พอดีเป๊ะ) ​เลยทำให้ ไม่อาจใส่ล้ออัลลอยมาให้ได้ เพราะถ้าใส่มา CO2 เกิน ก็โดนภาษีสรรพสามิต​แพงขึ้น ขายราคานี้ไม่ได้ ทำให้ความน่าสนใจของรุ่นเบนซิน 1.8 ลิตร ธรรมดา หดหายไปทันที

สิ่งที่เราอยากเห็นจาก Toyota ก็คือ รุ่น เบนซิน 1.8 ลิตร ที่มีอุปกรณ์ เพิ่มเติมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้อีกสักหน่อย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ยังมีความกังวลในเรื่องราคาอะไหล่ของระบบ Hybrid ซึ่งมักเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจซื้อรถแล้วใช้งานยาวนานเกินกว่า 10 ปี ขึ้นไป ต่อให้ Toyota อยากจะผลักดันยอดขายของรถยนต์ Hybrid ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคจำนวนมากแล้ว การผลักดันยอดขาย ด้วยการอัดออพชันมาให้เฉพาะรุ่นแพงๆ เพื่อให้ลูกค้ายอมปีนป่ายขึ้นไปเล่นรุ่นสูงๆ ในลักษณะนี้ อาจไม่ใช่ทางออกที่ดี เพราะตลอดอายุการทำตลาดของ C-HR เอง ก็ต้องยอมรับว่า มีลูกค้าจำนวนมากที่ยอมตัดสินใจเปลี่ยนไปหาคู่แข่ง แทนที่จะอุดหนุน C-HR เบนซิน ด้วยเหตุผลนี้

ส่วนสมรรถนะในภาพรวม ตัวเลขอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่างๆ จะแตกต่างไปจาก C-HR และ Corolla Altis  มากน้อยแค่ไหน รอพบคำตอบได้ในบทความ Full Review ซึ่งน่าจะตามออกมาอีกไม่นานหลังจากนี้

รอดูกันต่อไปอีกสักนิดครับ

—————-///—————–


แสดงความคิดเห็นได้ ที่นี่ >> http://community.headlightmag.com/index.php?topic=76199.0