Toyota เผยโฉม Corolla Sedan ใหม่ อย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 โดยมีรูปลักษณ์ภายนอกให้เลือกสองแบบบนพื้นฐานโครงสร้างหลักเดียวกัน ได้แก่แบบ Sporty ซึ่งเป็นหน้าตาที่ถูกเลือกเพื่อใช้กับ Corolla เวอร์ชั่นอเมริกา และ Corolla LEVIN ที่จำหน่ายในจีน ส่วนแบบ Prestige จะเน้นความหรูหราแต่ล้ำยุค เป็นแบบที่ใช้ในภูมิภาคเอเชียหลายประเทศ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2019 ทาง Toyota ที่ไต้หวันได้เปิดตัว “All-new Corolla Altis” ใหม่ ซึ่งเห็นได้ชัดว่า Toyota เลือกดีไซน์ Prestige สำหรับการทำตลาดในภูมิภาคนี้ และน่าจะรวมถึงประเทศไทย พร้อมสองทางเลือกสำหรับขุมพลัง ทั้ง 1.8 ลิตรเบนซินจับคู่เกียร์ CVT และไฮบริด 1.8 ลิตร กับระบบส่งกำลัง e-CVT  ทั้งหมดรวม 5 รุ่นย่อย วางราคาไว้ตั้งแต่ 698,000 – 898,000 ดอลลาร์ไต้หวัน โดยแน่นอนว่าสองรุ่นที่แพงที่สุดเป็นรุ่นไฮบริด

All NEW Toyota Corolla Altis Sedan (TNGA Platform เวอร์ชั่นไต้หวัน)

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,630 x 1,780 x 1,435 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ  : 2,700 มิลลิเมตร

Toyota Corolla Altis (เวอร์ชั่นไทยรุ่นปัจจุบัน)

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,620 x 1,775 x 1,460 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase : 2,700 มิลลิเมตร

เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมพบว่า All NEW Corolla (TNGA-ไต้หวัน) ยาวขึ้น 10 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 5 มิลลิเมตร เตี้ยลง 25 มิลลิเมตร ส่วนระยะฐานล้อเท่าเดิม

ลักษณะการออกแบบภายนอกของเวอร์ชั่นไต้หวัน (แบบ Prestige) จะมีความเรียบง่ายแต่คม ด้วยกระจังหน้าที่มีซี่โครเมียมต่อเป็นแนวยาวไปจนกินบริเวณไฟหน้า มีลักษณะผสมของ Camry รุ่นก่อน และ Corolla เจนเนอเรชั่นปัจจุบันของไทย แต่ได้รับการแต่งเส้นให้ดูล้ำสมัยขึ้น ด้านข้างมีเส้นสายที่เรียบง่าย ไม่ฉวัดเฉวียน ดูแล้วเห็นความเป็น Toyota Yaris ATIV ปนอยู่ที่ประตูหลัง ในขณะที่ด้านท้ายนั้น จะชนให้นึกถึงทรงของรถหรูอย่าง Lexus มุมฝากระโปรงออกแบบให้รวบเชิดขึ้นเหมือนตูดเป็ด

เวอร์ชั่นไต้หวันเกือบทุกรุ่นจะใช้ล้อและยางขนาด 205/55R16 ในขณะที่รุ่นถูกสุด จะยังใช้ยางแก้มหนาขนาด 195/65R15 โดยไม่มีล้ออัลลอยลายสวยขอบ 18 นิ้วให้เลือกแบบเวอร์ชั่นจีนหรืออเมริกา

ไฟหน้าของ Corolla Altis เวอร์ชั่นไต้หวัน จะมี 3 แบบ

  • แบบ Projector หลอดฮาโลเจน อยู่ในรุ่น 1.8 เบนซิน รุ่นกลาง และรุ่นล่างสุด
  • แบบ Bi-LED Projector พร้อมแถบ Daytime Running Light อยู่ในรุ่น 1.8 เบนซินตัวแพงสุด
  • แบบ Bi-LED Projector พร้อมแถบ Daytime Running Light สีน้ำเงิน อยู่ในรุ่น 1.8 Hybrid
  • ในรุ่น 1.8 เบนซินท้อป และรุ่น Hybrid จะมีไฟตัดหมอก LED ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ส่วนไฟท้าย จะมี 2 แบบ คือแบบ LED หลอดแยกและแผ่นสะท้อนแสงไฟ เหมือนไฟท้ายรถแบบปกติ อยู่ในรุ่นเบนซิน 1.8 ลิตร 2 รุ่นล่าง สำหรับไฟท้ายแบบ Full LED Tube ที่เป็นเส้นแสงสวยเหมือนของ C-HR ตัวท้อปในบ้านเรานั้น จะอยู่ในเบนซิน 1.8 ลิตรรุ่นท้อป และในรุ่น 1.8 Hybrid

ดีไซน์ภายในห้องโดยสารมาพร้อมแนวคิด Sensuous Minimalism เรียบง่าย สะอาดตา ดีไซน์เดียวกับ Corolla Hatchback เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีการใช้แสงไฟตกแต่งห้องโดยสาร (Ambient Light) เพื่อคววามสวยงามในยามค่ำคืน เบาะนั่งเวอร์ชั่นไต้หวันมีทั้งสีดำ และสีทูโทนสลับ (เทาอ่อน-ดำ)

ระบบเครื่องเสียง รุ่นล่างสุดจะเป็นแบบธรรมดา ไม่มีจอกลาง ในขณะที่ 1.8 รุ่นกลางและ Hybrid รุ่นถูก จะได้จอขนาด 7 นิ้ว และรุ่น 1.8 เบนซินตัวท้อปและ Hybrid รุ่นแพงสุด จะได้จอขนาด 8 นิ้ว พร้อมระบบ Drive+Connect และ WiFi ในรถยนต์

ชุดมาตรวัดของ Corolla Altis เวอร์ชั่นไต้หวัน มี 3 แบบ (ในภาพจะโชว์ 2 แบบหลัก) ในรุ่น 1.8 เบนซินรุ่นกลางและรุ่นล่าง จะใช้หน้าปัดแบบมาตรฐานที่มีจอ Multi Information Display (MID) เป็นจอสี TFT ขนาด 4.2 นิ้ว ส่วนรุ่น 1.8 ท้อป และ Hybrid ทั้ง 2 รุ่น จะได้หน้าปัดที่มีจอตรงกลางเป็น TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่สามารถปรับการแสดงผลได้หลายแบบ โดยรุ่นเบนซินจะวางมาตรวัดรอบไว้ทางซ้าย พอเป็นรุ่น Hybrid จะเปลี่ยน เอามาตรวัดรอบออก แทนที่ด้วยมิเตอร์แสดงการใช้พลังงานแทน

นอกจากนี้ ในรุ่นสูง ยังมีระบบฉายข้อมูลเช่นความเร็ว และรอบการทำงานเครื่องยนต์ไปบนกระจกหน้า (HUD) ส่วนระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัตินั้นจะไม่มีในรุ่นล่าง ยังไม่สามารถปรับอุณหภูมิแยกฝั่งซ้าย/ขวาได้ แต่เวอร์ชั่นไต้หวันจะมีระบบ Heater มาให้

ส่วนความจุพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายนั้น ทั้งรุ่น Hybrid และรุ่นเบนซิน จะมีความจุเท่ากันคือ 470 ลิตร โดยมีขนาดมิติส่วนต่างๆตามภาพ แต่เนื่องจากรุ่น Hybrid จะต้องเผื่อที่ใต้เบาะหลังไว้สำหรับแบตเตอรี่ ทำให้ความจุถังน้ำมันลดลงจาก 50 ลิตรในรุ่นปกติ เหลือ 43 ลิตร

ในด้านของขุมพลังขับเคลื่อน Corolla Altis เวอร์ชั่นไต้หวัน มีให้เลือก 2 แบบ

เบนซิน 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FE

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ที่ปรับปรุงใหม่ ให้อัตราสิ้นเปลืองที่ดีขึ้น ความจุ 1,798 ซี.ซี. จากขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 ให้แรงม้าสูงสุด 140 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 17.6 กก. ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที  ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อมระบบ G AI Shift Control และโหมด +/- ล็อคอัตราทดได้ 7 จังหวะ สามารถเลือกโหมดการทำงานแบบ Normal/Sport

เบนซิน 1.8 ลิตร Hybrid รหัส 2ZR-FXE

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson cycle ขนาด 1.8 ลิตร ความจุ 1,798 ซี.ซี. จากขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักเท่ากับ 80.5 x 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1 ให้แรงม้าสูงสุด 96.5 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 14.5 กก. ม. ที่ 3,600 รอบต่อนาที ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor รับพลังจากแบตเตอรี่ Ni-MH รวมพละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้าให้ กำลังสูงสุด 122 แรงม้า จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ แบบ E-CVT (ไม่มีพูลเลย์กับสายพาน ใช้ตัวตัดต่อในการบริหารจัดการส่งกำลังเครื่องยนต์)

สำหรับด้านหน้าเป็นแบบ MacPherson Strut ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ทั้งตัวกระบอกช็อกอัป รวมถึงเรื่องจุดยึดต่างๆ แต่ส่วนสำคัญอยู่ที่บริเวณด้านหลัง เพราะมากับช่วงล่างในรูปแบบ Multi-Link แทนที่ของเดิมซึ่งใช้เป็นแบบ Torsion Beam มาอย่างยาวนาน โดยระบบช่วงล่างหลังแบบใหม่ทาง Toyota ระบุว่า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในเรื่องความนุ่มนวล รวมถึงให้การขับขี่ที่คล่องตัวมากขึ้น

ในเวอร์ชั่นไต้หวัน รุ่น Hybrid ตัวท้อป จะมีแท่นค้ำยันตัวถังตรงกลางรถ 3 แท่น เพิ่มเข้ามาเพื่อลดการบิดตัวของบอดี้รถเมื่อมีการสะเทือนหรือขณะเข้าโค้ง ช่วยแบ่งภาระของตัวถังช่วงกลางค่อนหลังที่ต้องแบกน้ำหนักแบตเตอรี่เพิ่มเข้ามา

สำหรับอุปกรณ์ความปลอดภัยที่มีในเวอร์ชั่นไต้หวันนั้น ทุกรุ่นจะได้อุปกรณ์ความปลอดภัยเท่ากันหมด

  • ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง
  • กล้องรอบคัน 360 องศา (เฉพาะ Hybrid ตัวท้อป)
  • ระบบตรวจวัดแรงดันลมยาง TPMS
  • Toyota’s Star Safety System
    • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (VSC)
    • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (TRC)
    • ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
    • ระบบช่วยเสริมแรงเบรก (BA)
    • ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
    • ระบบแยกจับเบรกหน้าซ้าย/ขวาเพื่อช่วยในการเข้าโค้ง (ACA)
  • Toyota Safety Sense 2.0
    • ระบบความปลอดภัยก่อนการชน และ เบรกอัตโนมัติ Pre-Collision System
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control
    • ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน หรือมีอาการส่ายไปมาในเลน พร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ Lane Departure Assist (LDA)
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam Control (AHB)
    • ระบบตรวจจับรถในจุดบอดกระจกมองข้าง Blind Spot Monitoring (BSM) – (มีทุกรุ่นยกเว้นเบนซินรุ่นถูกสุด)

และนี่ก็คือรายละเอียดเบื้องต้น สำหรับ Corolla Altis เวอร์ชั่นไต้หวัน

สำหรับเวอร์ชั่นไทย มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีรายละเอียดทั้งภายนอก และภายในเหมือนกับเวอร์ชั่นของไต้หวัน เนื่องจากมีรสนิยมของลูกค้าและพฤติกรรมการใช้งานที่ใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตามในความเห็นของผู้เขียน คาดว่าเวอร์ชั่นไทย น่าจะยังไม่ทิ้งรุ่นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร และการปรับอุปกรณ์แบบเอาเท่าที่จำเป็น เพื่อเป็นขวัญใจของตลาด Taxi ต่อไป ส่วนเครื่องยนต์แบบอื่น น่าจะมีความคล้ายกับไต้หวัน โดยรุ่น 1.8 ลิตรเบนซินนั้นน่าจะมีการปรับให้เติมเชื้อเพลิง E85 ได้เช่นเดียวกับที่ใช้ใน C-HR

ส่วนในเรื่องการจัดอุปกรณ์นั้น หากมีการใช้ขุมพลังไฮบริด (ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเพราะปัจจุบันก็มีติดตั้งใน C-HR อยู่แล้ว) จะทำให้ได้รับภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ถูกลง สามารถติดตั้งอุปกรณ์ Safety Sense ขั้นสูงได้โดยที่ราคาไม่น่าจะหนีจาก C-HR 1.8 Hybrid High รุ่นปัจจุบันไปมากนัก

แต่สำหรับรุ่นเบนซิน จะมีการจัดรุ่นย่อยตกแต่งแบบเน้นความสปอร์ต ในลักษณะเดียวกับที่พบใน Camry 2.5G มาให้เลือกหรือไม่ เป็นคำตอบที่เดายาก ตัวแปรสำคัญอยู่ที่การมี หรือไม่มีรุ่นไฮบริด ซึ่งหากคำตอบคือ “มี” ก็แน่นอนว่าอุปกรณ์ล้ำยุค ของเล่นทันสมัยต่างๆจะถูกประเคนไปยังไฮบริด ในลักษณะเดียวกับที่เราเห็นจาก C-HR และ Camry

อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2019 หลังจากเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ให้จับตาดู คำตอบหลายอย่างน่าจะกระจ่างขึ้นสำหรับ Corolla Altis เวอร์ชั่นไทย


ภาพ Official : All NEW Toyota Corolla (Altis) Sedan เวอร์ชั่นเอเชีย แบ่ง 2 ดีไซน์ Prestige – Sporty : http://www.headlightmag.com/official-photo-all-new-toyota-corolla-altis-sedan-prestige-sporty/

ภาพ Official : All NEW Toyota Corolla (Altis) Sedan เวอร์ชั่นเอเชีย แบ่ง 2 ดีไซน์ Prestige – Sporty