การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ในวันนี้เริ่มมีการแข่งขันแบบไร้พรมแดนมากยิ่งขึ้น
ถ้าเป็นอดีต บริษัทรถยนต์ที่ผลิตรถยนต์ระดับแมสมักมีคุณภาพหลายจุดไม่อาจเทียบชั้น
กับรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมได้ตามสัดส่วนของราคา แต่มาวันนี้ผู้ผลิตรถยนต์ระดับแมส
หลายค่ายเริ่มยกระดับคุณภาพรถยนต์แบบก้าวกระโดดโดยอาศัยพื้นฐานการจัดการ
และการบริหารต้นทุนที่ถูกบีบบังคับให้กระทำอย่างมีประสิทธิภาพจนทำให้ลูกค้าหลายคน
ได้รับประสบการณ์การใช้รถยนต์ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์พรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น ถ้าจะต่างก็
ต่างตรงที่รถพรีเมี่ยมก็อัพเกรดตัวเองให้เป็นรถยนต์ไฮเทคเกินเอื้อมมากยิ่งขึ้น เพื่อยก
ระดับให้ห่างชั้นจากรถตลาดบ้าน ๆ ที่เริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวัน

รถยนต์ที่ครองอันดับต้น ๆ ของการสำรวจคุณภาพเบื้องต้นของ JD Power ในระยะ
เวลา 27 ปีมักเป็นรถระดับพรีเมี่ยมทั้งนั้น แต่สำหรับวันนี้กลับมีค่ายรถยนต์กระแส
หลักสามารถขึ้นแท่นผลสำรวจอันดับ 1 ฉีกหน้าแบรนด์หรูทั้งหมด นั่นคือค่ายรถ Kia!!

Kia ขึ้นครองอันดับ 1 ของผลการสำรวจคุณภาพรถยนต์ใหม่เบื้องต้นจาก JD Power
ประจำ 2016 ในสหรัฐอเมริกาด้วยค่าดัชนีประสบการณ์รถยนต์มีปัญหาเพียง 83 ต่อ
100 (PP100) แซงหน้า Porsche ที่มีค่าดัชนี 85 ส่วน Hyundai ก็น่ากลัวมากเพราะ
มีค่าดัชนี 92 ตามมาด้วย Toyota ที่มีค่าดัชนี 93

ในปีที่ผ่านมา Kia เคยครองอันดับ 2 ของผลสำรวจคุณภาพรถยนต์ใหม่เบื้องต้นประจำปี
2015 หรือเป็นรองเพียงแค่ Porsche เท่านั้น

Renee Stephens รองประธานหน่วยคุณภาพยานยนต์ JD Power ใหสัมภาษณ์กับ
CNBC ว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ Kia ขึ้นอันดับ 1 ในด้านการสำรวจคุณภาพรถใหม่ก็
เพราะ Kia ผลิตรถยนต์ที่ไร้ปัญหามากขึ้น กำจัดต้นตอของปัญหาที่เกิดจากการร่วมมือ
ร่วมใจระหว่างดีลเลอร์และโรงงานผลิตในสหรัฐอเมริกา

2016_06_23_Kia_2

ในเบื้องต้น Kia สามารถแก้ไขปัญหา infotainment ให้ลูกค้าได้น่าประทับใจกว่า
แบรนด์รถหรูซึ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ลูกค้าไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก

เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา Kia เคยเป็นแบรนด์รถยนต์เจ้าปัญหาที่อยู่รั้งท้ายผลสำรวจ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน Kia ก็พัฒนาตัวขึ้นจนไต่ระดับผลสำรวจจนอยู่ในระดับ Top
จนถึงวันนี้

แต่ช้าแต่ Kia อาจจะมีอันดับดีมากในผลสำรวจคุณภาพด้านรถใหม่เบื้องต้น แต่ถ้า
มองในผลสำรวจคุณภาพรถยนต์ในระยะยาว Kia กลับอยู่อันดับที่ 17 (มีค่าดัชนี
ประสบการณ์ปัญหาของลูกค้า 153 เหนือกว่าค่าดัชนีเฉลี่ยที่อยู่ในระดับ 152)
ซึ่งเป็นผลสำรวจในช่วงต้นปีนี้ โดยเป็นผลสำรวจที่เก็บตัวอย่างจากผู้ใช้รถยนต์
ในช่วงระยะเวลา 3 ปีต่อเนื่อง

ที่มา : Paultan