ในวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมานั้นเป็นวันครบรอบ 60 ปีกับการจากไปของ James Dean หลังจากที่เข้าประสบอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ใน Porsche 550 Spyder ของเขาเองที่มีชื่อเล่นว่า Little Bastard ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่ามันเป็นรถยนต์
ต้องคำสาปที่สามารถบันดาลให้ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับมันมีอันเป็นไป อย่างไรก็ดีซากของมันได้สูญหายไป
อย่างไร้ร่องรอยมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้วแต่ล่าสุดมีรายงานว่ามีคนรู้ว่าตอนนี้ซากของมันนั้นอยู่ที่ไหน

 

james-dean-porsche-spyder_100170504_l

 

ก่อนจะมาดูสถานการณ์ล่าสุด เรามาย้อนอดีตกันก่อนดีกว่าว่าทำไมอยู่ดีๆรถ Porsche 550 Spyder ถึงมีตำนานเล่าขาน
กันมานานถึงครึ่งศตวรรษ เดิมที James Dean ขับ Porsche 356 อยู่แต่อยากจะขยับขยายไปเล่นอะไรที่มันแรงกว่านี้
จึงไปซื้อ 550 Spyder มาขับในระหว่างที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without A Cause

ตามประสาคนบ้ารถเมื่อได้มาแล้วก็ต้องทำอะไรให้มันเป็นเอกลักษณ์ซะหน่อยซึ่ง James Dean ได้ให้ George Barris
เปลี่ยนเบาะเป็น tartan seat (ปีกเบาะวัสดุอย่างหนึ่ง ตรงกลางเบาะเป็นอีกแบบหนึ่ง), ติดสติกเกอร์สีแดงที่ล้อหลัง,
แปะเลข 130 ตรงประตู-ฝากระโปรง-หน้าห้องเครื่อง, และพ่นสีชื่อ Little Bastard บนตัวรถด้วยซึ่งชื่อนี้ได้มาจาก coach
สอนภาษาของ Dean ที่มีชื่อว่า Bill Hickman

Dean ดูมีความสุขกับรถยนต์คันนี้ดีจนวันที่ 23 กันยายน 1955 เขาได้เอารถคันนี้ไปอวดกับ Alec Guinness ซึ่งเป็นผู้ที่
ทักเค้าว่ารถคันนี้ต้องคำสาปถ้า Dean ยังขับรถคันนี้ต่อไปเขาจะต้องตายใน 7 วันและในวันที่ 30 กันยายน 1955 Dean
ประสบอุบัติเหตุประสานงากับ Ford Custom Tudor ที่วิ่งสวนเข้ามาในเลนและเสียชีวิตในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นซึ่ง
คนขับ Ford ให้การว่าเขามองไม่เห็นรถ 550 Spyder ที่ Dean ขับสวนทางมา

 

porsche_100324089_m

 

หลายคนอาจจะมองว่าเป็นอุบัติเหตุแต่เรื่องราวไม่จบแค่นั้นเพราะ George Barris คนที่ Dean จ้างมาให้แต่งเจ้า Little
Bastard นั้นได้ซื้อซากต่อมาเก็บไว้ซึ่งยังไม่ทันจะไปไหน 550 Spyder ก็หล่นจากรถ trailer มาใส่ช่างจนขาหัก ต่อมา
Barris ระเบิดรถแยกอะไหล่ขายโดยที่ Troy McHennry มาซื้อเครื่องยนต์และ Williams Eschird มาซื้อเกียร์และทั้งคู่
นำอะไหล่ที่ซื้อมาใส่ในรถตัวเองแล้วเอามาแข่งกัน ผลคือ McHenrry เสียหลักชนต้นไม้เสียชีวิตคาที่ส่วน Eschrid
บาดเจ็บสาหัสจากรถคว่ำ

นอกจากนี้ Barris ยังแยกขายยางสองเส้นของ little bastard ให้กับลูกค้าคนหนึ่งซึ่งผลก็คือเอาไปใช้อยู่ดีๆยางระเบิด
จนลงข้างทางกันเลยทีเดียว ทีนี้ซาก 550 Spyder เริ่มดังแล้วเพราะวีรกรรมเด็ดดวงเหลือเกิน Barris จึงนำซากไปเก็บไว้
แต่ยังมีคนอยากรู้อยากเห็นเข้าไปสัมผัสซึ่งคาดว่าเป็นขโมยสองคนที่พยายามถอดพวงมาลัยและเบาะ tartan เปื้อนเลือด
ไปขายซึ่งนอกจากจะงัดอะไรไปไมได้แล้วยังแขนเหวอะกันทั้งคู่ด้วย

ต่อมา California Highway Police เห็นว่าไหนๆก็ดังแล้วเอามาโปรโมทซะเลยน่าจะดีเพื่อเป็นการรณรงค์ให้ขับขี่ปลอดภัย
เจ้าหน้าที่จึงติดต่อขอ Barris เช่าซาก 550 Spyder ไปแสดงซึ่ง Barris ก็ให้ความร่วมมือดีแต่พอย้ายรถไปเก็บเพื่อเตรียม
การแสดงงานแรกนั้น ไฟดันไหม้โรงจอดซะเหลือแต่ตอแต่ little bastard ไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ติดใจอะไร
ยังคงตามแผนนำรถไปจัดแสดงที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่งซึ่งขนาดจอดเฉยๆ ซากรถต้องคำสาปยังอุตส่าห์ร่วงมา
ทับเด็กกระดูกหักไปหนึ่งราย

 

porsche_100324088_m

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่มีแผนที่จะทำ roadshow ในหลายๆสถานที่ little bastard จึงถูกจัดมัดใส่ trailer บรรทุกไปจัดแสดง
ในที่ต่างๆ แต่ประหลาดที่ว่าเจ้า 550 Spyder นั้นฤทธิ์มากพอที่จะดีดตัวเองลงจากรถบรรทุกได้ถึงสามครั้งระหว่างที่วิ่ง
อยู่บนทางหลวงซึ่งโชคดีที่สองในสามครั้งนั้นไม่มีใครเป็นอะไร ยกเว้นครั้งหนึ่งที่คนขับ trailer เสียหลักจนประสบอุบัติเหตุ
จนตัวเองกระเด็นออกมานอกรถและโดนซาก 550 ลอยมาทับอีกที

ในที่สุดเจ้าหน้าที่จึงหมดความอดทนกับรถคันนี้เสียที เลยตัดสินใจส่ง 550 Spyder ขึ้น trailer เป็นครั้งสุดท้ายไปคืน
Barris แต่กลายเป็นว่ารถคันดังกล่าวกลับสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยซึ่งแน่นอนว่ารถดังขนาดนี้ย่อมมีคนตามล่าแต่กลับไม่มีใคร
ได้เจอมันอีกเลยจนในปี 2005 พิพิธภัณฑ์รถยนต์ Volo ใน Illinois ได้ตั้งค่าหัว 550 Spyder ไว้ถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ
ใครก็ตามที่สามารถระบุได้ว่าตอนนี้ little bastard อยู่ที่ไหนซึ่งในเดือนกันยายนที่ผ่านมามีชายคนหนึ่งอ้างว่าเขารู้ว่าซากรถ
คันดังกล่าวตอนนี้อยู่ที่ไหน

ชายนิรนามแจ้งว่าตอนเขาอายุ 6 ขวบเขาเห็นพ่อและเพื่อนของเขาช่วยกันสร้างกำแพงปลอมมาล้อมซาก 550 Spyder
ที่ตึกแห่งหนึ่งในเมือง Washington ซึ่งเขาได้ผ่านเครื่องจับเท็จแล้วด้วยโดยที่ตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของชายนิรนาม
กับพิพิธภัณฑ์เนื่องจากคนชี้เป้าต้องการเงินส่วนหนึ่งมามัดจำก่อนที่จะระบุตำแหน่งที่อยู่ของตึกที่พ่อเขาซ่อนรถไว้
ส่วนทางพิพิธภัณฑ์แย้งว่าพวกเขาจะจ่ายเงินต่อเมื่อพวกเขาได้ครอบครองรถอย่างถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น

ชายคนดังกล่าวพูดจริงหรือไม่ แล้วถ้ามีซาก 550 Spyder อยู่จริงจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น little bastard ในตำนานและถ้า
เป็นความจริงเขาจะได้เงินก้อนโตอย่างที่หวังหรือไม่นั้น เห็นทีเราต้องติดตามสถานการณ์นี้ต่อไป

 
ที่มา : motorauthority, jalopnik