Mazda 2 เปิดตัวครั้งแรกในตลาดโลกตั้งแต่ปี 2014 จนถึงตอนนี้ปี 2019 นับเป็นเวลา 5 ปีแล้ว ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติที่รถยนต์แบบ Passenger Cars จะมีอายุขัยนานขนาดนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะ Mazda 2 หรือ Mazda Demio ในญี่ปุ่นเอง ก็มีกระแสตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก ยอดขายก็ดีมากเช่นกัน ทำให้กว่าจะมีการ Minorchange ก็ผ่านระยะเวลามาถึง 5 ปี ถือว่ายาวนานกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ

และ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ Mazda 2 มีการปรับโฉม Minorchange เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับอุปกรณ์ MY : Model Year ตามรอบเท่านั้น

Mazda Demio เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีการปรับโฉม Minorchange ครั้งแรกในรอบ 5 ปี เมื่อเดือน กรกฎาคม 2019 ยกเลิกการใช้ชื่อ Demio เปลี่ยนเป็น Mazda 2 เหมือนในตลาดโลกเป็นที่เรียบร้อย

ดีไซน์ด้านหน้าของตัวรถเปลี่ยนไปใช้ Theme Design ใหม่ KODO Design 2 เหมือนรุ่นพี่อย่าง All NEW Mazda 3 / All NEW CX-30 ที่เปิดตัวไปแล้วก่อนหน้านี้ ความเปลี่ยนแปลงเริ่มตั้งแต่ไฟหน้าดีไซน์ใหม่ที่เพรียวบางลงกว่าเดิม, กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้า รวมถึงกันชนหน้าดีไซน์ใหม่ สิ่งที่ยังคงเดิมอยู่คาดว่าเป็นฝากระโปรงหน้าที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด

สำหรับ Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย มีข่าวมาแล้วล่าสุด เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทย ปลายปี 2019 นี้ ตามติดญี่ปุ่นเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น คาดว่าเปิดตัวช่วงก่อนงาน Motor Expo 2019 ปลายเดือน พฤศจิกายน จะเริ่มต้นขึ้น อัพเดตความสดใหม่ เพื่อสู้ศึกครั้งใหญ่กับ All NEW Honda City และ All NEW Nissan Almera ที่จะเปิดตัวช่วงเดียวกันนี้ รวมถึงพี่ใหญ่ Toyota Yaris / Yaris ATIV

รายละเอียดความเปลี่ยนแปลงของ Mazda 2 Minorchange เบื้องต้น อ้างอิงจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่น ดังนี้

  • ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ดีไซน์ใหม่
  • กระจังหน้า ดีไซน์ใหม่
  • กันชนหน้า ดีไซน์ใหม่
  • ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่
  • กันชนหลัง ดีไซน์ใหม่
  • ล้ออัลลอย ขนาด 16 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ สี Gun Metal

ทางด้านเครื่องยนต์ของ Mazda 2 Minorchange คาดว่ามีให้เลือก 2 ขุมพลัง เหมือนเช่นเคย ตามกฎของ ECO CAR Phase 2 ซึ่ง Mazda 2 เป็นรุ่นแรกที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการลงทุน BoI นี้

  • ปล่อยก๊าซ CO2 ไม่เกิน 100g./km.
  • มาตรฐานมลพิษ EURO 5
  • ทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันไม่ต่ำกว่า 23.25 km/l
  • ติดตั้งระบบเบรก ABS, EBD, BA เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย
  • ติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว VSA เป็นมาตรฐานทุกรุ่นย่อย

Engine เครื่องยนต์

เบนซิน 1.3 Skyactiv-G

เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G ขนาด 1.3 ลิตร 1,299 ซีซี. 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 71.0 x 82.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 93 แรงม้า ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมันสูงสุด E20

 

ดีเซล 1.5 Skyactiv-D

เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี. 4 สูบ แถวเรียง 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 76.0 x 82.5 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 14.8 : 1 กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นญี่ปุ่น มีการเพิ่มอุปกรณ์ และ ระบบช่วยเหลือการขับขี่หลายรายการ เช่น

  • กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง
  • เครื่องเสียง รองรับระบบ Apple CarPlay / Android Auto
  • ระบบควบคุมแรงบิด G-Vectoring Control Plus (GVC Plus)
  • ระบบล็อคความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Mazda Radar Cruise Control (MRCC)
  • ระบบรักษาตัวรถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keep Assist System (LAS)
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า – ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)

ต้องรอติดตามชมกันว่า Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย จะมีการเพิ่มอุปกรณ์ และ ระบบอะไรบ้าง ?

Mazda 2 Minorchange เวอร์ชั่นไทย เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ช่วงปลายปี 2019 นี้ ก่อนงาน Motor Expo ปลายเดือน พฤศจิกายน จะเริ่มต้นขึ้น หากมีข้อมูลเพิ่มเติม ทีมงาน Headlightmag.com จะรีบนำมารายงานให้ทราบกันครับ


เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/72665.0