ในที่สุด Mercedes-Benz ก็ได้เปิดเผยโฉม GLC แบบเต็ม ๆ เสียทีซึ่งกลายเป็นดาวดวงใหม่ที่จุติขึ้นมาแทนที่ GLK ที่มา
พร้อมกับดีไซน์ Sensual Purity ผสานกับองค์ประกอบที่ดึงจากประวัติศาสตร์รถออฟโรดแนวคลาสสิค(ประมาณว่าได้
เชื้อบรรพบุรุษ G-Class มาให้พอติดกลิ่นบ้าง) มาผสมกัน ดีไซน์ดูปราดเปรียวเล็กน้อยและมีบุคลิกภาพที่คล่องแคล่ว
บึกบึน

2015_06_18_MB_GLC_1

Mercedes-Benz GLC มีระยะโอเวอร์แฮงค์สั้น, สัดส่วนตัวถังดูบึกไม่ได้ลาดเอียงมากนัก, โดดเด่นด้วยกระจังหน้า 3
มิติ, ไฟหน้าที่มีให้เลือกแบบ LED คุณภาพสูง เส้นสายด้านข้างเร้าอารมณ์ในแบบฉบับ Mercedes-Benz ยุคใหม่
บั้นท้ายมีการออกแบบให้ดูมีมัดกล้าม

2015_06_18_MB_GLC_2

โปรไฟล์ด้านข้างก็พยายามจะดีไซน์บานกระจกให้มาในสไตล์รถคูเป้ (แต่ยังคงรักษาสัดส่วนตัวถังแมน ๆ แบบเอสยูวี),
ลูกเล่นเส้นด้านข้างตัวถังก็น่าสนใจ คือ ทีมออกแบบพยายามลากเส้นเว้าลึกบริเวณกึ่งกลางบานประตูและมีไฮไลต์มัด
กล้ามเหนือมือจับประตูหลังลากยาวต่อเนื่องจรดบั้นท้าย

จุดขายสำคัญคือการออกแบบรายละเอียดตัวถังภายนอกให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำแค่เพียง 0.31 ถือว่าต่ำมาก
เมื่อเทียบกับบรรพบุรุษ G-Class ที่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานสูงถึง 0.794 และกลายเป็นค่ามาตรฐานที่โดดเด่น
สำหรับรถเอสยูวี

2015_06_18_MB_GLC_3

เคล็ดลับสำคัญที่ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานดีมากขนาดนี้ก็เพราะว่า Mercedes-Benz ใส่ใจรายละเอียดในแต่
ละจุด, กรุรอยต่อกระจังและไฟอย่างเรียบเนียน, กระจังหน้า เปิด-ปิด อัตโนมัติ, ติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายและเก็บงานใต้ท้อง
รถ

ถึงแม้ว่าขนาดตัวถังจะใหญ่ขึ้นกว่า GLK แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันเบากว่า GLK ถึง 80 กิโลกรัม โดยเฉพาะชิ้นส่วนตัวถังก็หั่น
น้ำหนักลงไปได้ 50 กิโลกรัมอันเป็นผลมาจากการใช้วัสดุอลูมิเนียมและโลหะทนต่อการบิดตัวสูง, ใช้วัสดุอลูมิเนียมกับ
ชิ้นส่วนช่วงล่าง, เกียร์ 9G-Tronic ที่มีโมดูลทำจากแม็กนีเซียมก็ช่วยลดน้ำหนักลงได้อีก 12 กิโลกรัม

2015_06_18_MB_GLC_4

สำหรับภายในห้องโดยสารหน้าตาแอบคุ้น ๆ นะ อ๋อ มันยกแผงแดชบอร์ด, แผงข้างประตูมาจาก C-Class รุ่นใหม่ทั้งดุ้นแต่
ปรับเปลี่ยนวัสดุและโทนสีให้เหมาะสมแก่การลุยมากขึ้นและยังสร้างเสริมบรรยากาศ Feel Good ดัวยวัสดุคุณภาพสูง
และงานผลิตอันประณีตด้วย เบาะหนัง nappa, แผงประตูที่ตกแต่งด้วยวัสดุไม้ เป็นต้น

นอกจากนี้ Mercedes-Benz ยังย้ำชัดอีกว่า GLC มีเนื้อที่ห้องโดยสารกว้างขวางกว่า GLK ทุกส่วนสัด, ขยายปากทาง
ประตูเข้า-ออกห้องโดยสารตอนหลัง, ขยายเนื้อที่วางเท้าอีก 34 มิลลิเมตรและห้องสัมภาระเพียงพอสำหรับการเดินทาง
หากต้องการความปลอดโปร่งก็เชิญเลือกหลังคาพาโนรามิคได้เลย

2015_06_18_MB_GLC_5

Mercedes-Benz GLC ยังติดตั้งนวัตกรรมการขับขี่ที่พิเศษกว่าคู่แข่งรายอื่น นั่นก็คือระบบช่วงล่าง AIR BODY
CONTROL ช่วงล่างถุงลมที่คอยรองรับและควบคุมด้วยไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบซึ่งเขาบอกว่ามันจะให้ประสบการณ์ขับขี่ที่
สปอร์ตสุดเหวี่ยงภายใต้ความนุ่มนวลและยังสามารถวิ่งเส้นออฟโรดไปในตัวด้วย

สามารถเลือกโหมดการขับขี่ DYNAMIC SELECT ได้ตามต้องการ ได้แก่ โหมด Sport สำหรับคนที่ชอบขับรถแบบสปอร์ต
ภายใต้ตัวถังเอสยูวี ระบบก็จัดให้ช่วงล่างพยายามแนบแน่นไปด้วยกันและยังปรับตัวถังให้เตี้ยลง 15 มิลลิเมตร, โหมด
Comfort ก็ปรับให้แชสซีส์นุ่มสบายหน่อย นอกจากนี้ยังมีโหมด Sport+, Eco และ Individual ให้เลือกตามความ
เหมาะสม

2015_06_18_MB_GLC_6
Mercedes-Benz GLC บรรจุโปรแกรม 5 โปรแกรมเพื่อช่วยสนับสนุนการขับขี่ได้แก่ Slippery, Off-road ช่วยให้การขับ
ขี่บนทางทรายง่ายขึ้น, Incline ช่วยขับบนทางลาดหรือทางชัน, Rocking Assist ที่ทำงานร่วมกับ AIR BODY
CONTROL ช่วยยกตัวถังสูง 50 มิลลิเมตรเพื่อช่วยรถรอดพ้นจากอุปสรรค, Trailer ออกแบบสำหรับลากจูง

แพ๊คเกจ Mercedes-Benz Intelligent Drive ช่วยเหลือผู้ขับขี่สารพัด อาทิ ระบบป้องกันการชน COLLISION
PREVENTION ASSIST PLUS, ระบบช่วยลดลมปะทะด้านข้าง Crosswind Assist, Headlamp Assist และ
ATTENTION ASSIST ติดตั้งมารองพื้นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

2015_06_18_MB_GLC_7

สำหรับระบบช่วยเหลือความปลอดภัยอื่น ๆ ก็ได้แก่ DISTRONIC PLUS พร้อม Steering Assist และ Stop&Go Pilot,
PRE-SAFE® Brake พร้อม pedestrian detection ตรวจจับคนเดินถนนได้, BAS PLUS พร้อม Cross-Traffic Assist,
Active Blind Spot Assist, Active Lane Keeping Assist และ PRE-SAFE® PLUS.

Mercedes-Benz GLC ทุกรุ่นติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MATIC กระจายกำลังล้อหน้า 45 ล้อหลัง 55 คลัทช์หลายชั้น
ช่วยตัดต่อกำลังตามสภาวะยางและถนน ยกตัวอย่าง ถ้าขับขี่บนพื้นหิมะหรือน้ำแข็ง ก็จะล๊อกแรงกดไว้ที่ 50 นิวตันเมตร
ทั้งเพลาหน้าและเพลาหลัง เพื่อช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่

Mercedes-Benz GLC มีให้เลือกหลายรุ่น ได้แก่ GLC 220d 4MATIC 170 แรงม้า (PS) แรงบิด 400 นิวตันเมตร, GLC
250d 4MATIC 204 แรงม้า (PS) แรงบิด 500 นิวตันเมตร, GLC 250 4MATIC 211 แรงม้า (PS) แรงบิด 350 นิวตัน
เมตร

2015_06_18_MB_GLC_8

นอกจากนี้ยังมีรุ่น GLC 350e 4MATIC ซึ่งเป็นเวอร์ชัน Plug-in Hybrid 211 แรงม้า (PS) จับคู่เครื่องยนต์เบนซิน 116
แรงม้า (PS)คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.9 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้าระยะทางวิ่งสูงสุด 34 กิโลเมตร

ทุกรุ่นเครื่องยนต์มีการปรับจูนให้มีความประหยัดน้ำมันมากกว่า GLK ถึง 19% ส่วนเกียร์ 9G-TRONIC จะติดตั้งลงในรุ่น
GLC 220 d 4MATIC, GLC 250 d 4MATIC และ GLC 250 4MATIC

กำหนดการเปิดตัวและส่งมอบอย่างเป็นทางการยังไม่ระบุ แต่คาดว่าลูกค้าน่าจะได้รับรถไม่เกินช่วงปลายปีนี้

ที่มา : Worldcarfans