เมื่อ 2 วันก่อน ผมได้รับหมายเชิญ ให้ไปร่วมงานแถลงข่าวเล็กๆ ที่ Mitsubishi Motors Thailand
จัดขึ้น ณ โรงแรม Intercontinental บ่าย 3 โมง ของวันที่ 23 กรกฎาคม 2012 ที่ผ่านมา

เป็นการแถลงข่าวเกี่ยวกับการ “กิจกรรมรณรงค์ ของ Mitsubishi Mirage”

เมื่อไหร่ที่ได้ยินคำว่า “กิจกรรมรณรงค์” นั่นหมายถึงว่า ผู้ผลิตรถยนต์ จะเรียก RECALL รถยนต์
ของตน กลับมาเปลี่ยนชิ้นส่วนที่คาดว่าอาจก่อให้เกิดปัญหา

หลายคนที่ไม่รู้เรื่อง อาจ กังวล Panic ไปเกินเหตุว่า เฮ้ย! ทำไมรถของฉันต้องมีปัญหาด้วย ?
ทำไม ไม่ตรวจสอบให้ดีเสียก่อน อีตอนทดสอบก่อนผลิตออกขายจริงนั้น ไม่เจอปัญหาเลย
หรือยังไง (วะ) ? หลายคนหนักข้อถึงขั้นคิดว่า รถห่วยหละสิ ถึงขั้น RECALL อย่างนี้แล้ว
ฉันจะซื้อมันมาขับดีไหมละเนี่ย?

ไปกันใหญ่แล้วครับ ไปกันใหญ่!

นี่คือเรื่องปกติ ของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั่วโลกครับ เมื่อใดที่ทำรถยนต์สักรุ่นออกมาขาย
โอกาสที่จะพบเจอความผิดพลาด จากการผลิตชิ้นส่วน หรือการประกอบ ก็มีด้วยกันทั้งนั้น
จะมากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หลักๆแล้ว อยู่ที่การใส่ใจด้านคุณภาพของตัวรถ
และใส่ใจความรู้สึกของลูกค้า

สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็คือ บรรยากาศของการแถลงข่าวนั้น เต็มไปด้วยการพูดคุย
“อย่างตรงไปตรงมา ยอมรับในปัญหาที่เกิดขึ้น และขออภัย ในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น
กับลูกค้า” ของ ประธานใหญ่ Mr. Murahashi รวมทั้งคุณธีระพันธุ์ ละอองศรี ฝ่ายเทคนิค
และการจัดการ งานประกันคุณภาพ

บรรยากาศแบบนี้ และความรู้สึก จากคนทำงาน ในบริษัทรถยนต์ อย่างนี้ คือภาพที่ผม
คาดหวังจะเห็นมาตลอด เมื่อเกิดปัญหา ความผิดพลาดใดๆ และวันนี้ ผมก็ได้เห็นแล้ว
ด้วยตาตัวเองว่า ความรู้สึกแบบนี้ แบบที่ไม่ได้ปัดภาระปัญหาพ้นตัว แบบที่ไม่ได้แก้ไข
ปัญหาแบบขอไปที แต่ตั้งใจอยากบอกลูกค้า ไม่กลัวว่าจะเสียภาพลักษณ์ เพียงแต่อยาก
เตือนลูกค้า และแก้ไขเปลี่ยนชิ้นส่วนให้ เมื่อพร้อมแล้ว เช่นนี้ มีอยู่จริงๆ ในบริษัท
รถยนต์ ของเมืองไทย แถมงานนี้ ประธานใหญ่ ขอออกโรง แถลงด้วยตัวเองเลยละ!

ดังนั้น ใครจะมานั่งบ่น ตอบกระทู้ไปว่า “เมืองไทย จะมี RECALL รถยนต์เหรอครับ
ไม่มีหรอก ฝันไปเถอะ เงียบสนิท” ต่อจากนี้ คุณจะตอบแบบนี้ ด้วย Attitude เดิมๆ
คงจะไม่ได้แล้วนะครับ เพราะตอนนี้อย่างน้อย บริษัทหนึ่งออกมาทำให้ทุกคนได้ดู
กันแล้วว่า พวกเขา เลือกที่จะรีบประกาศทันที

ต้องขอชมเชย และอยากให้ยึดเป็นมาตรฐานอันดีแบบนี้ต่อไป….แต่..อย่าบ่อยนะ (ฮา)

เอาละ เข้าเรื่องกันเถิด มาดูสถานการณ์ล่าสุดของ Mirage ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2012
(วันแถลงข่าว) กันก่อน

จากตัวเลขที่เห็นอยู่นี้ คุณจะพบว่า ตอนนี้ MMTh ผลิต Mirage ออกสู่ตลาดแล้วทั้งหมด
12,000 คัน ส่งขายในบ้านเรา รวมทั้งเริ่มการส่งออกบ้างแล้วบางส่วน รวม 10,300 คัน
ยังจอดรอส่งให้ดีลเลอร์ อยู่ที่โรงงานอีก 1,700 คัน ส่งให้ลูกค้าไปใช้งานแล้ว 8,000 คัน
ยังจอดรอส่งมอบที่ดีลเลอร์อีก 2,300 คัน

แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถใหม่ๆ ย่อมมีบ้าง ตามปกติ เพียงแต่จะตรวจพบเจอเร็วหรือช้า
ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น ทุกคัน เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ไม่มีข้อยกเว้นครับ

ก่อนหน้านี้ Mirage บางคัน พบปัญหา 2 รายการ แต่เป็นปัญหาที่ยังไม่ถึงกับซีเรียสนัก
เพราะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะบางคัน ดังนี้

1.  ขับๆอยู่ ไฟ ABS ติดโชว์ขึ้นมาเอง
เจอสาเหตุแล้ว นั่นคือ Rotor บริเวณล้อที่เกิดอาการ เกิดการเคลื่อนที่ในแนวขึ้นลง มากกว่า
ที่ควรเป็น ทำให้ Sensor “งง” จับสัญญาณกันหมุนของล้อไม่ได้  ก็เลยส่งสัญญาณไปให้
กล่อง ECU ช่วยแสดงไฟเตือน ABS โชว์บนหน้าปัดซะเลย พอไล่เช็คตามจุดต่างๆ เลยพบ
ว่า น็อตล้อ แบบ Self lock nut นั้น “ขันแน่นแล้ว แต่มันไม่แนบสนิทอย่างที่ควรเป็น”
ทางแก้ก็คือ เช็คน็อตล้อก่อน ถ้ามันเสียรูป ก็เปลี่ยนใหม่เลย 2 ตัว (ไม่ต้องเปลี่ยนทั้ง 16 ตัว)

2.  แผ่น Lock สายควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ธรรมดา ขยับตัว ทำให้เข้าเกียร์ไม่ได้บ้าง ประเด็น
ดังกล่าว รู้สาเหตุแล้ว ว่า ถ้ามีตัว Stopper ก็ช่วยล็อกสายได้ ก็จเข้าเกียร์ได้ ถือว่า แก้ไขแล้ว

แต่กรณีที่จะพูดถึงนี้ เป็นอาการใหม่ ที่ Mitsubishi Motors Thailand “เพิ่งตรวจพบเมื่อวันที่
14 – 15 กรกฎาคม ที่ผ่านมา สดๆร้อนๆ และ แจ้งไปยังซัพพลายเออร์ ผู้ผลิตชิ้นส่วนนี้ ทันที
ในวันที่ 16-17 กรกฎาคม ซึ่งต้องถือว่า รวดเร็วทันใจ ไม่รอช้า ผิดคาดไปมาก

นั่นคือ “ลูกลอย แสดงระดับน้ำมัน ทำงานเพี้ยน ไม่แม่นยำ”

นี่เรียกให้ง่ายขึ้น ตามภาษาของคุณ บอย วรพล สิงห์เขียวพงษ์ แห่ง THADRiVER นั่นเอง

งานนี้ Mitsubishi Motors Thailand เตรียมตัวกันมาดีมาก คือ มีรูปแบบอาการที่เกิดขึ้น สาเหตุ
และมาตรการแก้ไขปัญหา มาให้เราดูกันครบถ้วน ตรงไปตรงมา และ ไม่มีอะไรในกอไผ่ให้
เหลือค้างคาใจกันอีกเลย

สิ่งที่เจ้าของ Mirage บางราย อาจจะเจอได้ก็คือ เมื่อขับรถไป จนมาตรวัดน้ำมันเตือนเหลือ
น้ำมันในถังแค่ 2 ขีด นั้น ตามปกติ ถ้าน้ำมันใกล้หมด สัญญาณรูปปั้มน้ำมันที่เห็นนี้ จะต้อง
กระพริบเตือนขึ้นมา ให้ขับไปเติมน้ำมันได้แล้ว

แต่อาการที่เกิดขึ้นก็คือ แถบมาตรวัด มันแสดงขึ้นมาแค่ 2 ขีด ค้างเติ่งไว้อยู่นาน ไม่ยอมที่จะ
ลดจำนวนขีดลง แม้น้ำมันในถังจะเกลี้ยง ทำให้ลูกค้าขับรถต่อไป เพราะเข้าใจว่า น้ำมันยัง
เหลืออยู่อีก 2 ขีด ปรากฎว่า รถเครื่องดับไป เพราะน้ำมันหมด

ปัญหานี้ พบในรถของลูกค้าทั้งหมด 11 คัน คิดเป็น 0.1% ของรถที่ผลิตได้ทั้งหมด เลขไมล์
น้อยสุดของรถคันเกิดเรื่อง ที่เจอคือ 1,500 กิโลเมตร ส่วน เลขไมล์เยอะสุดที่เจอคือ 3,300
กิโลเมตร

สาเหตุของปัญหา เป็นไปตามรูปข้างบนนี้

โดยปกติแล้ว ลาย Print ที่เห็นในรูปฝั่งขวานั้น มีหน้าที่ในการส่งค่ากลับไปยัง ECU
เพื่อให้แสดงขึ้นไปบนหน้าปัด ว่าเหลือน้ำมันอยู่ในถังเท่าไหร่แล้ว แต่เมื่อมันเกิด
การช็อตขึ้น ก็จะเกิดคราบช็อตเป็นแถบสีดำ อย่างที่เห็น บนลาย Print เลยทำให้ระบบ
ไม่อาจส่งสัญญาณที่ถูกต้องได้ มาตรวัดน้ำมันเชื้อเพลิง เลยขึ้นค่าครั้งสุดท้ายค้างไว้
จนกระทั่งรถเครื่องดับไปเอง

เพิ่มเติมอีกนิดนึงว่า ทางฝ่ายเทคนิคของ Mitsubishi เอง เก็บตัวอย่างชิ้นส่วนที่มีปัญหา
ส่งกลับไปที่ญี่ปุ่น เพื่อวิเคราะห์กันแล้ว และสัณณิฐาน สาเหตุไว้ ว่า อาจเกิดจาก บริษัท
ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิตปั้ม ตัวนี้ เปลี่ยนวิธีการพิมพ์ หรือผลิต ลาย Print บนเกจ์ที่เห็นอยุ่
ในรูปฝั่งขวามือ นี้ ซึ่งมันอาจทำปฏิกิริยากับ เอทานอล ในน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท
แก็สโซฮอลล์ ทั้งหลาย จนทำให้เกิดการลัดวงจร หรือเปล่า? เรื่องนี้ยังไม่มีข้อสรุป
แต่ยังต้องตรวจสอบต่อไป

บอกก่อนนะครับ ลัดวงจรที่ว่า แม้จะมีประกายไฟ แต่มันจะมีเล็กน้อยมาก และไม่ทำให้
เกิดไฟไหม้แต่อย่างใดทั้งสิ้น ความเป็นจริงคือ น้ำมันเบนซิน ติดไฟไม่ง่ายอย่างที่เข้าใจกัน
ขนาด รายการ Mega Clever ที่เคยออกอากาศทางช่อง 9 สมัยก่อน ถึงขั้นลองจุดไฟกัน
ในถังน้ำมัน ที่เต็มไปด้วยเบนซิน ไฟก็ยังไม่ลุกครับ

ส่วนแนวทางการแก้ปัญหานั้น มี 2 ข้อ

1. เบื้องต้น MMTh จะส่งจดหมายแจ้งปัญหาให้ลูกค้าทราบ ฉบับแรก แนะนำว่า ระหว่าง
รอการขนส่งชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมาเมืองไทยอยู่นี้ ควรเติมน้ำมันให้เหลือเกินกว่า กึ่งกลาง
ระดับของถังเอาไว้ตลอด จนกว่าจะเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นนี้

2. ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2012 เป็นต้นไป ชิ้นส่วนลูกลอยนี้ ผลิตที่ญี่ปุ่น จะทะยอยส่งมาถึง
และตามแผนแล้ว น่าจะทะยอยมาถึงครบ ทั้งหมด ในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคม 2012 นี้ ดังนั้น
MMTh จะส่งจดหมายฉบับที่ 2 แจ้งลูกค้า ให้นำรถไปเปลี่ยนลูกลอยชุดดังกล่าวได้
“ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แม้แต่ค่าแรงก็ไม่ต้องเสีย” ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ
ของ Mitsubishi Motors ทั่วประเทศไทย

เปลี่ยนได้เลย ตลอดไป ไม่มีกำหนด สมมติว่า คุณเพิ่งมาอ่านข่าวนี้  3 เดือนหลังจาก
กรกฎาคม 2012 ไปแล้ว ก็ยังเปลี่ยนได้ฟรี เรื่อยไปครับ

ขั้นตอนการเปลี่ยน ก็ไม่ยากครับ เปิดยกเบาหลังขึ้นมา เปิดฝาปิดถังน้ำมัน ยกปั้มโมดูล
พร้อมลูกลอยขึ้นมา

ใช้นิ้ว ปลดเกจ์ และลูกลอย ออกมาอย่างที่เห็นในรูปข้างล่างนี้ แยกชิ้นกัน

แล้วใส่ ชุดเกจ์ชิ้นใหม่ หน้าตาและลาย Print จะเป็นแบบนี้ เสียบปลั๊กเชื่อมเข้าไป
แล้วหยอนยติดตั้งกลับเข้าไปในถังน้ำมัน เป็นอันเรียบร้อย ใช้เวลาในการเปลี่ยน
คันละ 40 นาที โดยประมาณ

สถานการณ์ล่าสุดที่อยากอัพเดทเพิ่มเติมคือ Mirage เลขตัวถัง 12600 ยังอยู่ที่โรงงานใน
แหลมฉบัง และปั้มจ่ายน้ำมันที่ติดตั้งเข้าไปในรถ ซึ่งส่งมอบไปแล้ว ก็จะมีหลายคันที่
ตัวชิ้นส่วน ไม่มีปัญหา

MMTh จะใช้วิธีการดู ป้าย Label ที่แปะอยู่บนตัวปั้ม ว่าอยู่ในข่ายล็อตน่าสงสัยหรือเปล่า
ถ้าไม่มีปัญหา ก็ปล่อยผ่านได้ รถที่อยู่ในข่ายน่าจะมีราวๆ 7,600 คัน

รถที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ทาง MMTh กับ ดีลเลอร์ ต่างกำลังไล่เช็คอยู่ ถ้าคันไหน ชิ้นส่วน
ไม่มีปัญหา ก็จะส่งมอบให้ลูกค้าได้เลย อย่างสบายใจ แต่ถ้าเจอรถที่มีปัญหา ก็จะ
เปลี่ยนชิ้นส่วนให้ ก่อนส่งมอบรถ

ดังนั้น ถ้าลูกค้า Mirage คนใด ได้รับจดหมายฉบับที่ 2 แล้ว ให้นำรถเข้าไปเปลี่ยนลูกลอย
ได้เลย ที่ศูนยบริการ ของ Mitsubishi Motors ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่ ต้นเดือนสิงหาคมนี้
เป็นต้นไป ระหว่างนี้ เติมน้ำมันให้เกินครึ่งถังไว้ เรือยๆ เพื่อลดโอกาสเจอปัญหานะครับ

——————-///———————-

J!MMY