เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2017 ที่ผ่านมา BMW ประเทศไทย ได้เปิดตัว 520d Sport รุ่นประกอบในประเทศ และยังได้มีการนำเสนอกลไกการคิดราคาโปรแกรมบำรุงรักษา BSI (BMW Service Inclusive) แบบใหม่ ก่อนที่เราจะไปดูรายละเอียดของ BSI Package ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ หลายคนคงมีคำถาม รวมถึงอยากทราบว่าทำไม BMW ประเทศไทย ถึงได้ปรับใหม่ อะไรคือเหตุผล และ ที่มาที่ไป

เนื่องจากกระทรวงการคลัง จะเริ่มเปลี่ยนวิธีคิดภาษีสรรพสามิตแบบใหม่ ในช่วงกลางเดือน กันยายนนี้ สำหรับรถยนต์ใหม่ที่ขายในประเทศทุกคัน ซึ่งเดิมคิดภาษีสรรพสามิตจากราคาหน้าโรงงาน เปลี่ยนใหม่ เป็นคิดภาษีจากราคาขายปลีก 

ทำไมถึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดภาษีสรรพสามิต วัตถุประสงค์เพื่ออะไร ?

วัตถุประสงค์ของการปรับเปลี่ยนวิธีการคิดภาษีสรรพสามิต คือ

  1. ทางตรง : เพื่อป้องกัน และ ลดปัญหาการแจ้งราคาหน้าโรงงาน หรือ สำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เพื่อจะได้เสียภาษีน้อยๆ
  2. ทางอ้อม : เพื่อไม่ให้มีการตั้งราคาขายปลีกแพงเกินความเป็นจริง เพราะ ยิ่งตั้งราคาขายสูง ก็ยิ่งเสียภาษีสรรพสามิตสูงตามไปด้วย

เช่น

เดิม คิดภาษีสรรพสามิตจากราคาหน้าโรงงาน

  • สมมติว่าแจ้งราคาหน้าโรงงาน 100,000 บาท ขายปลีก 250,000 บาท
  • เสียภาษี 30% = 30,000 บาท

ใหม่ คิดภาษีสรรพสามิตจากราคาขายปลีก

  • ราคาขายปลีก 200,000 บาท
  • เสียภาษี 30% = 60,000 บาท

หมายเหตุ : นี่เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น การคิดภาษีจริงๆ มีหลายตัว เช่น ภาษีมหาดไทย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ฯลฯ และ วิธีคิดอาจจะซับซ้อนกว่านี้

ในทางทฤษฎีนั่นแสดงว่า จะต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ราคาขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้นทุกค่าย ใช่ หรือ ไม่ ?

เราได้ทราบข้อมูลบางส่วนจากค่ายรถยนต์ 2-3 ค่าย ว่าคลังจะมีการชดเชยลดภาษีสรรพสามิต หรือ ภาษีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้ราคาขายของรถยนต์ปัจจุบันปรับตัวสูงขึ้นจากการเปลี่ยนวิธีคิดภาษีสรรพสามิตนี้ ซึ่งอาจจะประกาศตามออกมาเร็วๆนี้ ก่อนการเริ่มใช้วิธีคิดภาษีสรรพสามิตใหม่ช่วงกลาง เดือน กันยายน

BMW ประเทศไทย เป็นค่ายแรกที่ออกมาเคลื่อนไหวก่อน ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะ BMW อาจไม่เข้าข่ายการชดเชยลดภาษีสรรพสามิตใดๆ จึงตัดสินใจประกาศราคา และ โปรแกรมการบำรุงรักษา BSI แบบใหม่

การชดเชยการลดภาษี จากทางกระทรวงการคลัง หรือ BOI อาจมีหลายทางเลือก เช่น ต้องเพิ่มยอดประกอบรถยนต์ภายในประเทศ, ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ประกอบภายในประเทศต้องเป็นไปตามที่กำหนด (Local Content) หรืออื่นๆ ที่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจน แต่ทั้งนี้คาดว่า BMW อาจจะไม่เข้าข่ายดังกล่าว จึงตัดสินใจประกาศราคา และ รูปแบบการคิดโปรแกรมการบำรุงรักษา – การรับประกัน เป็นค่ายแรก

สืบเนื่องจากการเปลี่ยนวิธีการคิดภาษีสรรพสามิตใหม่ ทำให้การประกาศราคารถยนต์ของ BMW เป็นดังนี้

  • ราคาขายปลีกแนะนำ Suggest Retail Price (ประกาศไว้เพื่อแจ้งเป็นราคาขายที่คิดภาษี)
  • ราคาขายรวม BSI Standard Package 3 ปี 60,000 กิโลเมตร (ราคาขายจริงเริ่มต้น)
  • BSI Package ที่สามารถเลือกซื้อเพิ่มได้ 3 รูปแบบ : BSI Plus / Warranty Plus / BSI Ultimate

โดยระยะเวลาการรับประกัน / โปรแกรมบำรุงรักษา BSI ที่สูงที่สุดของรถยนต์ BMW แต่ละคัน คือ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และ โปรแกรมบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 km. (ไม่สามารถซื้อซ้ำ ทบระยะเวลาเพิ่มไปเรื่อยๆ แบบ On Top ได้)

ดังนั้น ยกตัวอย่างราคาขายของ BMW 520d Sport รุ่นประกอบในประเทศ มีดังนี้

  • 520d Sport BSI Standard : 3,439,000 บาท
  • 520d Sport BSI Standard + BSI Plus : 3,479,000 บาท
  • 520d Sport BSI Standard + Warranty Plus : 3,489,000 บาท
  • 520d Sport BSI Standard + BSI Ultimate : 3,529,000 บาท

โดยรายละเอียดของแต่ละ Package ที่ให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อเพิ่มได้ มีดังนี้

  • BSI Plus : เพิ่ม BSI ฟรีค่าบำรุงรักษาเป็น 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
  • Warranty Plus : เพิ่ม การรับประกันตัวรถเป็น 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • BSI Ultimate : เพิ่ม ทั้ง 2 อย่าง (BSI ฟรีค่าบำรุงรักษา และ การรับประกันตัวรถ)

BMW ประเทศไทย ได้แบ่งรถยนต์ที่จำหน่าย ออกเป็น 2 กลุ่ม ตามระดับของตัวรถ

  • Group A ได้แก่ 1-series, 2-series, 3-series, 4-series, X1, X3 และ X4
  • Group B ได้แก่ 5-series, 6-series, 7-series, M, X5, X6 และ i8

ราคารถยนต์ของ Group A และ Group B มีดังต่อไปนี้ ตารางด้านล่างจะแสดงราคารถยนต์ราคาต่ำที่สุด (รถ + BSI Standard) และ ราคาสูงที่สุด (รถ + BSI Standard + BSI Ultimate) ที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อได้ตามจริง

Group A

Group B

โดยสรุปแล้ว ราคารถยนต์ BMW และ การคิด BSI Package ใหม่นี้ ที่เริ่มใช้ 1 สิงหาคม 2017 หากลูกค้าต้องการซื้อรถโดยรับสิทธิประโยชน์ที่เท่าเดิม คือ BSI 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร รับประกัน Warranty 5 ปี ก็จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 30,000 บาท (ทุกรุ่น ยกเว้น M4 ที่ปรับขึ้น 230,000 บาท)

นอกจากนี้ยังมีทางเลือกให้กับลูกค้าที่ไม่ต้องการโปรแกรมบำรุงรักษา BSI หรือ การรับประกันที่มีระยะเวลา 5 ปี ก็จะสามารถซื้อรถในราคาที่ถูกลงได้ ประมาณ 40,000 – 60,000 บาทแล้วแต่รุ่น ภายใต้การรับประกันที่ลดลงเหลือ 3 ปี มาพร้อม BSI 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร

จำสั้นๆง่ายๆว่า ” ถ้ารับสิทธิประโยชน์เท่าเดิม ราคารถเพิ่มขึ้น 30,000 บาท หรือถ้ายอมเสียสิทธิประโยชน์บางส่วน ก็จะได้รถในราคาที่ถูกลง “

 

เรียบเรียงข้อมูลทั้งหมดโดย www.headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/60471.0