FF ซึ่งเป็น Ferrari ตัวถัง Shooting Brake หนึ่งเดียวของค่ายนั้นจะไม่มีอีกต่อไปแต่ใช่ว่ามันหาย
ไปไหนเพราะแค่เปลี่ยนไปใช้ชื่อ GTC4 Lusso นั่นเอง โดยที่ชื่อ GTC นั้นนำมาจากรุ่นพี่อย่าง 330
GTC ซึ่งเป็นรถ 2+2 ที่นั่งเช่นเดียวกันในขณะที่เลข 4 นั้นหมายถึง 4 ที่นั่งซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนชื่อ
แล้วยังมีการเปลี่ยนภายนอก ภายใน และระบบกลไกต่างๆอีกด้วย

Ferrari-GTC4Lusso-1

ภายนอกนั้นเปลี่ยนกันชนหน้าทรงใหม่ที่มีช่องดักลมใหญ่ขึ้นในขณะที่หลังคานั้นเตี้ยลงกว่ารุ่นเดิม
เช่นกัน ส่วนด้านท้ายมีการเปลี่ยนแปลงหลายจุดไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์หลังคาพร้อมกับไฟท้ายแบบ
4 ดวงที่จากเดิมเคยเป็นแค่ 2 ดวงและยังเปลี่ยนงานออกแบบกันชนหลังโดยแบ่งออกเป็นดิฟฟิวเซอร์
แบบ 3 ช่องขนาดใหญ่อีกด้วย

Ferrari-GTC4Lusso-5

แม้ว่าหลังคาจะเตี้ยลงแต่ Ferrari กล่าวว่าผู้โดยสารทั้ง 4 คนนั้นจะยังคงสะดวกสบายอยู่ด้วยงานออกแบบ
Dual Cockpit ที่แบ่งห้องโดยสารออกเป็น 2 ส่วน สำหรับอุปกรณ์ที่ติดเพิ่มมาให้นั้นคือหน้าจอสัมผัส HD
ขนาด 10.25 นิ้วนอกจากนี้ยังมีพวงมาลัยวงใหม่มาให้ที่มีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะเทคโนโลยี
airbag แบบใหม่แต่ที่แปลกคือลูกค้าสามารถสั่งติดตั้งหน้าจอบอกความเร็วและรอบเครื่องยนต์บริเวณ
คอลโซลหน้าฝั่งผู้โดยสารได้ด้วย

Ferrari-GTC4Lusso-4

เครื่องยนต์ V12 6.2 ลิตรตัวเดิมแต่เพิ่มเติมจนมีกำลังสูงสุด 690 แรงม้า (PS) ที่ 8,000 รอบ/ นาทีและ
แรงบิดสูงสุด 71.97 กก-ม. (697 นิวตันเมตร) ที่ 5,750 รอบ/ นาทีซึ่งสามารถเรียกแรงบิดกว่า 80% มา
ใช้งานได้ตั้งแต่ 1,750 รอบ/ นาทีส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ dual clutch 7 จังหวะลงพื้นทั้ง 4 ล้อให้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ ชั่วโมงใน 3.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 335 กิโลเมตร/ ชั่วโมง

Ferrari-GTC4Lusso-3

จุดเด่นของ GTC4 Lusso คือระบบ 4RM Evo Four Wheel Drive System ซึ่งเป็นระบบที่บังคับเลี้ยว
ทั้ง 4 ล้อรุ่นใหม่ที่ติดตั้งใน Ferrari เป็นครั้งแรกและยังมีระบบ Electronic Differential, SCE-E Damper,
และ Slip Side Control (4.0) ที่คอยช่วยส่งแรงบิดมหาศาลลงพื้นแม้ว่าจะลื่นแค่ไหนก็ตามพร้อมกับให้
ความนุ่มนวลด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอดใจรอซักครู่ งาน Geneva Motor Show นี้รู้กัน

Ferrari-GTC4Lusso-9

ที่มา : gtspirit, carscoops