SUV สัญชาติอังกฤษระดับตำนานได้กลับมาอีกครั้งกับ Land Rover Defender ที่แม้หน้าตาจะยังคงเอกลักษณ์จากรุ่นเดิมเอาไว้บ้าง แต่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงวิศวกรรม เป็นครั้งแรกของรุ่นในหลายด้าน ทั้งการใช้ขุมพลัง Hybrid และ เปลี่ยนไปใช้ platform แบบ monocoque ส่วนแบบตัวถังมีให้เลือกทั้งรุ่น ฐานล้อสั้น SWB และ ฐานล้อยาว LWB

งานออกแบบภายนอกของ All NEW Land Rover Defender คงเอกลักษณ์ของบรรพบุรุษไว้ โดยเน้นความเรียบง่ายผสานกับการมีระยะ overhang สั้นทั้งด้านหน้า และ ด้านหลัง ทั้งยังให้กลิ่นอายย้อนยุคด้วยการจัดวางไฟหน้า LED วงแหวนกลมในโคมทรงเหลี่ยม และติดยางอะไหล่ไว้ท้ายรถ ในรุ่นฐานล้อสั้นจะมี 3 ประตู รองรับผู้โดยสารแบบ 5 – 6 ที่นั่ง ส่วนรุ่นฐานล้อยาว จะมี 5 ประตู รองรับผู้โดยสารแบบ 5 + 2 ที่นั่ง

ห้องโดยสารยังเน้นความเรียบง่ายสะอาดตาเช่นกัน แฝงด้วยนวัตกรรมยุคใหม่กับระบบความบันเทิง Pivi Pro พร้อมหน้าจอสัมผัสที่สามารถ update ได้เอง ส่วนเอกลักษณ์จากรุ่นพี่ยังคงมีอยู่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวัสดุปูพื้นที่ทนทาน รองรับงานลุยทุกรูปแบบ และมีหลังคาถลกให้ติดตั้งเพิ่ม ส่วนพื้นที่บรรทุกสัมภาระในตัวถัง 110 อยู่ที่ 1,075 ลิตร และเพิ่มเป็น 2,380 ลิตร เมื่อพับเบาะแถวหลังลง

ขุมพลังของ All NEW Land Rover Defender ระบุเพียงรายละเอียดสั้นๆ ดังนี้

  • เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส P300 และ 6 สูบ พร้อมระบบ Mild Hybrid 48 โวลต์ รหัส P400
  • เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ รหัส D200 และ รหัส D240

ทั้งหมดจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ twin-speed และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา นอกจากนั้น ยังมีการระบุว่าจะมีรุ่น Plug-in Hybrid ตามมาในปี 2020 ส่วน platform เป็นแบบ monocoque รหัส D7x พัฒนาขึ้นใหม่จากอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ดีกว่า body on frame แบบเดิมเพราะมีความแข็งแกร่ง พร้อมรองรับช่วงล่างแบบ coil spring และระบบ Hybrid

All NEW Land Rover Defender ยังมีระบบ ClearSight Ground View หรือกล้องมองภาพด้านหน้าจากใต้กันชน ให้ผู้ขับขี่มองเห็นอุปสรรค ที่กำลังก้าวข้ามอย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งปกติมุมนี้จะเป็นมุมอับ เพราะผู้ขับขี่จะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากฝากระโปรงหน้า ส่วนความสามารถในการบุกป่าฝ่าดงยังโดดเด่น ดังนี้

  • จุดต่ำสุดของรถจากพื้น 291 มิลลิเมตร
  • มุมไต่ 110 องศา
  • มุมจาก 40 องศา
  • มุม breakover 28 องศา
  • ลุยน้ำได้ลึกสุด 900 มิลลิเมตร

All NEW Land Rover Defender เปิดตัวแล้วในงาน Frankfurt Motor Show 2019 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 10 กันยายน โดยทำตลาดกับตัวถัง 110 พร้อมเบาะแบบ 5+2 ที่นั่งก่อน ส่วนตัวถัง 90 และรุ่นย่อย Commercial สำหรับทั้ง 2 แบบตัวถังจะตามมาในภายหลัง นอกจากนั้น ยังมีแผนจำหน่ายใน 128 ประเทศทั่วโลก สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้นในประเทศอังกฤษ ซึ่งยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทย แบ่งตามประเภทตัวถังได้ดังนี้

  • ตัวถัง 90 Commercial ราคาเริ่มต้นที่ 35,000 ปอนด์ (ราว 1,320,000 บาท)
  • ตัวถัง 90 Indicative ราคาเริ่มต้นที่ 40,000 ปอนด์ (ราว 1,509,000 บาท)
  • ตัวถัง 110 ราคาเริ่มต้นที่ 45,240 ปอนด์ (ราว 1,707,000 บาท)

ที่มา: Land Rover