ในที่สุด ก็ได้เวลาเปิดตัวรถยนต์คันผลิตจริง ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เป็นรุ่นแรกของค่ายอย่าง Aston Martin Rapide E ที่พกพากำลังมา 610 แรงม้า และปรับแต่งให้รักษาระดับสมรรถนะคงที่ ไม่ว่าแบตเตอรี่จะมีพลังงานลดลง พร้อมหวดรอบ Nürburgring เต็มรอบสนาม โดยที่กำลังมาได้ถดถอยจากตอนสตาร์ท

ภายนอกของ Aston Martin Rapide E ออกแบบโดยให้ความสำคัญเรื่องการรีดลม เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน โดยด้านหน้ายังมีกระจังหน้าขนาดใหญ่ตามเอกลักษณ์ของค่าย ส่วนช่องกระจังเป็นแบบรังผึ้ง ชายกันชนหน้ายื่นออกมา เพื่อส่งลมผ่านใต้ท้องไปยัง ดิฟฟิวเซอร์หลังขนาดใหญ่

อุปกรณ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรีดลมให้ดีขึ้น 8% จากเดิม ส่วนล้อทำจาก Forged น้ำหนักเบามาพร้อมกับยางแรงเสียดทานต่ำ Pirelli P-Zero ที่พัฒนามาโดยเฉพาะ ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน แต่ประสิทธิภาพการยึดเกาะยังไม่ต่างจากเดิม

ห้องโดยสารของ Aston Martin Rapide E เปลี่ยนมาตรวัดแบบเข็มของเดิมไปเป็นจอดิจิตอล ขนาด 10 นิ้ว แสดงค่าที่จำเป็นหลายอย่างทั้ง ตัวเลขพละกำลัง, อัตราสิ้นเปลืองพลังงาน และสถานะชาร์จไฟแบตเตอรี่ ส่วนวัสดุตกแต่งเน้นใช้คาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อช่วยรีดน้ำหนัก

นอกจากนั้น ยังมี application ให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจค่าต่างๆ ได้จากภายนอกรถยนต์ รวมไปถึง เวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จไฟจนเต็ม, ตำแหน่งจุดที่จอดรถยนต์เอาไว้ พร้อมระบบนำทางเดินกลับไป, สภาพของอุปกรณ์ต่างๆ และแจ้งเตือนเมื่อถึงกำหนดเข้ารับบริการ

Aston Martin Rapide E ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า EV ขนาด 800 โวลต์ มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบ lithium-ion ขนาด 65 kWh ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ติดตั้งบนเพลาขับหลัง กำลังสูงสุดรวมกันทั้งระบบ 610 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตันเมตร

อัตราเร่ง 0 – 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ต่ำกว่า 4.0 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนระยะทางเดินทางต่อการชาร์จไฟจนเต็ม ทำได้มากกว่า 300 กิโลเมตร รองรับการชาร์จไฟผ่านปลั๊กหลายขนาดตั้งแต่ 400 – 800 โวลต์ และการชาร์จด้วยไฟทั่วไปจนเต็มแบต จะใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง

ช่วงล่าง, สปริง และ Limited-Slip Differential ปรับแต่งใหม่ เพื่อรักษาประสบการณ์การขับขี่แบบเดียวกับ รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินอย่าง Rapide AMR เอาไว้ ส่วนรูปแบบการขับขี่สามารถปรับได้ 3 รูปแบบ ประกอบด้วย GT, Sport และ Sport +

Aston Martin Rapide E เปิดตัวแล้วในงาน Shanghai Auto Show 2019 และพร้อมเปิดรับจอง โดยจะผลิตจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 155 คัน ทั้งหมดจะกำเนิดจากโรงงานที่ตั้งอยู่ใน St. Athan ของประเทศอังกฤษ สำหรับราคาจำหน่ายจะเปิดเผย เมื่อมีผู้สนใจสั่งซื้อสอบถาม

 

ที่มา: Aston Martin