คู่แข่งตลอดกาลของรถยนต์หรูอย่าง BMW Group และ Daimler AG ได้หันมาจับมือเฉพาะกิจ เพื่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ โดยต่างฝ่ายต่างถือหุ้นบริษัทละ 50% เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบขนส่งร่วมกัน โดยแบ่งออกได้ 5 หัวข้อ พร้อมตอบโจทย์ผู้ใช้งานรถยนต์ทั่วไป, รถยนต์ไฟฟ้า และ ขนส่งมวลชน ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • การให้บริการขนส่งแบบตามสั่ง (on-demand mobility) ภายใต้ความร่วมมือของ moovel และ ReachNow

บริการลักษณะนี้ ตอบโจทย์ลูกค้าหลายรูปแบบด้วยทางเลือกในการชำระ และช่องทางการจองมากมาย ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ใช้งาน ทั้งยังครอบคลุมการให้บริการส่วนตัวเส้นทางในเมืองอีกด้วย

  • การใช้รถยนต์ร่วมกัน (Car-Sharing) ภายใต้ความร่วมมือของ Car2Go และ DriveNow

Car2Go และ DriveNow มีรถยนต์ให้บริการด้วยกัน 20,000 คัน ใน 31 เมืองหลักทั่วโลก โดยในตอนนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 4,000,000 คน ช่วยให้การใช้รถยนต์ร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาจราจรหนาแน่นลงได้

  • การใช้รถยนต์โดยสารร่วมกัน (Ride-Hailing) ภายใต้ความร่วมมือของ mytaxi, Clever Taxi และ Beat

แอพให้บริการด้านแท็กซี่ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยจำนวนคนขับมากกว่า 140,000 ราย และลูกค้ามากกว่า 13,000,000 ราย ให้บริการหลายรูปแบบทั้งโชเฟอร์ส่วนตัว Chauffeur Prive และ mytaximatch ที่ให้ผู้ใช้บริการจากคนละที่ แต่มีจุดหมายและใช้เส้นทางเดียวกัน มาใช้บริการรถยนต์สาธารณะคันเดียวกัน เพื่อช่วยลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน

 

  • ที่จอดรถยนต์ (Parking) ภายใต้ความร่วมมือของ ParkNow, Parkmobile Group และ Parkmobile LLC

ช่วยให้ผู้ใช้งานค้นหาจุดจอดรถยนต์ได้อย่างง่ายดาย พร้อมให้บริการจองที่จอด และชำระค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องใช้เงินสด เพิ่มความสะดวกสบายและลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า 30% ของรถยนต์บนถนน คือรถยนต์ที่กำลังวนหาที่จอดอยู่

  • การชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า (Charging) ภายใต้ความร่วมมือของ ChargeNow และ Digital Charging Solutions

พร้อมให้บริการผ่านเครือข่ายจุดชาร์จมากกว่า 143,000 แห่ง ทั่วโลก ทั้งยังมีบริการจุดจอดรถยนต์พิเศษ และชำระเงิน เพื่อเป็นการโปรโมทให้คนเข้าถึงเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ได้อย่างง่ายดายกว่าเดิม

 

ที่มา: BMW