นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายบริษัทรถ เพราะหลายค่ายต่างประกาศว่าผลกำไรติดลบ ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2019 รวมถึง Jaguar Land Rover ที่ประกาศขาดทุน 395 ล้านปอนด์ (ราว 15,000 ล้านบาท) และถ้าจะบอกให้บริษัทแม่อย่าง Tata Motors ช่วยก็คงไม่ไหว เพราะรายนั้นเองก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังขาดทุน 36,980 ล้านอินเดียรูปี (ราว 16,000 ล้านบาท) เนื่องจากกฎเกณฑ์ของภาครัฐในบ้านเกิด และค่าประกันภัยที่สูงขึ้น

กลับเข้าเรื่องของ Jaguar Land Rover ซึ่งระบุว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นตัวเลขก่อนหักภาษี และต่ำลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่ขาดทุน 264 ล้านปอนด์ (ราว 10,000 ล้านบาท) ส่วนยอดขายสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 128,615 คัน ลดลง 11.6% ทั้งนี้ ยอดขายในอังกฤษสูงขึ้น 2.6% ส่วนยอดขายที่จีนในเดือนมิถุนายน ยังสูงขึ้นจากเดือนพฤษภาคมอีกด้วย

ส่วนปัจจัยลบต่อผลกำไร Jaguar Land Rover ระบุว่าเกิดจากการที่อังกฤษออกจากยุโรป หรือ BREXIT ส่งผลให้มีการปิดโรงงานเพิ่มขึ้น และยังก่อให้เกิดการยื่นเอกสาร WLTP ล่าช้า นำไปสู่ปัญหายอดขายและผลกำไรลดลง นอกจากนั้น ยังเกิดการชะลอตัวในจีนซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดหลักของบริษัท พร้อมระบุว่ายอดส่งมอบรถยนต์ไปยังผู้แทนจำหน่ายที่นั่น ได้ลดลง 12 เดือนติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังว่า Range Rover Evoque, Discovery Sport และ Jaguar XE รุ่นใหม่ จะช่วยผลักดันให้ยอดขายสูงขึ้น อีกทั้งมีแผนการเจาะตลาดจีนให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยผู้บริหารด้านการเงินยังระบุด้วยว่า บริษัทเห็นการเติบโตของรถกระบะในแดนมังกร ซึ่งนั่นอาจเป็นคำบอกใบ้ว่า Jaguar Land Rover คิดเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อยู่ก็เป็นได้ แต่จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามชม

 

ที่มา: Europe.autonews, motoring