หลายคนอาจจะนึกว่า Mazda 6 รุ่นล่าสุดที่เห็นนี้เป็นรุ่น All NEW เนื่องจากดูเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมค่อนข้างมาก แต่ในวันนี้เราทราบกันแล้วว่านี่เป็นรุ่น Minorchange ที่ไม่ใช่แค่การแต่งหน้าทาปากเท่านั้น เพราะมีการปรับเปลี่ยนการออกแบบภายนอก ยกเครื่อง ปรับปรุงห้องโดยสาร เพิ่มขุมพลังใหม่ และมีการปรับเซ็ตช่วงล่างอีกด้วย

ภายนอกของ Mazda 6 มาภายใต้ธีม Mature Elegance เหมือน Mazda Vision Coupe ผสานเข้ากับแนวคิด Mazda Premium โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือกระจังหน้าที่กว้างและลึกกว่าเดิม ทำให้ตัวถังดูมีมิติมากขึ้น ไฟหน้าเป็นแบบ LED อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำลง พร้อมรวมไฟตัดหมอกไว้ในโคมเดียว นอกจากนั้น ยังเพิ่มล้อขนาด 17 – 19 นิ้วลายใหม่ พร้อมเพิ่มสีแดง Soul Red Crystal และสีเงิน Machine Gray Metallic

ห้องโดยสารยกแนวทางการออกแบบใหม่จาก Mazda Vision มาใช้กับแดชบอร์ดของ Mazda 6 พร้อมตกแต่งด้วยวัสดุหนัง Nappa, UltraSuede และไม้ Sen บริเวณเบาะ แผงประตู และแผงแดชบอร์ด หน้าปัดเปลี่ยนมาใช้แบบ TFT ขนาด 7.0 นิ้ว ส่วนจอสัมผัสมีขนาด 8 นิ้ว ที่ให้สีคมชัดขึ้น พร้อมติดตั้งระบบ Mazda Connect มาให้

Mazda 6 ยังเป็นรถยนต์คันแรกของค่าย ที่มาพร้อมกับเบาะหน้าที่มีช่องระบายความร้อนด้านหลัง นอกจากนั้น ยังมีการเปลี่ยนวัสดุทำเบาะหน้าหลังมาใช้ urethane ความหนาแน่นสูง ที่ให้สัมผัสกระชับ และนั่งนานได้โดยไม่เมื่อย ทั้งยังออกแบบเบาะให้รองรับกระดูกสันหลังผู้ใช้งาน เหมือนตอนที่คนยืนอยู่ด้วย

ขุมพลังของ Mazda 6 ที่ออกจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐฯ มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ประกอบไปด้วย

  • เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5

เบื้องต้นมีการเผยข้อมูลแค่ว่า เป็นการนำเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5 แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ตัวเดิม มาเพิ่มระบบตัดการทำงานของลูกสูบ เมื่อใช้ความเร็วคงที่ในย่านความเร็ว 40 – 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ Skyactiv-MT และ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Skyactiv-Drive ขับเคลื่อนล้อหน้า

  • เครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-G 2.5T

เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ Skyactiv-G 2.5T แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร 2,488 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ บูสต์สูงสุด 17.4 ปอนด์ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 89.0 x 100.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 กำลังสูงสุด 253 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิด 420 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Skyactiv-Drive ขับเคลื่อนล้อหน้า

ช่วงล่างของ Mazda 6 ได้รับการปรับปรุงในหลายส่วนรวมไปถึงแชสซีส์และ trailing arm เพื่อให้การขับขี่เป็นไปอย่างนุ่มนวลขึ้นและตอบสนองได้ดีกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ยังส่งผลให้การเก็บเสียงในห้องโดยสารทำได้ดีขึ้น สำหรับกำหนดการออกจำหน่ายของ Mazda 6 จะเริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิ หรือราวเดือนมีนาคม – มิถุนายน ที่ประเทศสหรัฐฯ คอยติดตามชมรายละเอียดเพิ่มเติมกันได้เลย

ที่มา: mazda