ขยับมาทางค่าย “ ตราดาว “ กันบ้าง กับการเตรียมเผยโฉม Mercedes-Benz GLC-Class : Compact SUV ที่มาพร้อมกับการ Facelift อัปเดตเพิ่มความสดใหม่ ก่อนที่จะไปโชว์ตัวจริงกันที่งาน Geneva Motor Show 2019 ในช่วงสัปดาห์หน้า

หากมองภายนอกตัวรถในองค์รวม ก็อาจจะไม่รู้สึกว่าตัวรถนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมากเท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ดี ถ้าลงลึกไปในรายละเอียด GLC-Class Facelift ก็จะมีการปรับปรุงงานดีไซน์แบบผสมผสาน ทั้งส่วนของ กระจังหน้ารถ ที่เป็นลักษณะคล้ายคลึงกับรุ่นพี่อย่าง GLE-Class ตลอดจน กันชนหน้า ก็ได้หยิบแนวทางการดีไซน์ใน GLA-Class มาใช้ และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตัวโคมไฟหน้า LED รูปทรงใหม่ และมาพร้อมไฟ LED DRLs แบบฝังไว้ในตัวโคม

ทางด้านท้าย สิ่งที่ถูกปรับเปลี่ยนอย่างชัดเจนที่สุด ก็เห็นจะเป็น ตัวโคมไฟท้ายดีไซน์ใหม่ ที่มีออกแบบให้มีส่วนบิดโค้งมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวภายในตัวโคม ก็ยังทำการดีไซน์ลวดลายกราฟิกใหม่ ซึ่งมาพร้อมกับไฟแบบ LED

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าการปรับแต่งภายนอก นั่นคือ ภายในห้องโดยสาร โดย GLC-Class Facelift ได้ติดตั้งระบบความบันเทิง MBUX ที่ประกอบด้วยหน้าจอ Infotainment ซึ่งมีฟังก์ชั่นการควบคุมด้วยท่าทาง (Gesture Control) รวมถึง คำสั่งเสียง (Voice Control)

และที่มากไปกว่านั้นก็คือ ยังสามารถเลือกออปชั่นเป็น แผงหน้าจอมาตรวัดแบบ Full Digital Display ขนาด 12.3 นิ้ว เคียงคู่กับการทำงานของหน้าจอ MBUX ขนาด 10.25 นิ้ว ได้ ขณะเดียวกัน การอัปเกรดภายในอื่นๆก็มีเพิ่มเติมกันอีกเล็กๆน้อยๆ อาทิ พวงมาลัยแบบ Multifunction ดีไซน์ใหม่ และแถบ Touchpad รูปแบบใหม่ บนคอนโซลกลาง ซึ่งไว้ใช้ควบคุมระบบความบันเทิง รวมถึงฟังก์ชั่นการทำงานต่างๆของตัวรถ

 

รายละเอียดขุมพลังสำหรับตลาดยุโรปทั้ง เครื่องยนต์เบนซิน และ ดีเซล จะถูกใช้เป็นบล็อกใหม่ โดยทำการแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 รูปแบบ ด้วยกันคือ

ดีเซล

GLC 200d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

GLC 220d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

GLC 300d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

เบนซิน

GLC 200

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 264 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC) พร้อมทั้งติดตั้งระบบ EQ Boost หรือระบบ Mild Hybrid 48V ที่เข้ามาเสริมแรงบิดอีก 150 นิวตันเมตร เพื่อช่วยในการออกตัว และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

GLC 300

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 264 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC) พร้อมทั้งติดตั้งระบบ EQ Boost หรือระบบ Mild Hybrid 48V ที่เข้ามาเสริมแรงบิดอีก 150 นิวตันเมตร เพื่อช่วยในการออกตัว และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

สำหรับระบบความปลอดภัย ก็ได้ติดตั้งคุณสมบัติใหม่เข้ามาเป็นมาตรฐาน อาทิ

  • ระบบช่วยรักษาระยะห่างจากรถที่อยู่ด้านหน้า Active Distance Assist Distronic
  • ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัย Active Steering Assist
  • ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Active Lane Keeping Assist
  • ระบบเตือนจุดอับสายตาด้านข้างตัวรถ Active Blind Spot Assist
  • ระบบเปลี่ยนช่องจราจรเมื่อเกิดเหตุคับขัน Active Lane Change Assist

ทั้งนี้ คาดว่า Mercedes-Benz GLC-Class Facelift เตรียมตัวออกจำหน่ายจริงในช่วงปลายปี 2019 ตลอดจนในส่วนของราคา ก็คงจะประกาศให้ทราบกันในช่วงใกล้วันจำหน่ายจริงเช่นเดียวกัน

ที่มา : carscoops