นับตั้งแต่ Mercedes-Benz S-Class รุ่นปัจจุบันเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2013 ก็ทำให้ Mercedes-Benz
สามารถครองตลาดผู้นำรถซีดานหรูระดับ Flagship ยาวนานจนถึงบัดนี้ แต่ใช่ว่า Daimler AG จะ
นิ่งนอนใจ เพราะอีกไม่นานคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Audi A8 ก็เริ่มเปิดตัวรถในคลาสนี้ จึงไม่น่า
แปลกใจเลยว่าทำไม Mercedes-Benz จะต้องรีบเผยโฉม S-Class Facelift ที่งาน Shanghai
Autoshow 2017

Mercedes-Benz-S-Class-2018-1024-02
Mercedes-Benz-S-Class-2018-1024-06

รูปร่างหน้าตาจะมีการปรับปรุงให้มาเป็นรถซีดานที่ความหรูหราทันสมัยด้วยกระจังหน้าแบบใหม่
ลายซี่ลวดจาก 4 เส้นให้เหลือเพียงแค่ 3 เส้นขนานกันเท่านั้น หากสังเกตดี ๆ จะมีการปรับรูปทรง
ไฟหน้าให้ดูมีขนาดเล็กลง พร้อม Intelligent LED ที่มีการเน้นลายเส้นไล่ระดับ 3 เส้น (ที่น่าจะเป็น
สัญลักษณ์การออกแบบของ Mercedes-Benz ในยุคหน้า)

สิ่งที่ทำให้ S-Class Facelift ดูแปลกตาขึ้นคือการออกแบบกันชนหน้ามีช่องดักลมหน้าขนาดใหญ่
ที่ดูสปอร์ต โปรดสังเกตขอบกันชนหน้าด้านล่างว่ามันมีขอบที่ดูบางมากๆ เพราะมันถูกออกแบบ
ให้เป็นช่องรับลมในตัวได้ด้วย

2016_04_21_MB_S_CLASS_3

ภายในห้องโดยสารน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเดิม S-Class รุ่นเดิมว่าหรูแล้ว แต่รุ่น Facelift กลับหรูหรา
ทันสมัยขึ้นไปอีก ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดคือการเปลี่ยนทรงพวงมาลัยเจเนเรชั่นใหม่ แบบ 3 ก้าน,
เปลี่ยนหน้าจอแสดงผลฝั่งผู้ขับขี่และแดชบอร์ดตอนกลางความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้วทั้ง 2 จอ
และหุ้มด้วยกระจกหน้าจอสัมผัสที่ติดตั้งแบบชิ้นเดียวกัน ชวนให้นึกถึงรถยนต์ต้นแบบ สามารถเปลี่ยน
ธีมดิสเพลย์หน้าจอได้สามแบบ อาทิ แบบคลาสสิก, แบบสปอร์ตและแบบโปรเกรซซีฟ

เทคโนโลยีล่าสุดพวงมาลัย 3 ก้านทรงใหม่รองรับการออกคำสั่งด้วยการกวาดนิ้วมือ Gesture Control
เหมือนกับสมาร์ทโฟน เพื่อสั่งการเล่นมัลติมีเดียโดยไม่จำเป็นต้องละมือหรือนิ้วจากพวงมาลัย

2016_04_21_MB_S_CLASS_62016_04_21_MB_S_CLASS_8

ภายในห้องโดยสารมีให้เลือกพื้นผิววัสดุ 2 แบบ ได้แก่ แบบพื้นผิวธรรมชาติและแบบพื้นลายไม้
คัดเลือกวัสดุและสีสันระดับประณีต ลูกค้าสามารถเลือกสีภายในห้องโดยสารถึง 4 สีได้แก่ Silk
Beige/Deep-Sea Blue, Magma Grey/Espresso Brown และ Mahogany/Silk Beige

ลูกเล่นภายในห้องโดยสารเหมาะสำหรับผู้ที่มีชิวิตสุนทรีย์ด้วยไฟ LED ประหยัดพลังงานสร้าง
บรรยากาศถึง 64 สี ติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ของรถ เพลิดเพลินด้วยชุดลำโพง Burmester®
High-End 3D Surround Sound System

2016_04_21_MB_S_CLASS_7 2016_04_21_MB_S_CLASS_9

ไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปตาม ๆ กันเมื่อ Mercedes-Benz S-Class Facelift ที่เพิ่มระดับ
ของระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติไปอีกขั้น ด้วยระบบ Active Distance Assist DISTRONIC และ
Active Steering Assist ระบบช่วยบังคับเลี้ยวพวงมาลัยที่สามารถปรับลดความเร็วเมื่อเจอทางโค้ง
หรือถึงสี่แยก เสริมด้วยระบบ Active Lane Change Assist ช่วยหักเลี้ยวพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อ
เปิดไฟเลี้ยวและระบบช่วยหยุดรถฉุกเฉิน Active Emergency Stop Assist

กล้องตรวจจับภาพและระบบเรดาร์ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการรับภาพการจราจรที่กว้างไกล
, ระบบประมวลผลจะนำข้อมูลจากแผนที่และข้อมูลนำทางเพื่อสำรวจพฤติกรรมการขับขี่

2016_04_21_MB_S_CLASS_11
Mercedes-Benz-S-Class_Maybach-2018-1280-04

ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบกราฟิก สามารถแสดงผลข้อมูลส่งเสริมการตัดสินใจการขับขี่ ณ
เหตุการณ์ขณะนั้นบน Head-Up Display

ระบบช่วงล่าง MAGIC BODY CONTROL แบบใหม่รองรับการขับขี่เลี้ยวเข้าโค้ง (CURVE
Function) ครั้งแรก S-Class Sedan รุ่นปรับปรุงโฉม โดยมีเซนเซอร์คอยตรวจสภาพท้อง
ถนนเพื่อปรับสภาพช่วงล่างให้หมาะสมกับการขับขี่

Mercedes-Benz S560 และ Mercedes-Maybach S560 MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์
V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร 463 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ที่เคลมกันว่าเป็นเครื่อง V8
ประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นก่อน ๆ ด้วยระบบยกวาล์ว CAMTRONIC

2018-mercedes-amg-s65-sedan2018-mercedes-maybach-s-class

Mercedes-Benz S450 และ S450 4MATIC ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่
362 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร

Mercedes-AMG 63 Sedan 4MATIC Long Wheelbase จะติดตั้งเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร
3,982 ซีซี ฉีดเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบคู่ พร้อมระบบพักกระบอกสูบอัตโนมัติ 612 แรงม้า (PS)
ที่ 5,500 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 900 นิวตันเมตร 2,750 – 4,500 รอบต่อนาที
ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AMG Performance 4MATIC จับคู่เกียร์อัตโนมัติ AMG
SPEEDSHIFT MCT 9 มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 8.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย
CO2 203 กรัมต่อกิโลเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.5 วินาที
ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2016_04_21_MB_S_CLASS_122016_04_21_MB_S_CLASS_13

Mercedes-AMG 65 Sedan Long Wheelbase จะติดตั้งเครื่องยนต์ V12 6.0 ลิตร 5,980 ซีซี
ฉีดเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบคู่ 630 แรงม้า (PS) ที่ 4,800 – 5,400 รอบต่อนาที แรงบิด 1,000
นิวตันเมตร 2,300 – 4,300 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT 7G Tronic
มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 11.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 279 กรัมต่อกิโลเมตร
สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.3 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง

Mercedes-Benz-S-Class_Maybach-2018-1024-0a Mercedes-Benz-S-Class_Maybach-2018-1024-0b

Mercedes-Benz S-Class Facelift รถซีดานระดับ Flagship เปิดตัวแล้วที่งาน
Shanghai Autoshow 2017 และจะทยอยเปิดตัวทั่วโลกในเร็ว ๆ นี้

ที่มา : Motor1