ผู้ใช้งาน Ford F-Series ในสหรัฐฯ และแคนาดา เกือบ 900,000 รายมีเหตุให้นำรถยนต์ของพวกเขาเข้าศูนย์ หลังบริษัทได้ประกาศเรียกรถกระบะรุ่นดังกล่าวกลับมาตรวจสอบ เนื่องจากตรวจพบว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้ ทั้งยังมีรายงานเกิดอัคคีภัยอย่างน้อย 3 ราย เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่หนึ่งในนั้นได้ก่อให้เกิดความเสียหายกับอาคารเล็กน้อย

บริษัทได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้ Ford F-Series มีความเสี่ยงที่จะไฟไหม้ว่า เกิดจากสายไฟของระบบ engine block heater ในบางคันที่ไม่ได้ผ่านการอัดจารบีมา โดยจารบีทำหน้าที่เป็นชนวนและกันสิ่งแปลกปลอม ส่งผลให้ความชื้นเข้าถึงสายไฟจนทำกระแสไฟฟ้าลัดวงจร และอาจทำให้สายไฟละลายจนเกิดไฟลุกไหม้ได้

ส่วน Ford F-Series ที่ได้รับผลกระทบนั้น มีจำนวนรวมกันทั้งหมดราว 874,000 คัน โดยอยู่ในสหรัฐฯ 410,289 คัน และในแคนาดาอีก 463,793 คัน ส่วนรายละเอียดในแต่ละรุ่น มีดังนี้

Ford F-150 รุ่นปี 2015 – 2019

  • ผลิตจากโรงงานใน Dearborn ระหว่างวันที่ 18 มีนาคม 2014 – 17 พฤศจิกายน 2018
  • ผลิตจากโรงงานใน Kansas City ระหว่างวันที่ 21 สิงหาคม 2014 – 17 พฤศจิกายน 2018

Ford Super Duty รุ่นปี 2017 – 2019 (รหัส F-250, F-350, F-450 และ F-550)

  • ผลิตจากโรงงานใน Ohio ระหว่างวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2016 – 17 พฤศจิกายน 2018
  • ผลิตจากโรงงานใน Kentucky ระหว่างวันที่ 8 ตุลาคม 2015 – 17 พฤศจิกายน 2018

สำหรับแนวทางแก้ปัญหานั้น Ford ระบุว่าจะเริ่มเรียกรถยนต์คันที่ได้รับผลกระทบ เข้ารับการตรวจสอบตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 เป็นต้นไป โดยจะไล่เช็คสายไฟระบบที่มีปัญหา ซึ่งถ้ายังอยู่ในสภาพที่ดี ทางศูนย์บริการจะทำการอัดจาระบีไว้ เพื่อเป็นการป้องกัน

แต่ในกรณีที่สายไฟและส่วนเกี่ยวข้องเริ่มเสื่อมสภาพ ทางศูนย์จะนัดให้เจ้าของ Ford F-Series กลับมาเปลี่ยนชิ้นส่วนในภายหลัง เนื่องจากต้องรอให้ชิ้นส่วนทดแทนมาส่งก่อน และ Ford ยังระบุด้วยว่า หากจำเป็นทางศูนย์จะทำการเดินสายไฟให้ใหม่ หรือวางตำแหน่งปลั๊กตัวเมียให้ทำมุม 45 องศา เพื่อลดโอกาสไฟช็อตด้วย

ที่มา: carscoops, caranddriver