รถสปอร์ตขับหลังเปิดประทุนจากเจ้าของเทคโนโลยี VTEC คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Honda S2000 ซึ่งยังพอจะหาได้จากตลาดรถยนต์มือสอง แต่คันที่เรากำลังพูดถึงนี้ คงหาคันอื่นมาเปรียบเทียบไม่ได้แล้ว เนื่องจากยังอยู่ในสภาพป้ายแดง, ไม่เคยผ่านการจดทะเบียน, วิ่งไปแค่ 91 ไมล์ (146 กิโลเมตร) และ แม้แต่สติกเกอร์ปิดกระจกจากโชว์รูมก็ยังคงอยู่ !?

Honda S2000 คันที่เราพูดถึงนี้เป็นรุ่นปี 2009 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่มีการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ มาพร้อมกับหลังคาผ้าใบไฟฟ้า และ กระจกบานหลังเป็นกระจกจริง ไม่ใช่พลาสติกใส สีตัวถังเป็นสีดำ Berlina Black รับกับห้องโดยสารสีดำ โดยมีเพียง 84 คันเท่านั้น ที่มาในสเปคนี้ ด้านอุปกรณ์ภายนอกมีครบถ้วนทั้ง ไฟหน้า Xenon HID พร้อม DRL, ไฟท้าย LED, และล้อขนาด 17 นิ้ว หน้า 7 หลัง 8.5 รัดด้วยยาง Bridgestone Potenza เดิมติดรถปี 2008

ภายในใช้สีดำตามที่ระบุไป โดยตัวเบาะเดินด้ายสีแดง มาพร้อมกับพรมพื้นและกันเตะประตูระบุชื่อรุ่น ด้านอุปกรณ์มาตรฐานมีทั้ง พวงมาลัย 3 ก้านหุ้มหนัง, Cruise Control, แป้นเหยียบอะลูมิเนียม, วิทยุ CD, กระจกบานหลังไล่ฝ่า, มาตรวัดดิจิตอล และ ระบบวัดลมยาง

ขุมพลังของ Honda S2000 คันนี้ เป็นเครื่องยนต์เบนซิน รหัส F22C แบบ 4 สูบ ขนาด 2.2 ลิตร กำลังสูงสุด 237 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลังพร้อม limited-slip differential ระบบเบรกมี ABS มาให้

ส่วนความเป็นมาของรถยนต์คันนี้ ผู้ขายอธิบายว่ามีต้นตอจากศูนย์ Nardy Honda ใน St. James และถูกส่งต่อไปยังศูนย์ Hillside Honda ใน Jamaica ทั้งคู่อยู่ในรัฐ New York ของประเทศสหรัฐฯ ต่อมาผู้ขายคนปัจจุบันได้ไปจับมาเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน ที่สำคัญยังเหลือประกันศูนย์อีก 2 เดือน

ส่วนประวัติการใช้งานอ้างอิงจากรายงาน Carfax พบว่า Honda S2000 คันนี้ ไม่เคยมีประวัติเกิดอุบัติเหตุ และชิ้นส่วนตัวถังที่มีหมายเลขตัวถัง ล้วนตรงกันทั้งหมด เลขไมล์ก็ของแท้ โดยผ่านการเช็คครั้งสุดท้ายในปี 2009 ซึ่งในตอนนั้นเลขไมล์อยู่ที่ 69 ไมล์ (111 กิโลเมตร) ตัวสติกเกอร์ติดรถก็ยังชัดเจนไม่เลือนลาง ระบุราคาป้ายแดงเมื่อ 10 ปีก่อนที่ 34,795 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,089,000 บาท)

ปัจจุบัน Honda S2000 ได้ย้ายไปอยู่ที่รัฐ California ประเทศสหรัฐฯ และกำลังหาบ้านใหม่โดยกำลังออกประมูลที่ bringatrialer ส่วนราคาล่าสุด ณ ตอนที่เขียนรายงานชิ้นนี้อยู่ที่ 50,000 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 1,566,000 บาท) สำหรับกำหนดปิดประมูลจะมีในวันที่ 1 มีนาคม 2019 สาวก VTEC ท่านใดคิดว่าสู้ไหว ขอเชิญร่วมประมูลกันได้ตามกำลังศรัทธา

 

ที่มา: roadandtrack