Nissan Motor ได้ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า บริษัทขอยกเลิกสัญญาขายธุรกิจแบตเตอรี่ ให้กับ GSR Capital สัญชาติจีน หลังจากที่ผู้ซื้อขอเลื่อนกำหนดการทำสัญญา ติดต่อกันถึง 3 ครั้ง เนื่องจากกลุ่มทุนไม่สามารถระดมทุนได้ทัน ส่วนมูลค่าสัญญานั้นอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 33,000 ล้านบาท)

ถ้าหากสัญญาดังกล่าวลุล่วงไปได้ด้วยดี มีการวิเคราะห์กันว่า นั่นจะเป็นการขายธุรกิจแบตเตอรี่ lithium-ion ที่มีมูลค่าสูงที่สุดเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม Nissan Motor ดูจะหมดสิ้นแล้วซึ่งความอดทน หลังกลุ่มทุน GSR Capital ขอเลื่อนกำหนดซื้อขายออกไปถึง 3 ครั้ง ติดต่อกัน โดยครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อ 27 เมษายน เพื่อขอเลื่อนเป็น 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

สำหรับขั้นตอนต่อไป โฆษกของ Nissan Motor ให้สัมภาษณ์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคิดต่อว่า จะทำอย่างไรกับธุรกิจแบตเตอรี่หลังจากนี้ ด้านตัวแทนของ GSR Capital ยังไม่ขอให้ความเห็น สำหรับสาเหตุที่ Nissan Motor ตัดสินใจขายธุรกิจดังกล่าว ใช่ว่าเพราะพวกเขาถังแตก แต่เป็นแนวคิดของ Carlos Ghosn ผู้ที่เชื่อมาหลายปีแล้วว่า การซื้อแบตเตอรี่จาก supplier นั้นถูกกว่าการผลิตเอง

นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไม Nissan Motor จึงมีข่าวจับมือกับผู้ผลิตแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังมีรายงานด้วยว่า แบตเตอรี่ไม่ใช่ธุรกิจสาขาเดียวที่ผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ เลือกที่จะไม่ทำต่อ เนื่องจากบริษัทได้ขายหุ้นของ บริษัทผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ Calsonic Kansei Corp. และ โฟล์คลิฟท์ UniCarriers Corps ออกไปบ้างแล้ว

เงินที่ได้จากการขายธุรกิจเหล่านั้น ถูกนำไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ สำหรับหนทางการรับมือกับธุรกิจแบตเตอรี่นั้น คาดว่าจะไม่เป็นดังที่ Nissan Motor หวัง เพราะเทคโนโลยีดังกล่าวพัฒนาไป จนราคาในการผลิตถูกลง ซึ่งนั่นหมายความว่า บริษัทอาจต้องยอมลดราคาหุ้นลง เพื่อชักจูงผู้ซื้อหน้าใหม่ หรือ Nissan Motor อาจจะเปลี่ยนใจไม่ขายเลยก็ได้ แต่จะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามชม

 

ที่มา: bloomberg