Ferrari F8 Spider

ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU)

  • F8 Spider  ราคาเริ่มต้น 26,350,000 บาท

โดย Cavallino Motors Co. Ltd, ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ Ferrari อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ และ โปรแกรมบริการดูแลรักษา 7 ปี ตามระยะทาง 20,000 กิโลเมตร หรือ ปีละ 1 ครั้ง

Ferrari F8 Spider เผยโฉมในเดือนกันยายนปี 2019 ที่งานมอเตอร์โชว์ในเจนีวา เป็นรถที่มาทำตลาดแทน Ferrari 488 Spider โดยถูกพัฒนาให้มีพละกำลังสูงขึ้น มีน้ำหนักตัวที่เบา แต่มีบุคลิกการขับขี่ที่ยังปรับบาลานซ์ วางสมดุลย์ให้กับการใช้งานบนท้องถนนมากกว่ารถรุ่นพิเศษที่เน้นการขับโดยเฉพาะอย่าง 488 Pista Spider คู่แข่งตรงพิกัดของ F8 Spider คือ McLaren 720S Spider และ Lamborghini Huracan Spyder

สมรรถนะอัตราเร่ง (ตัวเลขเคลมจากโรงงาน)

  • 0-100 kmh = 2.9 วินาที
  • 0-200 kmh = 8.2 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 340 kmh

มิติตัวถัง

  • ยาว  4,611 มิลลิเมตร
  • กว้าง  1,979 มิลลิเมตร
  • สูง  1,206 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ wheelbase  2,650 มิลลิเมตร
  • อัตราส่วนกระจายน้ำหนักหน้า-หลัง 41.5% : 58.5%
  • น้ำหนักตัวถังเปล่า 1,400 กิโลกรัม น้ำหนักตัวถังรวมของเหลวและคนขับตามมาตรฐานยุโรป ประมาณ 1,500 กิโลกรัม
  • ที่เก็บสัมภาระ  200 ลิตร
  • ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง  78 ลิตร

รูปลักษณ์ของ F8 Spider มีโครงสร้างพื้นฐานที่สืบทอดมาจาก 458 Spider แต่ได้รับการพัฒนาไปไกลในด้านอากาศพลศาสตร์ ด้วยส่วนหน้าของรถแบบ S-Duct ซึ่งใช้ครั้งแรกใน 488 Pista นอกจากนี้ ไฟท้ายของรถที่เปลี่ยนเป็นทรงโดนัทข้างละสองดวง กลับไปเหมือน Ferrari 430 อีกครั้ง ในขณะที่ส่วนท้ายของรถ ถูกขัดเกลาใหม่ให้ดูเรียบ และมีเอกลักษณ์จากรถในอดีตอย่าง Ferrari 308GTB

  • ล้อคู่หน้า ขนาด 20 นิ้ว 9.0J x 20″ พร้อมยาง 245/35 ZR20
  • ล้อคู่หลัง ขนาด 20 นิ้ว 11.0J x 20″ พร้อมยาง 305/30 ZR20
  • เบรกหน้า 398 มิลลิเมตร หนา 38 มิลลิเมตร
  • เบรกหลัง 360 มิลลิเมตร หนา 32 มิลลิเมตร

Ferrari F8 Spider ใช้หลังคาแข็งแบบพับด้วยไฟฟ้า โดยกลไกของหลังคาสามารถเปิด/ปิดได้ ภายในเวลา 14 วินาที และสามารถทำงานได้เมื่อรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วไม่เกิน 45 kmh

Engine เครื่องยนต์

เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ของ F8 Spider คือเครื่องรหัส “F154CG” ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงล่าสุดของเครื่องยนต์ F154 ซึ่งนับเป็นเครื่องยนต์เทอร์โบบล็อคแรกที่ Ferrari สร้างใส่รถที่ขายจริงนับตั้งแต่ เครื่องยนต์ F120A ใน Ferrari F40

โดยตัวเครื่องยนต์ที่ใช้ใน F8 เป็นแบบ V8 90 องศา ขนาด 3.9 ลิตร 3,902 ซีซี. เทอร์โบคู่ อัตราส่วนกำลังอัด 9.6 : 1 กำลังสูงสุด 720 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร ที่ 3,250 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ Dual Clutch F1 Gearbox

Highlight ของเครื่องยนต์ใน F8 คือการพยายามลดน้ำหนักที่เครื่องยนต์ โดยนำเครื่องยนต์ของ 488 มาเปลี่ยนเพลาข้อเหวี่ยง ฟลายวีล ก้านสูบใหม่ และท่อร่วมไอเสีย Inconel  Titanium Aluminide ทั้งหมดนี้รวมกัน ลดน้ำหนักเครื่องยนต์ลงได้ 18 กิโลกรัม

การออกแบบและการใช้งานอุปกรณ์ภายใน

  • เมื่อเทียบกับรถที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย F8 จะมีความแปลกในการจัดวางสิ่งต่างๆ
  • ไฟเลี้ยว ไม่เป็นก้านที่คอพวงมาลัย แต่เป็นปุ่ม อยู่บนก้านพวงมาลัย
  • สวิตช์ไฟหน้า และระบบปัดน้ำฝน เป็นปุ่มอยู่บนพวงมาลัย
  • ปุ่มสตาร์ท สวิตช์ปรับโหมดอยู่บนพวงมาลัย แป้น Paddle Shift ติดกับคอพวงมาลัย
  • ปุ่มสำหรับควบคุมจอ MID บนหน้าปัด ไม่อยู่บนพวงมาลัย แต่ไปอยู่บนแดชบอร์ด แยกฝั่งซ้าย/ขวา
  • สวิตช์ Cruise Control ไปอยู่ใต้ช่องแอร์ฝั่งชิดประตู
  • ไม่มีคันเกียร์ให้โยก การเข้าเกียร์ออกรถ ให้เหยียบเบรก แล้วตบ Paddle Shift ด้านขวา ปุ่ม AUTO ที่คอนโซลกลาง เอาไว้เลือกสลับระหว่างโหมดเกียร์อัตโนมัติ และโหมดตบเปลี่ยนเกียร์เอง
  • การเข้าเกียร์ว่าง ใช้วิธีตบแป้น Paddle Shift ทั้งสองข้างพร้อมกันค้างไว้ ไม่มีเกียร์ P แต่มีเบรกมือไฟฟ้า
  • เมื่อดับเครื่องยนต์ เบรกมือไฟฟ้าจะขึ้นล็อคเองโดยอัตโนมัติ
    

จอทัชสกรีนสำหรับฝั่งคนนั่ง เป็นอุปกรณ์สั่งพิเศษ ราคาในเมืองนอก 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับในเมืองไทยโปรดสอบถามกับผู้จำหน่าย

                         

ห้องเก็บสัมภาระด้านหน้า จะมีแผ่นป้ายสีดำ บันทึกรายการอุปกรณ์เพิ่มเติมที่มีการสั่งให้ติดตั้งกับรถคันนั้นๆ

สำหรับรถคันสีเงินที่แสดงในภาพของบทความนี้ มีการสั่งอุปกรณ์เพิ่มเติมหลายรายการ รวมถึงการบุคาร์บอนเพิ่มเติมในห้องโดยสาร ห้องเครื่องยนต์ และที่เก็บสัมภาระด้านหน้า ราคาของรถโดยประมาณ เพิ่มจาก 26.35 เป็น 30 ล้านบาท

***Ferrari F8 Spider – Short Review by Pan Paitoonpong***

เนื่องจากในการขับ ผมมีเวลาอยู่กับรถแค่ 10-15 นาที เป็นการขับในสนามปิด (ปทุมธานีสปีดเวย์) ดังนั้นจะขออธิบายเป็นแบบ Short Review ด้านการขับขี่เป็นหลัก และเขียนจากมุมของคนที่ไม่ได้มีซูเปอร์คาร์ที่บ้าน

สารภาพว่าตอนขับเสร็จอยากจะปานาฬิกาจับเวลาทิ้ง ซูเปอร์คาร์ที่มีพลัง 720 แรงม้าสามารถดีดคุณไปสู่ความเร็วสามหลักได้ก่อนที่คุณจะพูดคำว่า “Holy Sh*t” แล้วลากเสียงได้จบประโยค ผมต้องใช้วิธีเอาภาพจากวิดิโอที่ถ่ายจอดิจิตอลมานั่งจับเวลาเอาเองนับสิบครั้ง เพราะตัวเลขดิจิตอลบนจอความเร็วขยับทีละ 10 kmh เลยทีเดียว และเมื่อหาค่าเฉลี่ยของอัตราเร่งได้ ก็ไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก แม้ Ferrari F8 จะเป็นรถซีรีส์ปกติของค่าย ไม่ได้ผลิตจำกัดจำนวน ราคาก็ไม่ได้แพงที่สุด แต่อย่าลืมว่ามันคือขีปนาวุธจากบกสู่บกลูกนึงที่สอนให้ผมรู้จักความแตกต่างระหว่างรถซิ่งราคาแพง กับซูเปอร์คาร์ที่มีคนทุ่มเงินพันล้านวิจัยมันขึ้นมา

น้ำหนักของผม บวกกับอาจารย์จั้ม (Instructor) 242 กิโลกรัมบนรถ..บวกกับพื้นที่เปียกเพราะฝนยังตกอยู่ปรอยๆ เราออกตัวโดยใช้ Sport Mode (Ferrari ไม่มี Comfort หรือ Normal Mode) กดคันเร่งจม ไม่ได้ใช้ Launch Control ใดๆ F8 Spider พุ่งถึง 100 ได้ภายในเวลา 3.9 วินาที และ 0-170 kmh ใช้เวลาแค่ 8.2 วินาทีเท่านั้น ถ้านึกไม่ออกว่าเร็วขนาดไหน..Toyota GR Supra ที่บรรทุกหนักเท่ากัน ทำ 0-170 ได้ภายใน 12.5 วินาทีครับ

แล้วเห็นตัวเลขพลังระดับนี้ เห็นแรงม้ากว่า 700 ตัว..มันขับยากไหม? เอาเป็นว่าถ้าคุณเคยขับรถวางเครื่องจากยุค 90s ที่มีม้า 500 ตัวมาแล้ว เจ้า F8 จะทำให้คุณรู้สึกถึงพลังแห่งเทคโนโลยีม้าป่า ที่สามารถจับเอาม้าจำนวนมากมายอยู่หมัด ล้อฟรีทิ้งในระดับที่กำลังพอดี ราวกับว่ามันรู้ในระดับมิลลิวินาทีว่าต้องปรับลิ้นคันเร่งเท่าไหร่ จึงจะสามารถดีดรถออกไปให้เร็วที่สุด มันคือเรื่องตลกมากสำหรับผมซึ่งเคยขับรถวางเครื่อง 500-600 ม้า ออกตัวเป๋ปัดหรือหมุนมาแล้ว แต่กับ F8 แค่กดคันเร่ง รถก็พุ่งออกไปตรงๆ ของมันเองได้

ถ้าคุณห่วงว่าเครื่องยนต์เทอร์โบจะรอรอบ..นี่ไม่ใช่ F40 นะครับ รถเบาเท่า Accord แต่ความจุ 3.9 ลิตร แถมพกเทอร์โบยุคใหม่ที่กล่อง ECU รู้ว่ากังหันปั่นอยู่กี่รอบ ทุกอย่างปรับค่าจนได้แรงเหมาะสมตามคันเร่ง อะไรก็ตามที่เกิน 2,000 รอบขึ้นไป ต้องบอกว่าตอบสนองทันควัน กดตรงไหนก็ดึงดิบๆกันตรงนั้น ราวกับเป็นเครื่อง NA ขนาด 5-6.0 ลิตร สุ้มเสียงของรถยิ่งสะใจกว่า F8 Tributo ที่เป็นหลังคาแข็ง เพราะเสียงจากด้านหลังเข้ามาได้มากกว่า เสียงเวสต์เกต กับ Blow-off/By-Pass Valve ดังเข้ามามากกว่าชัดเจน มันไม่ได้แผดลั่นแบบ 458 แต่มาในแนวทุ้ม เหมือนคุณยืนอยู่หน้าห้องที่มีประตูเหล็กแล้วข้างในมีปิศาจร้องโหยหวนอยู่…มันอาจจะไม่ดังกังวานเซ็กซี่แบบ 10 สูบของ Huracan แต่ก็ยังมีความเร้าใจมากกว่าเสียงเครื่องของ McLaren 720S ที่เงียบสุภาพไม่เข้ากับความโหดของมัน

เนื่องจากสภาพอากาศชื้นและพื้นแทร็คแฉะ อาจารย์จั้มให้ผมเปิดสนามก่อนด้วยการหมุนสวิตช์ Manettino (เป็นภาษาอิตาเลียน แปลว่า คันโยกอันจิ๊ดริด) ไปที่ “WET” แล้วก็เริ่มลองอัดรอบแทร็ค ในสภาพแบบนี้ ผมคิดว่าผมสามารถใช้ประสิทธิภาพจริงของรถได้ไม่เกิน 60% และพยายามขับลองคันเร่งแบบหยั่งเชิง ปฏิบัติต่อมันเหมือนรถที่แพงเท่าชีวิตทั้งชีวิต ในสภาพแบบนี้ F8 Spider เปรียบได้ดังกิเลนไฟที่มีคนมาก้มหัวเคารพ มันลดความโหดลง และพยายามที่จะให้เราขี่มันไปด้วยความปลอดภัย ระบบรักษาการทรงตัวทำงานทันทีที่ผมเริ่มลงคันเร่งเยอะ และเหมือนกับ F8 Tributo คูเป้..ในหลายโอกาสผมพบว่าเวลายิงออกจากโค้ง หน้ารถมีอาการดึงตัวถังไปตามไลน์อย่างเร็ว เหมือนกับรถขับสี่อย่าง C43 4MATIC.. แต่นี่มันคือรถขับหลังนะพี่

ช่วงล่างมีความกระชับ ตลอดการขับเรารู้สึกได้ว่าโช้คแม่เหล็กไฟฟ้าของมันข้างนึงน่าจะแพงเท่ากับอีโคคาร์หนึ่งคัน น้อยครั้งมากที่รถคันนึงจะสามารถให้ความหนึบแน่น แต่รูดผ่านรอยต่อ และถนนที่แตกได้ด้วยความสะเทือนคล้ายจับ Nissan X-Trail มาใส่ยางแก้มเตี้ย เว้นเสียแต่ว่าปูดถนนตรงนั้นมันใหญ่เกินแก้มยางจะรับไหว ตรงนั้น อาการก็จะส่งมา แต่แค่ซับแรงกระแทกได้มากกว่ารถ Hot hatch อย่าง MINI Cooper S ผมก็ขอบคุณงามๆแล้วครับ

พอปรับเป็นโหมด SPORT เหมือนเอามีดแซะเกล็ดอสูร 1 เกล็ด ความดุร้ายตามธรรมชาติของมันเริ่มโผล่มาให้เห็น แม้มันจะยังไม่ฆ่าคุณก็ตาม พวงมาลัยที่หนักอยู่แล้ว และไวอยู่แล้ว ก็ยิ่งหนักขึ้นและไวขึ้นแต่ก็ไม่ใช่รถที่ใครอยากกระทืบก็ทำได้ตามใจ อาการตอนเข้าโค้งที่ดึงหน้าแบบรถขับสี่ลดน้อยลง แทนที่โดยอาการพยายามสวิงท้ายออก แต่เป็นอาการแบบที่ทำให้คุณขนลุกและสนุก คล้ายการขึ้นหอโดดร่มครั้งแรกในวัยเด็ก ในโหมด SPORT นี้ระบบความปลอดภัยยังทำงานครบ นิสัยของรถโดยรวมจึงคล้าย “Toyota 86 ของคนที่มีเงินหลายร้อยล้าน” คือมันทำให้คุณรู้สึกสนุก รู้สึกว่าเก่ง แต่จริงๆแล้วรถมันพยายามช่วยเราอยู่

ผมได้มีโอกาสนั่งโดยให้นักแข่งมืออาชีพอย่างอาจารย์อั้มขับให้ดูครั้งหนึ่ง เมื่อ F8 Spider ได้ผู้ขับที่เหมาะกับมัน คำว่าขีปนาวุธบกสู่บก ไม่ใช่เรื่องเกินจริง มันแรงมากบนทางตรง เร็วมากบนทางโค้ง ยึดเกาะหรือสไลด์ท้ายตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา และผมไม่เคยเจอคำว่า “เบรกหนัก” ของจริง จนกระทั่งอาจารย์ทำให้ดู เบรกคาร์บอนเซรามิก เอาม้าป่าจาก 180 ลงเหลือ 80 ได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที เข็มขัดตรึงจนหายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว

ส่วนในด้านอื่นนอกจากความแรง ก็คงมีเรื่องการใช้งานสวิตช์ต่างๆ ไฟเลี้ยว ปัดน้ำฝน การเข้าเกียร์ ที่ไม่เหมือนรถในแบบที่พวกเราเคยขับกันมา อุปกรณ์ครบ แต่อย่าแปลกใจถ้ารถราคา 26 ล้านจะให้เบาะนั่งและพวงมาลัยที่ปรับด้วยมือ เพราะผมพบว่าในตลาดของรถสิบล้านร้อยล้าน รุ่นยิ่งพิเศษ ยิ่งเน้นสมรรถนะ อุปกรณ์จะยิ่งน้อย มันคือสิ่งที่เราอาจจะค่อนขอดไปจนถึงชาติหน้าก็ได้ แต่คนที่จ่ายเงินซื้อได้จริงอาจไม่เคยแคร์เลยด้วยซ้ำ แต่มันก็นั่งสบายกว่าเบาะรถแข่งของแท้ โดยที่ยังได้ความรัดกุมเหนี่ยวรั้งตัวไว้กับเบาะเมื่อต้องพบแรงดึงซ้ายขวา ส่วนการเข้า/ออกจากรถนั้น ผมรู้สึกว่าต้องก้มหัวหลบมากกว่า F8 Tributo บอดี้คูเป้ แต่ถ้าคนไซส์ผมเข้าไปนั่งได้ คนอื่นๆอีก 95% ไม่น่ามีปัญหา แป้นเบรกและคันเร่งวางห่างจากกันมากกว่า McLaren 720S ทำให้โอกาสที่จะเผลอเหยียบ 2 แป้นซ้อนมีน้อยกว่า

ท้ายสุดนี้ ถึงคุณอาจจะไม่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของรถอย่าง F8 Spider แต่ถ้าเกิดมีโอกาสได้นั่ง ก็ลองเถอะครับ สิ่งที่ผมอยากให้คุณสัมผัส ไม่ใช่ความแรง แต่เป็นวิธีที่รถแสดงออกในภาพรวม การยึดเกาะ การเลือกจุดที่จะเชื่อฟังหรือขัดขืนคำสั่งของคนขับ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในทุกวันนี้สามารถทำให้รถคันนึงสามารถสวมบทบาทได้ทั้งเพื่อนที่โอบไหล่ในยามเหงา และอสูรร้ายที่สร้างความขนลุกอย่างจริงจัง รถน้อยค่ายบนโลกนักที่จะสามารถมอบประสบการณ์ทัดเทียม Ferrari ได้