Suzuki Ertiga MY2020

ราคาอย่างเป็นทางการ

  • 1.5 GL A/T  659,000 บาท
  • 1.5 GX A/T  725,000 บาท

สิ่งที่ Suzuki Ertiga (MY2020) แตกต่างจากรุ่นเดิม มีดังนี้

  • เปลี่ยน ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ สีทูโทน
  • เพิ่ม ที่รองศีรษะตรงกลาง เบาะนั่งแถวที่ 2
  • เปลี่ยน ระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ หน้าจอแสดงผลดิจิตอล
  • เพิ่ม หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
  • เพิ่ม การรองรับ Apple CarPlay / Android Auto
  • เพิ่ม ช่องเชื่อมต่อ HDMI
  • เพิ่ม กล้องมองภาพขณะถอยจอด
  • เพิ่ม ระบบไล่ฝ้ากระจกบังลมหลัง
  • เพิ่ม สีตัวถังภายนอก ใหม่ แดงม่วง Pearl Burgundy Red
  • ราคาปรับเพิ่ม 30,000 บาท

Engine เครื่องยนต์

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส K15B 4 สูบ 16 วาล์ว Multi-point ขนาด 1.5 ลิตร 1,462 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 74.0 x 86.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.5 : 1 กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า ถังน้ำมัน 45 ลิตร

อัตราทดเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

  • เกียร์ 1  2.875
  • เกียร์ 2  1.568
  • เกียร์ 3  1.000
  • เกียร์ 4  0.696
  • เกียร์ถอยหลัง  2.300
  • เฟืองท้าย  4.278

Dimension มิติตัวถัง

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,395 x 1,735 x 1,690 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,740 มิลลิเมตร
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น Ground Clearance : 180 มิลลิเมตร
  • ที่เก็บสัมภาระด้านท้ายเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 : 550 ลิตร

Chassis ช่วงล่าง

  • พื้นฐานช่วงล่างออกแบบใหม่ HEARTECT Platform
  • ช่วงล่างด้านหน้า : McPherson Strut พร้อมคอยล์สปริง
  • ช่วงล่างด้านหลัง : Torsion Beam พร้อมคอยล์สปริง
  • ระบบเบรกด้านหน้า : ดิสก์เบรก แบบมีช่องระบายความร้อน
  • ระบบเบรกด้านหลัง : ดรัมเบรก แบบฝักนำ และ ฝักตาม

Exterior ภายนอก

  • ล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว พร้อมยาง 185/65 R15
  • กระจังหน้าโครเมียม
  • ไฟหน้า Projector Lens แบบฮาโลเจน
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า
  • ไฟท้ายแบบ LED พร้อม Light Guiding
  • ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
  • กระจกสีตัดแสง Green Tinted
  • กระจกมองข้าง สีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
  • กระจกมองข้าง ปรับ และ พับด้วยไฟฟ้า
  • มือเปิดประตูภายนอก โครเมียม
  • คิ้วฝาท้ายตกแต่งด้วยโครเมียม

Seating เบาะนั่ง

  • เบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง
  • ช่องเก็บเอกสาร ด้านหลังเบาะคนขับ / ผู้โดยสารตอนหน้า
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 แยกพับอิสระ 60 : 40
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 เลื่อนหน้า – ถอยหลังได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเอนได้
  • เบาะนั่งแถวที่ 3 แยกพับอิสระ 50 : 50


Interior ภายในห้องโดยสาร

  • ภายในห้องโดยสาร โทนสีดำ
  • แดชบอร์ดหน้า และ แผงประตู ตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้
  • มือเปิดประตู ภายในห้องโดยสารโครเมียม
  • ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
  • ช่องชาร์จไฟ 12V 2 ตำแหน่ง
  • ที่วางแก้วน้ำรอบคัน 8 ตำแหน่ง
  • ที่วางแก้วคอนโซลด้านล่าง พร้อมช่องเป่าลมเย็น 2 ตำแหน่ง
  • กล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ฝาเปิด-ปิดแบบอิสระ 50 : 50
  • กระจกหน้าต่างไฟฟ้า 4 บาน ปรับขึ้นอัตโนมัติด้านคนขับ
  • มาตรวัด พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID
  • พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า แบบ 3 ก้าน
  • พวงมาลัยปรับได้ 2 ทิศทาง (ขึ้น-ลง)
  • พวงมาลัยหุ้มด้วยหนัง
  • ระบบเซ็นทรัลล็อค
  • กุญแจรีโมท
  • ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมจอแสดงผล
  • ไส้กรองอากาศ
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง บริเวณหลังคา
  • กล้องมองภาพขณะถอยจอด
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • เครื่องเสียงวิทยุ AM/FM CD MP3 WMA
  • หน้าจอระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว
  • รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • ช่องเชื่อมต่อ USB
  • ช่องเชื่อมต่อ HDMI
  • ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  • ลำโพง 4 ตำแหน่ง

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
  • ระบบกระจายแรงเบรก EBD
  • ระบบเสริมแรงเบรก BA
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
  • ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน Hill Hold Control
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX
  • กุญแจ Immobilizer
  • ระบบสัญญาณกันขโมย
  • สัญญาณกะระยะช่วยจอดด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • ยางอะไหล่

สีตัวถังภายนอกมีให้เลือก 5 สี

  • สีม่วงแดง Pearl Burgundy Red
  • สีแดง Pearl Radiant Red
  • สีเทา Metallic Magma Grey
  • สีขาว Pearl Snow White
  • สีดำ Cool Black Metallic

ผลทดสอบ อัตราเร่ง Suzuki Ertiga 1.5 GX MY2020

Acceleration

  • อัตราเร่ง 0 – 100 km/h : 12.04 วินาที
  • อัตราเร่ง 80 – 120 km/h : 10.14 วินาที

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 180 km/h @ 4,500 rpm (4th gear)

Fuel Consumption

  • อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทำได้เฉลี่ย 15.15 km/l

Suzuki Ertiga 1.5 GX (MY2020)  725,000 บาท

Short Review

Suzuki Ertiga ขายมาได้ปีกว่าก็มีการปรับอุปกรณ์ที่ขาดหายไป มาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าแล้วเสียที หน้าตาภายนอก แทบจะไม่ต่างจากเดิม สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปที่สังเกตเห็นได้จากระยะไกล คือ ลายล้อแบบใบพัด ปัดเงา ทำสีทูโทน ดูดีมีชาติตระกูล ทำให้รถดูเฉี่ยวขึ้นกว่าล้อลายเดิม

ความเปลี่ยนแปลงหลักๆ จะอยู่ที่ภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอเครื่องเสียง ที่แต่เดิมเป็นเหมือนจอวิทยุหลอกๆ คราวนี้ใส่ หน้าจอ Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto พร้อมกล้องมองหลัง เหมือนประชด สะใจใหญ่โต แต่ตัวหนังสืออลังการงานสร้าง คนนั่งแถวหลังสุดยังมองเห็น แอร์ลูกบิด ถูกเปลี่ยนเป็น แอร์ออโต้ปุ่มกด พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอล ดูสวยงามลงตัวกว่าเดิมมาก

เบาะนั่งมีการเพิ่มหมอนรองศีรษะตรงกลางแถว 2 มาให้ พร้อมเข็มขัดนิรภัย ELR 3 จุด ถ้าให้พูดถึงเรื่องเบาะนั่ง มาสไตล์นุ่ม นั่งแล้วฟีบลงมากกว่าเบาะของคู่แข่งคันอื่น แต่ให้ความสบายพอเหมาะสำหรับการขับในที่รถติด เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าปรับความสูงได้นั้นเคยมีในรุ่นเก่า แต่ตัวนี้ถอดออก มือโหนที่หลังคาหลังจากล็อตแรก ก็ถูกปรับมาเป็นแบบพับเก็บได้

เบาะนั่งแถวที่ 2 จุดเด่นคือ พื้นที่วางขา Legroom เหลือเยอะ ให้นั่งไขว่ห้างได้ และ มีที่ให้เหยียดขาได้เยอะ จนรถที่ใหญ่กว่าอาจจะอายไปเลย นอกจากนี้ประตูคู่หลัง บานใหญ่ และ เปิดได้กว้าง ทำให้การเข้าออกเบาะนั่งแถวที่ 3 ค่อนข้างจะทำได้ดี แม้ตัวเบาะจะพับตลบไม่ได้ก็ตาม เบาะแถวที่ 3 สามารถปรับเอนได้ และ ข่าวดีคือหุ่นเท่าผมสามารถเข้าออกได้ง่าย นั่งโดยสารก็ได้ ถ้าแค่คนแถวสองจะยอมเลื่อนเบาะไปข้างหน้าสักหน่อย แอร์หลังแบบเพดานมีมาให้ พร้อมลูกบิดปรับแรงลมแยกจากด้านหน้า ทำความเย็นได้ดี

สำหรับด้านการขับขี่ ช่วงล่างซับแรงกระแทกที่ความเร็วต่ำได้ดี เหมาะกับการใช้งานของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น คือ กลุ่มครอบครัว แต่ไม่ได้เผื่อคนเท้าหนักมากนัก และ เมื่อประเมินในภาพรวม มันไม่ได้สบายกว่าหรือ เกาะถนนกว่า Honda Mobilio และ ไม่ต้องพูดถึง Xpander ซึ่งถึงแม้จะอืดกว่า และ พวงมาลัยขาดน้ำหนักหน่วงไปนิด แต่ช่วงล่างของ Xpander แน่น นิ่งมั่นคงกว่านิดหน่อย

แม้ช่วงล่างจะไว้ใจได้ แต่เมื่อไหร่วิ่งเกิน 120 km/h ขึ้นไป แล้วมีลมปะทะข้าง จะค่อนข้างโยกไปตามกระแสลมมากกว่าคู่แข่ง บวกกับพวงมาลัยที่ค่อนข้างไว ทำให้เวลาวิ่งบนทางด่วน มีกระแสลมแรง ต้องใช้สมาธิมากสักหน่อย ดูเหมือนว่าถ้าไม่นับเรื่องอัตราเร่ง กับ พวงมาลัย บุคลิกของรถหันไปทางรถครอบครัวที่ขับไม่ค่อยเร็ว แต่ยังมุดซ่อกแซ่กหนีรถติดในเมืองคล่องตัวเสียมากกว่า

การตอบสนองพวงมาลัยของ Ertiga ทำได้ดีกว่าคู่แข่ง Xpander แต่ความมั่นคงของช่วงล่าง ผมว่า Xpander มั่นใจ และ มั่นคงกว่ากันอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อมาพิจารณาราคาของ Suzuki Ertiga ที่ถูกกว่ากันราว 134,000 บาท กับการอัพเกรดอุปกรณ์มาใกล้เคียง Xpander มากขึ้น เช่น จอเครื่องเสียงขนาดใหญ่โต จนตอนนี้ Ertiga นำหน้า Xpander ไปเรียบร้อย มีกล้องหลังแล้วด้วย ก็ทำให้ตัวรถดูน่าใช้ น่าคบหามากขึ้น ขาดก็แค่ระบบ Cruise Control และ เบาะหนัง ก็น่าครบองค์ประกอบ สงสัยคงต้องรอ Suzuki XL7 กันอีกที

725,000 บาท ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพิ่มเงินจากรถ Sub-Compact Sedan / Hatchback ไม่กี่หมื่นบาท หรือ ถูกกว่าบางรุ่น แต่ได้รถ Mini MPV ที่ไปกันทั้งครอบครัว 7 คน ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/74963.0