• Auto Shanghai นับเป็นงานจัดแสดงรถยนต์ที่เริ่มจากงานระดับทั่วไปในปี 1985 จนในปัจจุบันพัฒนาทั้งพื้นที่ รูปแบบการจัดงานและจำนวนผู้เข้าร่วมจัดแสดงให้ทัดเทียมได้กับงานโชว์รถใหญ่ๆ อย่าง Geneva Motor Show และ Tokyo Motor Show
  • อีกชื่อหนึ่งของงาน คือ Shanghai International Automobile Industry Exhibition
  • กำหนดจัดงานเป็นแบบปีเว้นปี โดยปีที่ลงท้ายด้วยเลขคี่ จะจัดงานที่ Shanghai ในขณะที่ปีลงท้ายเลขคู่ จะจัดที่ปักกิ่ง (Beijing Auto Show)
  • ปริมาณรถใหม่เปิดตัว (ทั้งที่เปิดครั้งแรกในโลก บวกกับที่เปิดครั้งแรกในประเทศจีน) มีมากกว่า 60 รุ่น กินบริเวณพื้นที่งานกว้างจนเดินวันเดียวไม่หมด
  • J!MMY ได้รับเชิญจากทาง MG Sales (ประเทศไทย) และ SAIC Motor ทางประเทศจีนให้เข้าร่วมชมนวัตกรรมของทางกลุ่มบริษัทฯ และยังใจดีให้เดินชมงาน (เท่าที่เวลาจะอำนวย) ทางคุณ J!MMY เก็บภาพรถรุ่นต่างๆมาแบ่งปันกับผู้อ่าน ให้เห็นศักยภาพผู้ผลิตรถจากทางแดนมังกรว่าก้าวไกลไปถึงไหนแล้ว
  • ผมนำภาพมาเรียบเรียง และเติมเนื้อหากับรูปรถบางรุ่นที่น่าสนใจให้ แน่นอนว่าเดินเก็บไม่หมดทุกรุ่นทุกยี่ห้อ จึงขอเลือกนำมาเสนอแค่บางยี่ห้อ

สำหรับรถรุ่นอื่นๆ อย่างเช่น Mercedes-Benz GLB Concept, Chevrolet Tracker, Toyota C-HR EV และอื่นๆ ทางเว็บเราได้มีการนำเสนอบทความแยกออกไปแล้ว ในบทความนี้ ผมจึงจะขอโฟกัสไปที่รถบางรุ่นที่เราอาจยังไม่ได้เขียนถึง โดยมีความตั้งใจจะเน้นรถจากแดนมังกรเป็นหลัก

หลายรุ่น ไม่มาขายในบ้านเราแน่นอน เพราะลำพังแค่ป้อนตลาดประเทศจีนก็ไม่มีเวลาให้ไปทำอย่างอื่นแล้ว จีนถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก โดยประมาณ 35% ของรถที่ขายในโลกแต่ละปีจะประกอบมาจากจีน เราอาจไม่ทราบว่าทำไมตัวเลขถึงดูเยอะ แต่อันที่จริง นอกจากขายในประเทศตัวเอง จีนยังส่งรถของพวกเขาไปขายตามประเทศกำลังพัฒนาในราคาถูกอีกหลายประเทศ

10 ปีที่แล้ว เรายังดูถูกรถจีนว่าออกแบบไม่เป็น ทำได้แค่ก๊อปปี้ ทำรถสมรรถนะสูงไม่ได้ ไม่มีความสง่า แต่ในปัจจุบันจีนใช้ทั้งกลยุทธ์การพัฒนาตนเองทางตรง หรือใช้ทางลัดโดยการร่วมทุนกับบริษัทใหญ่ (GM, Volkswagen) หรือซื้อกิจการ (MG/Rover, Volvo) สิ่งเหล่านี้ทำให้รถของประเทศจีนพัฒนาไปเร็วกว่าที่เราเคยเห็นจากประเทศอื่น

Aiways U5

Aiways เป็นบริษัทที่ยังใหม่สด เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 นี้เอง โดยในปี 2017 ได้มีผู้บริหารสำคัญเข้าร่วมคือ Mr. Gu Feng ซึ่งเป็นอดีต CFO ของ SAIC Group มาดำรงตำแหน่ง CEO และ CFO ของทางค่าย และยังได้ Roland Gumpert วิศวกรเยอรมันผู้อยู่เบื้องหลัง Audi Quattro และ Gumpert Apollo มาเป็นผู้บริหารดูแลด้านผลิตภัณฑ์

Aiways U5 เป็นรถ SUV พลังไฟฟ้ารุ่นแรกและรุ่นเดียวของทางค่ายในขณะนี้ ใช้โครงสร้างพื้นฐาน MAS (More Adaptable Structure) ซึ่งสามารถนำไปทำต่อเป็นรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกหลายแบบ ใช้แบตเตอรี่ขนาด 65kWh ซึ่งทาง Aiways เคลมว่าสามารถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบแบบ NEDC) ภายในมีความคล้าย Audi ยุคใหม่แต่ใช้แผงหน้าปัดและจอกลางเป็น Tablet ยกตัวจากแดชบอร์ด ในปีหน้า Aiways จะนำ U5 ไปเปิดตัวที่ยุโรป ไม่ขาย แต่ให้เช่าเดือนละ 345 ปอนด์

Audi AI:ME

รถต้นแบบขนาดเล็กสำหรับคนเมือง ที่มาพร้อมระบบขับขี่อัตโนมัติ Autonomous driving Level 4 ซึ่งหมายความว่า หากอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่เอื้ออำนวยต่อระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติแล้วล่ะก็ คนขับจะหลับไปเลยก็ได้ แตกต่างจาก Level 3 ตรงที่เมื่อระบบไม่สามารถทำงานได้ รถ Level 3 จะส่งงานต่อให้คนขับทันที ดังนั้นคนขับจะต้องอยู่บนที่นั่งและพร้อมรับช่วงต่อ แต่สำหรับรถ Level 4 อย่าง AI:ME นั้น ถึงแม้คนขับจะหลับอยู่ รถก็จะสามารถเปิดไฟเลี้ยวจอดชิดขอบทางเองได้อย่างปลอดภัย

AI:ME ใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนพลัง 170 แรงม้า มีแบตเตอรี่ขนาด 65 kWh แต่ในปัจจุบันยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขสมรรถนะว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่ที่แน่นอนคือดีไซน์บางส่วนจากรถคันนี้ จะไปอยู่ในรถยนต์ไฟฟ้าจาก Audi วันหน้า แต่อาจจะไม่ใช่ห้องโดยสารสไตล์ยานอวกาศปนลายไม้แบบโต๊ะเรียนไฮโซแบบที่เป็นอยู่ เพราะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็นเพิ่มเติม

Arcfox-GT

Arcfox คือ Sub-brand ของ BJEV ซึ่งเป็นยี่ห้อในเครือกลุ่ม BAIC Group ผู้ผลิตรถยนต์ที่มีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ โดย BJEV จะมุ่งเน้นการสร้างรถยนต์ไฟฟ้า และ Arcfox คือแบรนด์ย่อยที่สร้างรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะสูง Arcfox-GT ก็คือซูเปอร์คาร์รุ่นแรกของทางค่ายที่เปิดตัวมานานแล้ว ตัวถังของรถออกแบบโดย Walter de Silva อดีตบอสฝ่ายออกแบบของ VW Group เจ้า Arcfox-GT มีตัวเลขสเป็คที่น่ากลัวทีเดียว มันใช้ขุมพลังขับเคลื่อนเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าแยกอิสระ 4 ตัว มีกำลังรวมมากถึง 1,600 แรงม้า แรงบิด 800 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ

Arcfox-GT สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.59 วินาที แต่ด้วยความที่ตัวหนักประมาณ 1.8 ตันจึงใช้ระยะเบรกจาก 100 เหลือ 0 ประมาณ 35 เมตร (แม้ว่าจะมีดิสก์เบรกบวกคาลิเปอร์ 6 Pot ทุกล้อแล้ว) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากกว่า 255 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Arcfox-GT Race Edition

นี่คืออีกร่างหนึ่งของ Arcfox-GT ที่ปรับแต่งมาสำหรับการใช้งานแบบสนามแข่งมากขึ้น ฟังดูเหมือนขี้โม้แต่จะบอกว่า BAIC Group เขาไปสร้างศูนย์วิจัยทางวิศวกรรมที่สเปนมาสักพักแล้ว และรถคันนี้ก็ปรับจูนและวิ่งทดสอบที่สนามแข่ง Catalunya อันโด่งดัง ทางด้านสเป็ครถดูคล้ายกับรุ่น GT มาก แต่เปลี่ยนยางเป็นแบบ Soft Compound/Racing ทำให้ลดระยะเบรกจาก 100-0 ลงเหลือ 30 เมตร ส่วนขุมพลังขับเคลื่อน มีมอเตอร์ถึง 6 ตัว (หน้า 2 หลัง 4) แรงม้าลดน้อยลงเหลือ 1,000 ตัว แต่แรงบิดเพิ่มปรู๊ดเป็น1,320 นิวตันเมตร (อ่านแล้วผมยังฉงนว่าอิท่าไหน เป็นไปได้ว่ามอเตอร์มีแรงขับสูงขึ้นแต่หมุนรอบไม่จัดเท่าเดิม)

ตัวเลขอัตราเร่งและความเร็วสูงสุด ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ บอกแค่กว้างๆว่า 0-100 2.59 วินาที และความเร็วสูงสุดมากกว่า 255 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับของรุ่น GT นั่นเอง

Arcfox ECF Concept

รถต้นแบบที่แสดงแนวคิดของทางค่ายในการสร้าง SUV ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (ยังไม่ระบุสเป็ค) จุดเด่นภายนอกคือเสา C-pillar ขนาดใหญ่เหมือนเรือ Speedboat พลังสูง ส่วนภายใน มีพวงมาลัยแบบท้ายตัดและยังตัดก้านท่อนบนเหมือนเครื่องบินโดยสารยุคก่อน

BYD E-SEED GT

ตัวอย่างหนึ่งของการดูดพลังสมองยุโรปมาสร้างสรรค์รถให้ตัวเองก็คือ BYD เพราะรถต้นแบบ E-Seed GT นี้คือความร่วมมือระหว่าง Wolfgang Egger อดีตบอสดีไซน์จาก Italdesign (เขาคือผู้ออกแบบ Alfa Romeo 8C) และ Audi ร่วมกับ JuanMa Lopez ซึ่งเคยทำงานกับ Ferrari และ Michele Jauch Paganetti ซึงเคยทำงานด้านการออกแบบภายในให้สตูดิโอของ Mercedes-Benz ที่ Lake Como ก่อนที่จะถูกปิดไป

E-Seed GT นั้น เป็นรถที่ออกแบบโดยนำแรงบันดาลใจจากมังกร ไฟหน้าของมันก็เหมือนกับหนวดมังกรในขณะที่สัดส่วนโค้งของตัวรถก็เหมือนมังกรที่ขดตัว ในขณะที่ประตูปีกนก..ใช่แล้วครับก็ปีกมังกรนั่นแหละไม่ใช่ปีกไก่ทอดเกลือที่ไหนหรอก รายละเอียดต่างๆยังไม่มีการเปิดเผย แต่ทางคุณ Wang Chuanfu ประธานบริษัทบอกไว้ว่าการที่ BYD ทำรถแบบนี้ออกมาเพราะ “ในอดีต เราทำรถยนต์พลังไฟฟ้ามาแล้ว และในปัจจุบัน จีนกำลังเรียนรู้ที่จะมีการขยายตัวขึ้นอีก” (ในภาษาอังกฤษ คณ Wang ใช้คำว่า new energy vehicles have entered the fast lane – ซึ่งแปลได้ทั้งการขยายตัวทางยอดขาย หรือในด้านสมรรถนะ) เราเองก็อยู่ตรงรอยต่อระหว่างยุคพลังงานเก่าและใหม่ มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเสนอรถที่คุณภาพสูงขึ้นจากเดิม”

 

Geely Preface Concept

Geely ประกาศว่าทางค่ายเตรียมพร้อมที่จะก้าวสู่การผลิตรถระดับ Premium-Sporty ในเร็ววันนี้ แล้วก็ใช้รถต้นแบบ Preface Concept เป็นสื่อในการแสดงแนวคิดในการออกแบบรถรุ่นใหม่ที่จะมาตอบโจทย์ลูกค้าดังกล่าว และหากเป็นไปได้ก็จะนำขายไปทั่วโลก

Preface Concept อาจมีหน้าตาชวนให้นึกถึง Volvo S80/S90 แต่ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะ Geely เองก็นับเป็นบริษัทแม่ของ Volvo ไปแล้ว และคนที่ออกแบบรถคันนี้ก็คือ Peter Horbury ผู้บริหารฝ่ายออกแบบของ Volvo นั่นเอง เรือนร่างของรถ เป็นแบบ 4 ประตูคูเป้หลังคาเตี้ย ออกแบบตามแนวทางดีไซน์ “Expanding Cosmos” และ สร้างอยู่บนโครงสร้างพื้นฐาน CMA (Compact Modular Architecture) ที่พัฒนาร่วมกับ Volvo (ใช้ในรถรุ่น XC40)

Geely Borui GE

สำหรับรถที่คนทั่วไปหาซื้อได้ Geely ก็มีรถระดับสูงสุดของค่ายอย่าง Borui GE ซึ่งในวันที่มันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 28 พฤษภาคมปี 2018 นั้น ภายในชั่วโมงเดียวหลังเปิดตัวก็ขายได้ 2,000 คัน Borui GE เป็นรถขนาดใหญ่ ยาว 4,986 มิลลิเมตรและกว้าง 1,861 มิลลิเมตร (ใหญ่กว่า Camry/Accord เล็กน้อย) มีขุมพลังให้เลือกสองแบบ รุ่นไฮบริดธรรมดา ใช้เครื่อง 1.8 ลิตรเทอร์โบกับมอเตอร์ชุดเล็ก ได้กำลังรวม 190 แรงม้า ส่วนรุ่น Plug-in Hybrid ได้มอเตอร์ที่มีพลังขับสูงกว่า ทำให้มีแรงม้ารวมถึง 257 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง Geely กับ Volvo

Geometry A

นอกจากนี้ทาง Geely ก็เพิ่งเปิดแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายในเครือในชื่อ “Geometry” ไป โดยมีแผนที่จะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 10 รุ่นภายในปี 2025

รถรุ่นแรกที่จะนำมาขายจริงในเร็วๆนี้ คือ Geometry A ซึ่งมีรูปแบบของรถคล้ายกับจะทำมาเพื่อดับกระแส Tesla Model 3 ซึ่งเป็นรถที่ขายดีมากในขณะนี้ในเมืองจีน และหลังประกาศราคา Geometry A เสร็จ ทาง Tesla เมืองจีนก็รับน้องด้วยการเปิดรุ่นย่อยราคาถูกของ Model 3 เป็นการเตะตัดขาเสียเลย

Geometry A เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนามาสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องสมรรถนะอัตราเร่งมากนัก มีแบตเตอรี่ความจุ 2 ระดับคือ 52 kWh และ 62 kWh โดยรุ่นหลังนี้เมื่อชาร์จไฟเต็มหม้อแล้วจะสามารถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตรตามมาตรฐาน NEDC ยุโรป

ORA R1

ORA เป็นยูนิตย่อยภายใต้ Great Wall บริษัทรถจีนเจ้าของแบรนด์ Great Wall, Haval และ Wey ส่วนรุ่น R1 นี้เป็นซิติี้คาร์คันจิ๋ว ลำตัวยาวแค่ 3,495 มิลลิเมตร แต่ได้รับการออกแบบให้ใช้พื้นที่ภายในได้คุ้มสุดด้วยแพลทฟอร์ม ME ที่สร้างมารองรับเฉพาะรถยนต์พลังไฟฟ้าเท่านั้น  แถมยังมีลูกเล่นคุ้นๆ ตรงที่เมื่อเข้าไปนั่งในรถแล้ว คุณสามารถเปิดระบบไฟฟ้า (สตาร์ทรถ) ด้วยการพูดว่า “Hello ORA”

ในปัจจุบัน เป็นที่ยอมรับกันว่าถ้าไม่นับพวกรถกอล์ฟคาร์ทหรือรถขนาดเล็กพิเศษอื่นๆที่ใช้พลังไฟฟ้า ORA R1 คือรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งถนนจริงที่มีราคาถูกที่สุด คือแปลงเป็นเงินไทยแล้วแค่ประมาณ 250,000-280,000 บาทเท่านั้น  มอเตอร์มีกำลัง 35 kW และเมื่อชาร์จเต็ม สามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 350 กิโลเมตร (ในชีวิตจริงน่าจะเหลือประมาณ 200-240)

อย่างไรก็ตาม หากสามารถนำ ORA มาประกอบในไทยและทำราคาให้ถูกเท่าอีโคคาร์ได้..ก็ไม่แน่ หน้าตาอย่างนี้ สีสันแบบนี้ไม่น่าจะขายยาก

 

Gyon Matchless Concept

แม้ว่าจะยังเป็นรถต้นแบบอยู่ Gyon Matchless ก็เป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อบอกประชาชนว่า “ให้เวลาเราหน่อย ในอนาคตเราสามารถทำรถทรงแบบนี้มาขายคุณได้ อีกไม่นานหรอก”

รูปทรงของรถ มีจุดเด่นที่ไฟท้ายทรง C-shape และกระจังหน้าที่ฝังหลอด LED เป็นแผง สามารถขึ้นโชว์ข้อความได้เวลาใช้โหมดขับแบบอัตโนมัติ ชื่อของ Gyon นั้นย่อมาจากคำว่า “Grow Your Own Niche” ซึ่งก็เปรียบได้ดังแนวทางการสร้างรถที่บริษัทเขายึดถือ

ผู้เขียนเชียร์ Feature น่าสนใจอย่างแผงข้อความ LED หน้ารถ ถ้าสามารถ Custom ข้อความให้ด่าพวกรถขับช้าเลนขวาแล้วแทงกั๊ก ทางด่วนจำกัด 110 กูขับ 90 แล้ววิ่งขนานไปกับรถเลนกลางไม่สนฟ้าสนดินใดๆได้ จะขอพิจารณาเป็นกรณีพิเศษครับ

Hongqi H5 Sports

ยอมรับว่าการที่เขียนชื่อยี่ห้อของรถจีนเป็นภาษาอังกฤษนั้น ไม่ใช่เพราะคนเขียนดัดจริต แต่เพราะอ่านเป็นภาษาจีนให้ถูกเสียงถูกหลักได้ยากเหลือเกิน อย่างยี่ห้อ Hongqi นี้ ตอนจัดรายการวิทยุอ่านออกเสียงอย่างภูมิใจเลยว่า ฮองคี่ จนต้องมีคนท้วงว่าจริงๆมันอ่านว่า หงฉี ซึ่งแปลว่า ธงแดง และแบรนด์ Hongqi นี้เปิดตัวตั้งแต่ปี 1958 ทำให้มันเป็นรถชาติจีนที่เก่าแก่ที่สุดไปโดยปริยาย

โดยปกติค่ายนี้จะชอบทำรถสไตล์หรูหรา ใหญ่โต เพราะแต่เดิมเคยทำรถให้ท่านประธานเหมาใช้ในยุคคอมมิวนิสต์ แต่ในปัจจุบัน โลกหมุนเปลี่ยนไปมาก เขาก็พัฒนารถหน้าตาทันสมัยออกมามากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือ H5 และล่าสุดคือ H5 Sports ซึ่งมาในแนวรถ 4 ประตูหลังคาเตี้ย ดูจากด้านข้างเกือบคล้าย Honda Accord แต่อันที่จริง H5/ H5 Sports ใช้แพลทฟอร์มพื้นฐานจาก Mazda 6 และใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบชาร์จ 178 แรงม้า

Hongqi HS7

HS7 เป็นรถ SUV ขนาดกลางค่อนข้างไปทางใหญ่ด้วยความยาวตัวถัง 5,035 มิลลิเมตร การออกแบบรถรุ่นนี้สะท้อนให้เห็นรสนิยมในการเลือกรถหรูของชาวจีนค่อนข้างชัดเจน คือขนาดตัวรถโต หน้าตาดุดันหงุดหงิด ประเคนโครเมียมรอบคัน แต่ไม่ได้ดุแค่หน้าตา เพราะเครื่องยนต์ก็ดุ คุณอาจคิดว่า HS7 ใช้เครื่อง 1.5-2.0 ลิตรเทอร์โบจากทศวรรษก่อนๆ แต่อันที่จริง มันมีขุมพลัง 3.0 ลิตร 6 สูบ Direct Injection เทอร์โบชาร์จ รหัส CA6GV30TD ที่ให้กำลังถึง 338 แรงม้า แรงบิด 445 นิวตันเมตร พัฒนาโดยบริษัทแม่อย่าง FAW Group และประกบเกียร์ 8 จังหวะของ AISIN

รำคาญความโตของกระจังหน้า BMW X7? ไม่เป็นไร เอา HS7 ไปเกทับได้เลยถ้าจะแข่งกันเรื่องนั้น

Hongqi H7

ซาลูนใหญ่ขวัญใจข้าราชการและหน่วยงานรัฐบาลจีน มองดูแล้วทราบไหมครับว่าที่จริงโครงสร้างพื้นฐานของรถนั้นแชร์กับ Toyota Crown รุ่นปี 2012-2013 มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบ คือเครื่องยนต์ V6 2.5 ลิตร ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะรถที่ขายหน่วยงานราชการ ตามมาด้วยเครื่อง V6 3.0 ลิตร ทั้งสองเครื่องยนต์นี้ยกมาจาก Toyota Crown เลย และมีเครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ 2.0 ลิตรให้เลือกอีกแบบ

 

Hyundai Santa Fe เวอร์ชั่นจีน

ดูตอนแรกหน้าตาอาจจะเหมือน Santa Fe ที่เราเห็นมาก่อนหน้านี้ แต่ความแปลกอยู่ที่ดีไซน์ด้านท้ายรถโดยทาง Beijing Hyundai ออกแบบมาจนแตกต่างจากเวอร์ชั่นตลาดโลกโดยสิ้นเชิง จากไฟท้ายแบบแนวนอนแยกสองข้าง เปลี่ยนมาเป็นไฟท้ายตัว C เหมือน Sonata ใหม่แล้วมีแผงทับทิมขนาดเล็กเชื่อมตรงกลาง ความยาวตัวรถเวอร์ชั่นจีนสั้นกว่า 40 มิลลิเมตร (เหลือ 4,730 มิลลิเมตร) แต่ฐานล้อกลับยาวกว่าเวอร์ชั่นตลาดโลกอยู่ 5 มิลลิเมตร

Hyundai Lefesta

รถแปลกที่เป็นผลงานของ Hyundai ในจีน (Beijing Hyundai) Lafesta เป็นรถที่มีขนาดยาว 4,660 มิลลิเมตร และกว้าง 1,790 มิลลิเมตร จัดว่าโตกว่าพวก C-segment ทั่วไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ใช้เครื่องยนต์ 1.4 ลิตรเทอร์โบ 140 แรงม้า หรือ 1.6 ลิตรเทอร์โบ 201 แรงม้า

Hyundai ix25

หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Hyundai Creta เป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก ซึ่งเผยโฉมเจนเนอเรชั่นที่สองในงาน Auto Shanghai 2019 นี่เอง ประกอบจากโรงงานในปักกิ่ง (Beijing Hyundai) มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ คือ 1.4 ลิตรเทอร์โบ และ 1.6 ลิตรไม่มีเทอร์โบ มีระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 6 จังหวะ

ix25 เป็นรถที่ทำมาเพื่อป้อนตลาดที่กำลังโต อย่างในเจนเนอเรชั่นที่แล้วนั้นก็ไม่ได้มีการประกอบในเกาหลี แต่ไปประกอบที่โรงงานในอินเดีย, จีน, รัสเซีย, บราซิล และแอลจีเรีย

Lynk & Co

Lynk & Co เป็นบริษัทในเครือของ Geely ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างจีนและ Volvo สวีเดน มีตำแหน่งทางการตลาดอยู่ระหว่างรถทั้งสองยี่ห้อนี้โดยโฟกัสไปที่เรื่อง Connectivity ของระบบสื่อสารในรถยนต์และการนำเสนอวิธีการขายรถยนต์แบบใหม่ๆ บริษัทนี้เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016

01 คือรถ SUV/Crossover ที่นับเป็นโมเดลแรกของทางค่ายที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 ส่วนรุ่นที่โชว์โฉมในงาน Auto Shanghai นี้ คือเวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ที่เปลี่ยนกระจังหน้าและรายละเอียดภายในเล็กน้อย มีขุมพลัง 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบบวกมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังรวม 180 แรงม้า และรุ่น T4 เครื่อง 2.0 ลิตร 190 แรงม้าจาก Volvo โครงสร้างพื้นฐานของรถคือแพลทฟอร์ม CMA ที่ใช้ร่วมกันกับ Volvo XC40

ส่วนรุ่น 02 เป็นรถ Crossover ขนาดย่อมลงมา (ใกล้เคียง Mercedes-Benz GLA) เป็นเซกเมนต์ตลาดที่ Lynk & Co ต้องการสร้างยอดขายให้ได้มากที่สุด ขุมพลัง 180 และ 190 แรงม้า ยกมาจากรุ่น 01 แต่เพิ่มรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบ 3 สูบไม่มีมอเตอร์ 156 แรงม้าเข้ามา

และท้ายสุด Lynk & Co 03 เป็นรถซาลูนที่ขนาดเทียบได้กับ Honda Civic ในบ้านเรา โครงสร้างพื้นฐาน และเครื่องยนต์เหมือนกับรุ่น 02 คือมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ และเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะ

Lynk & Co จัดเป็นบริษัทใหม่ที่ค่อนข้างมาแรง ถึงแม้หน้าตาจะไม่ถูกรสนิยมคนไทย แต่ปี 2018 พวกเขาก็ขายรถไปได้ 120,000 คัน ซึ่งถือว่าไม่เลวสำหรับบริษัทที่เพิ่งก่อตั้ง ไม่ใช่บริษัทพลังงานใหม่ไฮเทคที่เน้นรถไฟฟ้า และเปิดตัวท่ามกลางคู่แข่งมากมายที่ประสิทธิภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน

Nio ET Preview

ถ้าคุณคิดว่าคนจีนทำรถเร็วจริงๆไม่เป็น ให้ลองค้น Google หา Nio EP9 ซึ่งเป็นรถไฮเปอร์คาร์ สร้างสถิติความเร็วที่สนาม Nurburgring ใส่ยางสลิควิ่งได้ 6:45.90 นาที ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 2.7 วินาที หรือ 0-300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 15.9 วินาที

แต่นั่นคือไฮเปอร์คาร์.. จากนั้นพวกเขาก็ทำแต่รถ SUV อย่าง ES6 และ ES8 แต่ในปี 2021 ทางค่ายจากสร้างรถซาลูนออกมา โดยในงานครั้งนี้ ก็ได้นำรถ Nio ET Preview มาจัดแสดงโดยบอกว่าหน้าตาของมันใกล้เคียงกับรถเวอร์ชั่นที่จะขายจริงประมาณ 80% ส่วนขุมพลังขับเคลื่อนนั้น จะใช้มอเตอร์ 300 แรงม้า 2 ตัว และเมื่อชาร์จเต็ม จะวิ่งได้ไกล 540 กิโลเมตร นี่คือข้อมูลเท่าที่มีในขณะนี้

RENAULT K-ZE

K-ZE ไม่ใช่รถยนต์พลังไฟฟ้าโดยกำเนิด แท้จริงแล้วมันคือการเอา Renault Kwid รถครอสโอเวอร์ขนาดเบบี้ Low cost ผลิตจากอินเดียและบราซิล มาแต่งหน้าทาปากให้ดูล้ำยุคขึ้น เปลี่ยนหน้าปัดใหม่และติดตั้งจอกลางขนาด 8 นิ้ว กลายเป็นรถที่พร้อมมาตอบโจทย์การขยายตัวของตลาดรถยนต์พลังไฟฟ้าในจีนได้เป็นอย่างดี

Renault ยังไม่เผยรายละเอียดเกี่ยวกับรถรุ่นนี้มากนัก แต่บอกว่ามันจะสามารถวิ่งได้ไกล 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นั่นหมายถึงว่าขนาดแบตเตอรี่คงไม่โตไปกว่า 30-35 kWh ส่งผลให้สามารถคุมต้นทุนการผลิตได้ถูก โดย K-ZE จะถูกผลิตจากโรงงานในจีน ซึ่งมีหุ้นส่วนเป็น Renault/Nissan/Mitsubishi และทาง Dongfeng

Roewe Max

รถ SUV หรู มีตำแหน่งทางการตลาดสอดแทรกระหว่าง RX-5 ซึ่งเป็นรถยาว 4.5 เมตร และ RX-8 ซึ่งเป็นรถขนาดค่อนข้างโตยาว 4.9 เมตร ดีไซน์ของรถ มีเอกลักษณ์ไฟหน้าและกระจังหน้าที่ดูคล้ายรุ่นพี่อย่าง RX-8 ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เบนซิน เทอร์โบ 220 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนด้วยเกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะ

Roewe Vision I

รถต้นแบบสำหรับยุคการสื่อสาร 5G ทาง SAIC Group ได้โชว์ความเป็นจ้าวด้านการสื่อสารในรถ ด้วการนำเทคโนโลยี 5G zero-screen smart cockpit มาอยู่ใน Roewe Vision-I Concept ซึ่งจะทำให้รถสามารถโต้ตอบและรับคำสั่งจากผู้ขับและส่งข้อมูลออกนอกรถ เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงได้

ที่ผ่านมา SAIC ได้จับมือกับ China Mobile, Huawei และ Shanghai International Auto City เพื่อสร้างเครือข่าย 5G Smart Transportation Demonstration Zone ซึ่งจะเป็นอาณาเขตสำหรับทดลองระบบขับเคลื่อนยานยนต์อัตโนมัติที่รถทุกคันสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยี 5G นี้ และส่งผลให้การเดินทางเป็นไปอย่างปลอดภัยกว่าเดิม

Maxus D60

รถ SUV รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม มีขนาดตัวรถใกล้เคียงกับ Mazda CX-5 มีจุดเด่นที่ไฟหน้า LED ขนาดลีบเล็ก และไฟท้ายที่เป็นแผง LED ยาวซ้ายจรดขวา ส่วนภายในนั้นมีลักษณะผสมระหว่างรถญี่ปุ่น รถอังกฤษ และ Tesla เพราะจอกลางเป็น Tablet ขนาดใหญ่ติดตั้งใต้ช่องปรับอากาศอีกทีนึง ใช้เครือ่งยนต์ 1.3 ลิตร และ 1.5 ลิตรเบนซินเทอร์โบทั้งคู่

Maxus อาจส่งรถรุ่นนี้ที่ผลิตเป็นเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาไปขายที่ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ภายใต้แบรนด์ LDV และอาจขยับเครื่องยนต์เป็น 2.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบ

Baojun RS 5

รถ SUV ขนาดตัวไม่โต แต่กลับมีตำแหน่งทางการตลาดสูงกว่า Baojun 530 (หรือว่าที่ Chevrolet Captiva ในไทย) มันเป็นอีกผลงานของกลุ่ม SAIC-GM-Wuling ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกันกับรุ่น 530 ซึ่งมีให้เลือกทั้งรุ่น 1.8 ไม่มีเทอร์โบ 137 แรงม้า และรุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบ 150 แรงม้า แต่จะไม่ใช้เกียร์ CVT มีแต่รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ รุ่นเกียร์ Automated Manual (Selematic) 5 จังหวะ และเกียร์คลัตช์คู่ 6 จังหวะเท่านั้น

MG6 NEV

รถรุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์ Net Blue 1.5 ลิตรเทอร์โบ กับชุดมอเตอร์ไฟฟ้าและเกียร์ 10 จังหวะ ให้พลังขับรวม 305 แรงม้า แรงบิดสูงถึง 480 นิวตันเมตร จุดแตกต่างระหว่างรุ่นนี้กับรุ่นทั่วไปคือชุดแต่งสปอร์ตรอบคันและล้อ 18 นิ้วสีดำ

MG6 XPOWER TCR

รถแข่งราคา 100,000 ยูโร เปิดตัวเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เคลมอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4 วินาที ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ มีกำลัง 350 แรงม้า และมีแรงบิด 460 นิวตันเมตร เกียร์ซีเควนเชียล 6 จังหวะแบบรถแข่ง แต่งภายนอกด้วยสีเขียวสะท้อนแสง ทำมาเพื่อฉลองวาระครบรอบ 95 ปีที่ MG คันแรกลงสนามแข่ง และทาง MG มีแผนที่จะนำไปลองตามสนามแข่งทั่วโลกในเร็วๆนี้

Xpeng P7

การเปิดตัวของ Tesla Model 3 ทำให้หลายค่ายร้อนๆหนาวๆไปตามกัน นอกจาก Geely จะเปิดแบรนด์ใหม่และทำรุ่น Geometry A มาสู้แล้ว ทาง Xpeng ก็เอารถยนต์พลังไฟฟ้าขนาดเดียวกันอย่างรุ่น P7 มาสู้หลังจากที่เคยเปิดตัวครอสโอเวอร์ G3 สู้กับ Tesla Model X มาก่อนแล้ว

P7 ได้สโลแกนทางการตลาดว่าเป็น “Intelligent electric coupe” มีหลังคาลาดเตี้ย แต่มี 4 ประตู ยังไม่มีการระบุสเป็คของมอเตอร์ แต่ทาง Xpeng แจ้งว่ามันสามารถเร่งจาก 0-100 ได้ภายใน 4 วินาที และเมื่อชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม ก็จะสามารถวิ่งได้ไกล 600 กิโลเมตร ซึ่งน่าเป็นไปได้ว่าแบตเตอรี่ต้องมีความจุมากกว่า 90 kWh ขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ Level 3 แบบที่สามารถเปลี่ยนเลนเอง เบรกเอง เลี้ยวเองได้ เพียงแต่ยังต้องมีคนขับคอยนั่งหลังพวงมาลัยเพื่อให้รถส่งงานต่อในกรณีที่เข้าไปในเขตที่ไม่สามารถใช้ระบบอัตโนมัติได้


Credit ภาพ

– J!MMY Thanathep Thanesniratsai

– autocar.co.uk

ขอขอบคุณบริษัท MG Sales (ประเทศไทย) เอื้อเฟื้อการนำชมงาน