Volvo V60 T8 Inscription – 2,690,000 THB

Likes: แรงถีบราว V8 จิบน้ำมันแบบอีโคคาร์ (ถ้าวิ่งไม่ไกลและแบตเต็มหม้อ) หรูแบบรถพรีเมียม อุปกรณ์ความปลอดภัยครบแบบ Volvo ในราคานี้ จะเอาอะไรอีกพ่อคุณ!!

Dislikes: เอาเบรกที่มีการหน่วง/ไหลคาดเดาง่ายกว่านี้ และ..เมื่อแบตเตอรี่ไฮบริดไฟหมดแล้วต้องชาร์จระหว่างวิ่งจะกินจุเหมือนรถหกสูบเก่าๆ

ผมต้องใช้คำว่า “2 บุคลิกสุดขั้วที่อยู่ในรถคันเดียวกัน” เพราะไม่มีวลีใดที่สั้นสุดและอธิบายความเป็น Volvo V60 T8 ได้ดีกว่านี้ในสายตาผม

ในด้านหนึ่ง มันทำตัวเหมือนผู้ชายที่สุภาพ เรียบร้อย ไม่โวยวายเอ็ดตะโร แต่แต่งตัวเนี๊ยบและมักมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์ IT ล้ำยุค..แม้จะไม่ใช่ Sex symbol แบบที่สาวเห็นแล้วละลาย ไม่ใช่คนที่ Perfect ไปเสียหมด แต่เป็นสามีแบบที่อบอุ่นรักใคร่ ชอบซื้อช็อคโกแลตเย็นแก้วโตมาวางให้ภรรยาที่กำลังปั่นงานจนหน้าโทรมดั่งแมวแก่ๆ พร้อมกับตบไหล่เบาๆให้กำลังใจ เป็นคนแบบที่ไปไหนมาไหนกับเค้า..คุณไปแต่ตัว ส่วนแผนการเดินทาง ที่พัก จะกินอะไรที่ไหน เขาคิดไว้ให้คุณเสร็จสรรพแล้ว

นั่นคือสิ่งที่ผมรู้สึกกับด้านสว่างขาวสะอาดของ V60 T8 คันนี้ นับตั้งแต่ตัวเบาะที่ทำให้ผมรู้สึกสบายแต่ปลอดภัยราวนั่งอยู่บนตักผีเสื้อสมุทร ตำแหน่งการขับขี่ที่ดูเหมือนจะพัฒนาไปกว่ารถเจนเนอเรชั่นก่อน การวางอวัยวะขา เข่า ไหล่ ไข่ แขน หัว ทำให้ผมรู้สึกสบายกว่ารถของคู่แข่ง (เมื่อวัดด้วยไซส์ผม คนตัวผอมอาจจะรู้สึกไม่เหมือนกัน) อุปกรณ์ที่ให้มาเยอะจนไม่รู้จะขออะไรอีก จอกลาง มาตรวัด ดูมีความไฮเทค แม้ภายในตอนกลางคืนจะไม่ได้มากด้วยสีสัน พวงมาลัยไม่ได้ปรับด้วยไฟฟ้า แต่พอให้อภัยได้จากราคาของรถที่ถูกเป็นบ้า หัวเกียร์คริสตัล Orrefors ช่างดูเหมือนแก้วใสๆใส่น้ำแร่ Evian ที่คุณสามีนำมาวางให้ในบรรยากาศที่เหมือนนั่งตากแอร์อยู่ในเซกชั่นห้องนอนสไตล์หรูของห้าง IKEA

V60 มีระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ Pilot Assist สามารถคุมความเร็ว ชะลอรถ และเพิ่มความเร็วเองได้ เราไม่ต้องพูดถึงของอย่างกล้องรอบคัน ระบบเบรกอัตโนมัติซึ่งทำงานได้จริง แถมตัวรถยังพยายามอ่านพื้นที่ว่างข้างหน้าและพยายามปรับพวงมาลัยเบน เพื่อพารถไปยังจุดที่สามารถหลบสิ่งกีดขวางได้ หรือเมื่อเราเผลอเปลี่ยนเลนแล้วลืมเช็ครถในจุดอับกระจกมองข้าง ก่อนจะไปชนเขา รถจะเบี่ยงพวงมาลัยกลับให้เองก่อน ในบรรดารถพรีเมียมตัวขนาดนี้และราคาใกล้เคียงกัน Volvo นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประเคนให้ลูกค้าเยอะที่สุด

ดีเกือบหมด ยกเว้นเบาะหลังที่ผมรู้สึกว่าวางตำแหน่งไว้ต่ำไปจนเหมาะกับแค่เด็กหรือคนตัวไม่สูงนั่ง เนื้อที่วางขาก็ยังน้อยเมื่อเทียบกับขนาดรถ และพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้าย ก็ไม่ได้เยอะมาก ถ้าคุณตัดพื้นที่หลังคาที่เพิ่มมาจากรุ่น S60 ออก ส่วนที่เหลือข้างล่างนั่นดูจะเล็กกว่า Suzuki Ciaz ที่ผมเพิ่งทำคลิปไปเสียด้วยซ้ำ

แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อคุณกำลังเชื่อว่ามันคือผู้ชายเรียบร้อยเอาใจใส่ V60 T8 ก็มีด้านโหดของมัน เหมือนแปลงร่างจากสามีผู้น่ารัก เป็นนักมวยปล้ำอย่าง Stone Cold Steve Austin โหด มาถึงก็กระทืบ ยังไม่พอ เอาเก้าอี้ฟาดราดด้วยเบียร์ก่อนจาก ขุมพลังสวีเดนรักโลกแต่โกรธยางมะตอย ยัดทั้งเทอร์โบและซูเปอร์ชาร์จแล้วถีบซ้ำด้วยมอเตอร์ลูกเขื่อง รวม 407 แรงม้า 640 นิวตันเมตร ในโหมดปราณี 0-100 สามารถทำได้ใน 6 วิต้นๆ และเร่งแซง 80-120 ได้ในประมาณ 4.3-4.5 วินาที ตัวเลขเหล่านี้จะลดลงอีก 0.3-0.5 วิเหมือนกดโหมด Power ซึ่งนั่นคือโหมดที่ผมลองใช้เมื่อนำรถไปลองวิ่งวันศุกร์กลางคืนที่สนามคลองห้า V60 กระชากออกล้อฟรีทั้งสี่ล้อ ดุยิ่งกว่า Subaru WRX STi ถ้าใครยังอยากได้ Launch Control อีก คุณไม่ใช่คนธรรมดาแล้วครับ คุณคือโคบาล แล้วจากนั้น V60 ก็จะถลาผ่านเส้นชัยด้วยเวลา 13.8 วินาที

อย่างไรก็ตาม ชะตากรรมของรถปลั๊กมักจะเหมือนกันอย่างหนึ่งคือตีนปลายจะห้อย เมื่อเกิน 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไป อัตราเร่งจะลดความโหดลงมากจนไม่เหมือนรถ 407 แรงม้า..ถ้าให้พูดความจริงจากที่ลองจับเวลาเองมา 180-220 ของ V60 นั้นขึ้นช้ากว่า BMW 330i 258 ม้าเสียอีก แต่ถ้าถามผม ผมว่ารถที่ออกตัวดี เร่งแซงจบไว น่าสนใจกว่า เพราะมันคือสิ่งที่เราได้ใช้จริง ส่วนความเร็วปลายคงมีแต่ขาซิ่งโหดๆที่สน ผมเองแม้ตีนหนักก็ไม่ได้ขับเกิน 160 บ่อยๆถ้าไม่ใช่เพื่อการทดสอบรถ

ช่วงล่างของ V60 นั้น ถ้าเทียบกับ Audi A4 Avant แล้วยังห่างไกลกันมากเรื่องความมั่นใจ Audi อาจจะสะเทือนกว่าเวลาถนนขรุขระ แต่นอกเหนือจากนั้นไปแล้ว ความสามารถในการคุมระยะยุบยืด การรักษาเสถียรภาพที่ความเร็วสูง การทิ้งโค้ง หรือการเกาะถนน ไม่ได้ดีเท่า A4 แม้แต่การถ่ายทอดกำลังของระบบขับสี่ Audi เป็นรถเบนซิน ขับสี่ตลอดเวลา ให้อาการเป็นธรรมชาติ คาดเดาง่ายกว่า ส่วน Volvo ด้านหน้าใช้กำลังเครื่องยนต์ขับ ด้านหลังใช้มอเตอร์ และเมื่อเล่นโค้งต่อเนื่องเร็วๆ มีการกดคันเร่ง บางทีรถกลับจะตอบสนองเหมือนรถขับหน้ามากกว่า

หากคุณเป็นคนขับรถไม่บ้าบิ่นแบบผม แต่อาจจะแค่ชอบขับไปเร็วๆตรงๆเฉยๆ แบบนั้นไม่มีปัญหาครับ เวลาโยกเปลี่ยนเลนบางที V60 จะมีอาการท้ายดิ้นดุ๊กดิ๊กที่คุณจะรู้สึกโหวงๆเหวอๆบ้างแต่มันก็จะดิ้นอยู่ในกรอบนั้น เวลาหักหลบแบบดอกเดียวแล้วจบ มันยังเอาอยู่ และผมว่าลูกค้า 80% ที่ซื้อจริงน่าจะมองว่าช่วงล่างดีพอแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเทียบไปหารถแบบซาลูนได้ ผมว่า V60 ก็ยังซัดสนุกกว่า Mercedes-Benz C 300 e กับ BMW 530 e ที่ไม่ใช่ช่วงล่าง M Sport ส่วนเรื่องความนุ่มนวลนั้น ก็ยังออกแนวแข็งๆซะมากกว่า ไม่นุ่มเหมือน S90 ผู้พี่

การทำงานของเบรก ผมยังไม่ชอบ จริงอยู่ว่ารถไฮบริดจะมีระบบเบรกที่ต้องทำงานประสานกันระหว่างระบบหน่วงด้วยไฟฟ้า กับระบบเบรกปกติ ทำให้มีอาการไหลบ้างตื้อบ้างในจุดที่คาดเดาได้ยาก..แต่ของ Volvo นี่อาการหนักกว่าคนอื่น กะจะเบรกให้นุ่ม ปรากฎรถไหลเลยต้องเบรกเพิ่ม คราวนี้หน้าทิ่ม ทำให้นึกถึง X-Trail Hybrid ที่ขับแล้วหงุดหงิด บางทีรำคาญจนรู้สึกว่ากระทืบเบรกให้หน้าทิ่มไปเลยจบๆ มีความสุขกว่า ซึ่งท้ายสุดไม่ว่าจะเป็นตอนกระทืบจม หรือตอนพยายามเบรกแบบกะน้ำหนัก มันสู้ A4 ไม่ได้ หรือเทียบกับรถยุโรปไฮบริดอย่าง C 300 e หรือ BMW 330e (G20) ก็สู้ไม่ได้

การทำงานของระบบไฮบริด จะเน้นการใช้พลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า แม้กระทั่งตอนวิ่งบนทางด่วนเร็วๆ ก็ยังปรับไปใช้โหมดไฟฟ้าอยู่บ่อยครั้ง ต่างจากระบบไฮบริดของ BMW รุ่นปี 2020 ที่พอเกิน 110 ปุ๊บจะเป็นเครื่องยนต์ทำงานตลอด ข้อดีก็คือหากเป็นการวิ่งระยะสั้นๆในเมือง คุณจะมีโอกาสเซฟค่าน้ำมันได้มากกว่า แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องเดินทางวันละ 150 กิโลเมตรโดยไม่มีโอกาสเสียบชาร์จไฟระหว่างนั้น ความได้เปรียบเรื่องค่าเชื้อเพลิงอาจจะหายไป แต่ถ้าต้องเทียบกับ A4 ที่เป็นรถแวก้อนเหมือนกันแต่ดันไม่ใช่ Hybrid ..สมมติว่าวิ่งไม่เกิน 100 กิโลเมตร Volvo ก็ยังประหยัดเชื้อเพลิงกว่ามาก อาจจะราว 40%

ในท้ายสุด ถ้าคุณกำลังมองหารถยุโรปขนาดไม่ใหญ่ และมีลักษณะด้านท้ายเป็นสเตชั่นแวก้อน คุณก็มีทางเลือกแค่ Audi A4 Avant กับเจ้า V60 T8 คันนี้ ..ซึ่งถ้าให้เทียบกัน V60 T8 จะชนะที่อุปกรณ์ยัดจัดเต็มในราคาที่ถูกกว่ากันมาก มีอัตราเร่งทางตรงดีกว่าแบบคนละเรื่อง สามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าได้อีกต่างหาก แม้จะแค่ 18-22 กิโลเมตรก็คงตอบโจทย์คนเมืองได้ดีแล้ว ส่วน A4 Avant ก็จะเป็นรถที่เหมาะสำหรับนักขับทางไกล เล่นโค้ง ต้องการรถที่สั่งเลี้ยวคือเลี้ยว เบรกคือเบรก และชอบบรรยากาศภายในที่ไม่ดู IT จ๋าเกินไป