หลังจากที่ค่ายดาวสามแฉกได้เปิดตัว Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง 4 ประตูไปในเดือน เมษายนที่ผ่านมา ตอนนี้ทางผู้ผลิตได้เปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการของ S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet แล้วซึ่งไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนักทั้งภายนอกและภายใน แต่เป็นการปรับปรุงลูกเล่นมากกว่าพร้อมเพิ่มเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ มาให้อีก 1 รุ่น ในรหัส S560

อุปกรณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปใน Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet คือไฟท้ายแบบ OLED ซึ่งประกอบไปด้วย OLED แบบ ultra-flat จำนวน 66 ชิ้น (ข้างละ 33 ชิ้น) พร้อม Animation เวลาล็อคหรือปลดล็อครถยนต์ ทั้งยังสามารถปรับระดับความเข้มของแสงไฟเบรกและไฟเลี้ยว ตามสภาพการขับขี่ในตอนกลางวันหรือกลางคืน

ประกอบกับไฟหน้าที่เป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ เป็นไฟหน้าแบบ LED Intelligent Light System ที่ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ (Swarovski crystals) จำนวน 47 ชิ้น ประกอบด้วยไฟ daytime running lamps ที่ส่องสว่างด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 17 ชิ้น และ ไฟเลี้ยวที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ 30 ชิ้น มาพร้อมกับระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS – Active Light System), ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)

ชิ้นส่วนภายนอกอื่นๆ ที่เปลี่ยนไปมีทั้งกันชนหน้า – หลัง สเกิร์ตข้างทรงใหม่ และเปลี่ยนปลายท่อไอเสียไปใช้แบบโครเมี่ยมปลายคู่ออก 2 ฝั่ง ในรุ่น AMG Line จะเปลี่ยนไปใช้กันชนหน้า – หลังอีกแบบหนึ่ง ทั้งยังมีล้อลายใหม่ให้เลือกอีก 2 แบบ ขนาด 20 นิ้ว ลาย 10 ก้านสีเทา Titanium Grey ในรุ่น AMG Line และสีดำเงา High-gloss Black ในรุ่น AMG Line Plus

ภายในของ Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet มีให้เลือกด้วยกัน 3 แนวทางการตกแต่งแบบใหม่ ประกอบไปด้วย

  • high-gloss brown burr walnut wood
  • satin-finish grey ash wood
  • flowing lines designo magnolia wood

ในส่วนของวัสดุหุ้มเบาะนั้นมี 3 แบบใหม่ให้เลือกเช่นกัน ประกอบไปด้วย

  • designo Exclusive nappa leather AMG Line Plus porcelain/tizian red
  • designo Exclusive nappa leather porcelain/tizian red
  • designo Exclusive nappa leather AMG Line Plus Bengal red/black

หน้าจอขนาด 12.3 นิ้วจำนวน 2 จอยังคงประจำการอยู่บนแผงแดชบอร์ดเช่นเคย โดยสามารถปรับรูปแบบการใช้งาน 3 รูปแบบด้วยกันคือ Classic, Sporty และ Progressive นอกจากนั้น ผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานระบบนำทางหรือดู ECO Display เพิ่มบนหน้าจอนี้ด้วย ส่วนพวงมาลัยมี Touch Control Buttons ไว้ควบคุมจอแสดงผลต่างๆ รวมไปถึง Cruise Control ที่เสริมเข้ามาใหม่

ระบบสั่งงานด้วยเสียง Linguatronicใน Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet ถูกพัฒนาจนสามารถใช้งานควบคุมระบบปรับอากาศ, ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร, ระบบฟอกอากาศ, ระบบเบาะนวด และหน้าจอ Head-up display ถือเป็นครั้งแรกที่ระบบสั่งงานด้วยเสียงสามารถควบคุมระบบต่างๆ ภายในรถยนต์ได้มากขนาดนี้ โดยมีจำนวนคำสั่งด้วยเสียงทั้งหมด 450 คำสั่ง

ระบบนำทางรุ่นล่าสุดสามารถปรับให้แสดงผลแบบ 3 มิติเสมือนจริง พร้อมปรับหมุนภาพ 3 มิติได้ นอกจากนั้น ยังแสดงผลสภาพการจราจรแบบ real-time, สภาพอากาศ, ราคาน้ำมันล่าสุด และข้อมูลการเชื่อมต่อรถยนต์เข้ากับแหล่งข้อมูลอื่นๆ นอกจากนั้น ยังมีบริการผู้ช่วยส่วนตัว Concierge Service สำหรับแนะนำสถานที่ท่องเที่ยง, จองที่พัก/ ร้านอาหาร, ให้ข้อมูลงานเทศกาล และส่งที่อยู่เข้าระบบนำทางในรถยนต์โดยตรง

Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet ยังเพิ่มระบบ Energizing Comfort Control ซึ่งจะปรับระบบปรับอากาศ, ระบบปรับอุณหภูมิและระบบนวดของเบาะ, แสงในห้องโดยสาร และดนตรีตามรูปแบบที่ผู้ใช้งานต้องการ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 5 รูปแบบหลัก คือ Freshness, Warmth, Vitality, Joy, Comfort และ Training ที่แบ่งออกเป็น ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ, กระตุ้นกล้ามเนื้อ และผสมทั้ง 2 รูปแบบเข้าด้วยกัน โดยแต่ละครั้งที่เปิดการใช้งาน ระบบจะทำงานเป็นเวลา 10 นาที

ขุมพลังของ Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet มีให้เลือกด้วยกัน 4 ระดับความแรง ดังรายละเอียดต่อไปนี้

รหัส S 450 4Matic ตัวถัง Coupe

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,996 ซีซี. เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 372 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9G-Tronic 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.5 วินาที

รหัส S 560/ S560 4Matic ตัวถัง Coupe และ Cabriolet

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี. เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 700 นิวตันเมตร ทั้ง 2 ตัวถังใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลังแต่ตัวถัง Coupe สามารถเลือกระบบขับเคลื่อน 4 ล้อได้ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.6 วินาที

รหัส AMG S 63 4Matic+ ตัวถัง Coupe และ Cabriolet

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V8 ขนาด 4.0 ลิตร 3,982 ซีซี. เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 620 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 900 นิวตันเมตร ที่ 2,750 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift MCT 9G 9 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รหัส AMG S 65 ตัวถัง Coupe และ Cabriolet

เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V12 ขนาด 6.0 ลิตร 5,980 ซีซี. เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุด 639 แรงม้า (PS) ที่ 4,800 – 5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ที่ 2,300 – 4,300 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift TCT 7G 7 จังหวะ ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ช่วงล่างของ Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe ได้รับการปรับปรุงระบบ Magic Body Control ที่ปรับรูปแบบการทำงานตามกล้องหน้ารถยนต์และระบบ Road Surface Scan ให้สามารถทำงานได้จนถึงเวลาที่ใช้ความเร็วถึง 180 กิโลเมตร/ ชั่วโมง ส่วนตัวถัง Cabriolet จะมาพร้อมกับช่วงล่างแบบ full-support Airmatic semi-active air suspension

ระบบความปลอดภัยยังได้รับการปรับปรุงในส่วนของระบบ Active Distance Control Distronic และระบบ Active Steering Assist ที่ในตอนนี้สามารถปรับความเร็วของรถยนต์ และการทำงานของพวงมาลัยโดยอัตโนมัติก่อนเข้าโค้งหรือถึงทางแยก โดยใช้ข้อมูลจากแผนที่และระบบนำทาง

Mercedes-Benz S-Class Facelift ตัวถัง Coupe และ Cabriolet จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Frankfurt Motor Show ซึ่งจะเริ่มต้นในวันที่ 12 กันยายนนี้ที่ประเทศเยอรมัน ส่วนราคาคาดว่าจะประกาศก่อนการขึ้นโชว์รูมในช่วงกลางปี 2018

 

ที่มา : daimler