ปัญหาของ Nissan Motor ระดับโลกที่ถือเป็นปัญหาระดับยุทธศาสตร์โลกมานานกว่า 25 ปี นับตั้งแต่ปี 1982 ก็คือ Nissan ไม่ได้บุกตลาดรถยนต์ขนาดเล็กในหลาย ๆ ประเทศนอกเหนือไปจากกลุ่มประเทศภูมิภาคยุโรปและประเทศญี่ปุ่นเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการปล่อยให้ Nissan March ตั้งแต่เจเนเรชั่นที่ 1 ถึงเจเนเรชั่นที่ 3 วางจำหน่ายเฉพาะตลาด 2 ภูมิภาคโดยไม่ได้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ระดับโลกมาก่อนเลย

แม้ว่า Nissan ประเทศไทยในยุคคุณพรพินิจ พรประภาเคยนำเข้าชิ้นส่วน Nissan March เจเนเรชั่นแรกรหัสตัวถัง K10 จากญี่ปุ่นเพื่อมาประกอบขึ้นเป็นคันรถทั้งคันที่โรงงานประเทศไทยภายในปี 1985 ก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ยุทธศาสตร์หลักของ Nissan Motor อยู่ดี

เมื่อการทำตลาด Nissan March ครั้งแรกในประเทศไทยปี 1985 ไม่ใช่นโยบายหลักระดับโลก บริษัทแม่จึงไม่จำเป็นต้องหายุทธวิธีควบคุมต้นทุนเพื่อการผลิตจำนวนมากใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ Nissan March ไม่สามารถกดราคา, อัดเทคโนโลยีและอุปกรณ์มาตรฐานให้ดูดีเทียบเท่ากับ Nissan Sunny รหัสตัวถัง B11 ในยุคนั้นได้เลย ผลลัพธ์ก็เป็นและเห็นอย่างที่เราทราบกันอยู่

ใช่ว่าการอัดอุปกรณ์มาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคใช่ว่าจะทำให้รถยนต์ขนาดเล็กในยุคนั้นประสบความสำเร็จยืนยาวได้เลย ขนาด Toyota Starlet ที่ขึ้นชื่อว่ามีความโดดเด่นทั้งรูปลักษณ์, เทคโนโลยี และออพชั่น อีกทั้ง Toyota ประเทศไทยก็ทุ่มทุนสร้างมากจนถึงขนาดยกขบวนสื่อมวลชนในไทยบินไปทดสอบ Toyota Starlet กันจนถึงญี่ปุ่น หมายมั่นปั้นมือว่า Starlet จะเป็นดาวรุ่งอีกคันหนึ่งที่น่าจะทำยอดขายได้มากกว่า Corolla

แต่สุดท้าย Toyota Starlet ทำยอดขายเหนือกว่า Nissan March แค่เพียงหลักสิบหลักหน่วยเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องหายไปกับสายลมเหมือนกับ Nissan March K10

สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถเล็กในไทยยุค 80 ไปไม่ถึงดวงดาวก็เพราะตลาดรถเล็กสมัยนั้นไม่อาจตอบสนองความต้องการรถยนต์ของคนไทยได้เท่ากับรถคอมแพคท์จำพวก Corolla, Sunny, Lancer หากคนรุ่นใหม่ยังนึกไม่ออกว่าทำไมรถเล็กเหล่านั้นถึงไม่ประสบความสำเร็จเลย ก็ลองคิดดูว่าห้องโดยสารรถที่เล็กขนาดนั้น (แน่นอนเล็กกว่า Mazda 2 มาก ๆ), ราคาที่ถูกกว่ารถคอมแพคท์ไม่กี่มากน้อยแต่ได้รถที่มีขนาดเล็กอย่างชัดเจนเพราะต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งค่านิยมรถเล็กสมัยก่อนที่คนไทยมองว่าเป็นรถกระป๋องสุดกู่ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้รถเล็กเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็

แน่นอนความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กในต่างประเทศยุค 80 นั้นก็ยังไม่ขยายตัวถึงขีดสุดเหมือนยุคปัจจุบันด้วยเหตุผลคล้ายคลึงกับบ้านเรา เพียงแต่ค่านิยมการใช้รถเล็กของต่างประเทศไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่แต่อย่างใด โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรปที่ชื่นชอบรถยนต์ขนาดเล็กมานมนานจึงทำให้รถยนต์ขนาดเล็กยังทำตลาดไปได้เรื่อย ๆ

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รถยนต์ขนาดเล็กมีขนาดตลาดขยายตัวรวดเร็วก็คือ รถขนาดคอมแพคท์เริ่มขยายขนาดตัวถังและระดับราคาจนเกินความต้องการของคนส่วนใหญ่แล้วจนเป็นเหตุให้รถยนต์นั่งขนาดเล็กในอดีตที่เคยมองว่าเล็กมากเริ่มขยายขนาดตัวถังจนเทียบชั้นกับรถขนาดคอมแพคท์ในอดีต

ช่วงเวลาแห่งความเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาตัวของรถยนต์ขนาดเล็กเราพบเห็นได้ในช่วงกลางยุค 90 เป็นต้นไป รถเล็กระดับ B-Segment หลายคันถูกปรับปรุงคุณสมบัติและคุณภาพจนตอบสนองความต้องการของประชากรที่ต้องการรถยนต์คันเดียวแต่ใช้งานหลากหลายได้เหมือนกับรถคอมแพคท์ในอดีตสำเร็จ อาทิ ความกว้างขวางห้องโดยสารที่รองรับผู้โดยสารผู้ใหญ่, สมรรถนะและอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่ารถคอมแพคท์ในอดีต จึงไม่แปลกใจเลยว่าตลาดรถเล็กยุคใหม่จึงเป็นตลาดที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลก

ผลจากความเปลี่ยนแปลงของรถยนต์ขนาดเล็กทั้งด้านการพัฒนาการและความนิยมช่วงรอยต่อปลายยุค 90 และต้นยุค 2000 ขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้ Nissan ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ในการพัฒนารถเล็ก “ใหม่ทั้งกระบิ ทั่วโลก” มิใช่แค่พัฒนา Nissan March เพื่อป้อนตลาดญี่ปุ่นและยูโรปเพียงอย่างเดียว

Nissan จึงซุ่มพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กสำหรับตลาดโลกอย่างจริงจังเสียทีโดย Nissan พยายามสำรวจความต้องการของลูกค้าว่าต้องการรถยนต์ขนาดเล็กแบบไหน อย่างไร ตั้งแต่ช่วงปี 2005 เป็นต้นไปอันเป็นช่วงที่เริ่มพัฒนาโปรเจคท์รถเล็กระดับอภิมหามหึมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหารถเล็กของ Nissan ทั่วโลกภายใต้ชื่อโครงการพื้นตัวถังหรือชื่อแพลทฟอร์มใหม่ว่า V-Platform

รถยนต์ในโครงการ V-Platform มีด้วยกันถึง 3 รูปแบบตัวถัง ได้แก่ Nissan March เจเนเรชั่นที่ 4 รหัสพัฒนา B02A รหัสตัวถัง K13 เพิ่งเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยที่แรกในโลกภายในเดือนมีนาคม 2010 หลังจากนั้นเปิดตัวในประเทศอินเดียและญี่ปุ่นไม่นานนักก็มีผลตอบรับที่ดีเหนือความคาดหวัง

ส่วนอีก 2 รูปแบบตัวถังที่ยังไม่เปิดตัวสู่สาธาณะก็คือแบบซีดานที่มีรหัสพัฒนา L02B และแบบมินิแวนอันเป็นรถที่ควบรวม Nissan Note และ Livina รุ่นใหม่ให้เป็นรถคันเดียวกันที่มีรหัสพัฒนา W02C หรือ J02C

หลายคนเห็น Nissan March K13 จนเจนตาแล้ว หลายคนก็คงอยากจะเห็นรถในโครงการ V-Platform อื่น ๆ บ้าง

แน่นอนบทความ Spyshot ครั้งนี้ผมมีความภูมิใจนำเสนอภาพถ่ายและบทความของรถยนต์ในโครงการ Nissan V-Platform คันที่ 2 รูปแบบตัวถังซีดานรหัสพัฒนา L02B ของโลกจากประเทศจีนก่อนใครในประเทศไทยเช่นเคย

ผมบังเอิญเข้าเว็บไซต์ auto.sina.com.cn เว็บไซต์รถยนต์ชื่อดังของประเทศจีนก็พบว่าเว็บไซต์นำเสนอภาพแอบถ่ายและความเคลื่อนไหวล่าสุดของรถ Nissan ซีดานคันปริศนาคันดังกล่าวขณะกำลังวิ่งทดสอบความทนทานบางอย่าง โดยเว็บไซต์เข้าใจว่ารถคันดังกล่าวมันคือ All New Nissan Tiida ซึ่งมีรหัสพัฒนา L12F พอดี

แต่เมื่อเราดูภาพถ่ายรถคันปริศนาดังกล่าวแล้วพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจะพบว่ารถคันนี้ไม่ใช่ Nissan L12F รถคอมแพคท์ซีดานอย่างที่เว็บไซต์ auto.sina.com.cn เข้าใจกันเลยแม้แต่น้อย แต่นี่คือภาพแอบถ่าย Nissan V-Platform ตัวถังซีดานรหัสพัฒนา L02B หรือเราสามารถเรียกให้เข้าใจง่าย ๆ มันคือ Nissan March Sedan ครั้งแรกในโลกแบบ Exclusive!!

รูปร่างของ Nissan March Sedan ยืนยันแล้วว่าไม่มีชิ้นส่วนตัวถังใช้ร่วมกับ Nissan March Hatchback เลยแม้แต่น้อยเฉกเช่นเดียวกับกรณีของ Honda Jazz และ Honda City ที่ไม่สามารถใช้ชิ้นส่วนตัวถังภายนอกใด ๆ ร่วมกันได้เลย แม้กระทั่งประตูคู่หน้าที่เพรียวกว่า Nissan March Hatchback พอสมควร ยกเว้นมือจับประตูและกระจกมองข้างจะใช้ร่วมกับ Nissan March Hatchback ได้อันเป็นชิ้นส่วนที่ค่ายรถส่วนใหญ่มักใช้ร่วมกันได้

ดีไซน์โครงตัวถัง Nissan March Sedan ชัดเจนว่าได้รับอิทธิพลรถซีดานขนาดใหญ่ทรงสปอร์ตอย่าง Nissan Altima ผสมพันธุ์กับ Nissan Maxima ที่วางจำหน่ายเฉพาะตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น การลากเส้นโครงร่างตั้งแต่หัวจรดท้ายที่ดูคล้ายรถซีดานคันใหญ่ 2 รุ่น, กรอบกระจกประตูหลังได้รับอิทธิพลจาก Nissan Maxima แม้กระทั่งโคมไฟท้ายก็มีแนวโน้มที่จะมาในรูปแบบเดียวกับ Nissan Maxima

ส่วนรูปลักษณ์ด้านหน้าก็ค่อนข้างน่าสงสัยอยู่สักหน่อยเพราะภาพรถแอบถ่ายคันจริงดูแตกต่างจากภาพ Clay Model ที่เคยหลุดเมื่อปลายปี 2009 พอประมาณซึ่งแนวคิดของการออกแบบด้านหน้าใน Clya Model จะเน้นความดุดันคล้ายหน้าตาของเสือ แต่ภาพหลุดที่เราเห็นอยู่ขณะนี้ดูเหมือนจะถูกลดโทนให้ดูเป็นกลางมากขึ้น โดยมีกระจังหน้าขนาดใหญ่พร้อมบานเกล็ด 5 ชัดและทรงไฟหน้าที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะรูปทรงโคมไฟและขนาดไฟหน้า

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องรอให้ภาพคันจริงหลุดออกมาเต็ม ๆ ก่อนว่าหน้าตามันจะเป็นเช่นไรกันแน่

แม้เว็บไซต์ auto.sino.com.cn จะไม่มีภาพแอบถ่ายภายในห้องโดยสาร แต่โชคดีที่มีภาพมุมหนึ่งพอจะเห็นภายในได้บ้าง เท่าที่เห็นก็แน่ชัดแล้วว่าจะไม่ใช้แผงแดชบอร์ดร่วมกับ Nissan March Hatchback เลยแม้แต่น้อย

ขนาดตัวถัง Nissan March Sedan เมื่อดูจากภาพแอบถ่ายด้านข้างเต็ม ๆ มีแนวโน้มว่าจะมีขนาดตัวถังมากกว่า 4,400 มม. ซึ่งตรงกับผู้บริหาร Nissan Motor ท่านหนึ่งสัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในประเทศอินเดีย และมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากว่าน่าจะเป็นรถ B-Segment Sedan ที่มีความยาวที่สุดในตลาด

Nissan March Sedan ยืนยันว่าถูกสร้างบนพื้นตัวถังต้นทุนต่ำ V-Platform ที่เน้นจำนวนการผลิตสูงมากเฉกเช่นเดียวกับ Nissan March Hatchback แต่ March Sedan จะมีความยาวฐานล้อมากกว่า March Hatchback อย่างเห็นได้ชัดซึ่งคาดว่าจะยาวอยู่ในระดับ 2,500-2,590 มม. และไม่น่าจะยาวถึงระดับ 2,600 มม.

เครื่องยนต์สำหรับ Nissan March Sedan ทั่วโลกจะติดตั้งเครื่องยนต์บล๊อก HR12DE 3 สูบ 1.2 ลิตร และบล๊อก HR15DE 4 สูบ 1.5 ลิตรและมีแนวโน้มว่าจะเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดคู่บล๊อกเดียวที่ติดตั้งใน Nissan Juke ครอสโอเวอร์หน้าแปลกนั่นเอง

กำหนดการเปิดตัว Nissan March Sedan ครั้งแรกในโลกจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไม่เกินเดือนมีนาคม 2011 โดยให้ประเทศจีนเป็นประเทศแรกที่ได้รับเกียรติเปิดตัว March Sedan คันนี้เพราะประเทศจีนเป็นตลาดหลักสำหรับรถรุ่นนี้ หลังจากนั้นจะเรียงคิวเปิดตัวในประเทศไทย, อินเดีย และเม็กซิโกอย่างรวดเร็วภายในปี 2011

ส่วนชื่อรุ่นในการทำตลาดรถซีดานคันนี้ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่ Nissan March Sedan แน่นอนก็เพราะ Nissan ตั้งใจพัฒนารถรุ่นนี้ให้แตกต่างจาก March ตัวถังแฮทช์แบคอย่างสิ้นเชิงทั้งบุคลิค, ดีไซน์ และราคา

แต่ที่เราเรียกว่า March Sedan สำหรับบทความนี้ก็เพราะว่าเราอยากสร้างความเข้าใจให้กับผู้อ่าน Headlightmag.com ได้เข้าใจตรงกันว่านี่คือรถซีดานขนาดเล็กระดับซับคอมแพคท์ครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

สำหรับประเทศไทยมีความเป็นไปได้บ้างที่ Nissan March Sedan จะติดตั้งทั้งเครื่องยนต์บล๊อก HR12DE 3 สูบ 1.2 ลิตร เพื่อตีตั๋วเด็กรับสิทธิภาษีอีโคคาร์ 17% โดยวางราคาเหนือกว่า Nissan March Hatchback เล็กน้อย และบล๊อก HR15DE 4 สูบ 1.5 ลิตรเพื่อทำตลาดและตั้งราคาท้าชน Toyota Vios, Honda City, Mazda 2 Sedan และ Ford Fiesta ควบคู่กันไป

และหากมันเป็นจริงนั่นก็หมายความว่า Nissan March Sedan ก็จะเป็นรถซับคอมแพคท์ซีดานระดับ B-Segment ที่มีราคาเริ่มต้นถูกที่สุดในประเทศไทย และกลายเป็นอาวุธสำคัญที่จะช่วยแจ้งเกิด Nissan March Sedan ให้ยืนพื้นตลาดซับคอมแพคท์ซีดานที่มีคู่แข่งหลัก  ๆ อย่างง่ายดาย

การมี Nissan March Sedan จะช่วยให้ Nissan ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยอุดช่องว่างการตลาดรถยนต์นั่งในปัจจุบันสมบูรณ์แบบเกือบ 100% ที่ผมบอกว่าเกือบ 100% นั้นก็เพราะว่า Nissan ยังต้องรอจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายนั่นก็คือตลาดรถคอมแพคท์ซีดานที่เตรียมเปิดตัวทั่วโลกในปี 2012 นั่นเอง เราจึงจะเรียกว่า Nissan แก้ปัญหายุทธศาสตร์ตลาดรถเล็กและคอมแพคท์ทั่วโลกตามปรารถนาเสียที