จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก และทิศทางของรถยนต์ในยุคใหม่ ทำให้วิศวกรได้มอบข้อมูลให้นักวิเคราะห์ไปศึกษา
จนมีข้อสรุปออกมาว่า ในปี 2025 หรืออีก 12 ปีต่อจากนี้ รถยนต์จะมีราคาสูงขึ้นราว 2,600 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ
7.7 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับราคารถรุ่นเดียวกันในปี 2011

alt

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขึ้นราคาขายปลีกของตัวรถ คือการต้องสร้างอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต้องมากขึ้น
เมื่อเทียบกับปี 2011 โดยถึงแม้ว่าในปัจจุบัน รถยนต์จะสามารถสร้างอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยได้ราว 23 กม./ลิตร
เพราะมีหลากเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อถึงปี 2025 คาดว่าเหล่าภาครัฐในประเทศต่างๆทั่วโลก จะมีมาตรการ
ที่กำหนดให้ต้องมีความประหยัดน้ำมันมากขึ้น ให้ได้ระดับ 17 กม./ลิตร เมื่อขับขี่ในชีวิตจริง ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐาน
ที่เพิ่มขึ้นมากทีเดียว เมื่อเทียบกับรถยนต์ในปัจจุบันที่มักจะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยในระดับ 9 กม./ลิตร
เป็นส่วนใหญ่ เมื่อต้องขับขี่ในชีวิตจริง ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนารถยนต์ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมาก จนนำมาสู่
ต้นทุนการพัฒนาและผลิตรถยนต์ที่ต้องสูงขึ้นตามมา

นอกจากนี้ Jeff Alson วิศวกรของ EPA ที่ศึกษาในกรณีนี้ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า คนอเมริกันส่วนใหญ่จะยังนิยมเครื่องยนต์
เบนซินในปี 2025 เพราะเหล่าผู้ผลิตได้พัฒนาเครื่องเบนซินจนสามารถมีความประหยัดน้ำมันที่สูงขึ้นได้ ซึ่งเขาได้กล่าว
เพิ่มเติมว่า รถยนต์ในยุคปี 2025 จะมีน้ำหนักที่เบาลง 8% และรถยนต์กว่า 90% จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีหัวฉีด
เชื้อเพลิงตรง และเทอร์โบชาร์จ โดยรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยขับเคลื่อน จะมีส่วนแบ่งทางการ
ตลาดเพียง 2% เท่านั้น ในขณะที่รถยนต์ไฮบริดแบบเครื่องยนต์เบนซินและมอเตอร์ไฟฟ้า จะมีสัดส่วน 5% ในตลาดรถยนต์
สหรัฐอเมริกา และรถยนต์ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะให้มาใช้งานด้วยกัน

ที่มา : Worldcarfans