เมืองโยโกฮามา (วันที่ 13 พฤษภาคม 2556): บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ประกาศรายได้สุทธิของปีงบประมาณ 2555 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 31 เดือนมีนาคม 2556
โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่ไตรมาสสุดท้ายบริษัทฯ ก็ยังสามารถสร้างผลกำไรเป็นผลให้รายได้สุทธิเป็นไปตามเป้าหมาย นอกจากนี้บริษัทนิสสัน
ยังมีเงินหมุนเวียนที่ดีและงบดุลบัญชีที่แข็งแรงระหว่างปีงบประมาณ 2555

วันนี้ นิสสันได้แจ้งผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 82.9 เยนต่อดอลลาร์ และ 106.8 เยนต่อยูโร ซึ่งเป็นอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยของ
ปีงบประมาณที่จะจบในเดือนมีนาคม 2556 ไว้ดังนี้

รายรับสุทธิจำนวน 9.63 ล้านล้านเยน (116.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 90.17 พันล้านยูโร)
ผลกำไรจากการดำเนินการจำนวน 523.5 พันล้านเยน (6.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.90 พันล้านยูโร)
ผลกำไรทั่วไปจำนวน 529.3 พันล้านเยน (6.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 4.96 พันล้านยูโร) และ
รายได้สุทธิจำนวน 342.4 พันล้านเยน (4.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.21 พันล้านยูโร)

ในปีงบประมาณ 2555 ยอดขายทั่วโลกสูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยสถิติใหม่ที่ 4.914 ล้านคัน สูงขึ้น 1.4% มากกว่าปี 2554 นิสสัน ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จำนวน 10 รุ่น
รวมถึงนิสสัน อัลติมา ใหม่ในสหรัฐอเมริกา ซิลฟีในประเทศจีน และโน๊ต ในประเทศญี่ปุ่น

alt

มร. คาร์ลอส โกนส์ ประธานและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กล่าวว่า “ปีงบประมาณ 2555 เป็นปีที่ท้าทายและปีแห่งความสำเร็จของนิสสัน เราปิดปีด้วยงบดุลบัญชีที่ดี สถิติใหม่
ของยอดขายทั่วโลก แบรนด์ที่แข็งแกร่งขึ้น และการขยายตลาดของแบรนด์ในตลาดที่มีความสำคัญ และที่สำคัญไม่แพ้กัน เราได้พยายามทุกวิถีทางที่จะฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อที่จะให้เรา
ดึงผลการเติบโตให้กลับมาได้ ขณะนี้เราได้ก้าวสู่ปีที่ 3 ของแผนธุรกิจ Nissan Power 88 ผมเชื่อมั่นว่าเราได้ใช้กลยุทธ์ที่ถูกต้องเพื่อให้เราได้สามารถบรรลุเป้าหมายของเราได้”

ในส่วนของผลการดำเนินงานของตลาดทั่วโลก ยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้น 5.4 % จำนวน 1.14 ล้านคัน ในประเทศจีน ซึ่งรถยนต์ภายใต้แบรนด์จากญี่ปุ่นได้เผชิญ
ปัญหาความขัดแย้ง เป็นผลให้ยอดขายลดลง 5.3 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาจำนวน 1.18 ล้านคัน ส่วนภูมิภาคยุโรปรวมประเทศรัสเซีย ยอดขายลดลง 7.5% จำนวน 660,000 คัน 
ส่วนประเทศญี่ปุ่น ยอดขายลดลง 1.3% จำนวน 647,000 คัน  ด้านตลาดอื่น ๆ  ยังมีผลงานที่ดี ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย บราซิลหรือประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มียอดขาย
รวมกันทั้งสิ้น 959,000 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้

นิสสัน ยังคงยืนหยัดในการเป็นผู้นำยานยนต์ไร้มลพิษที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า  ในปีงบประมาณนี้ ยอดขายนิสสัน ลีฟทั่วโลก นับตั้งแต่เปิดตัว มีจำนวนมากกว่า 62,000 คัน
ช่วงปี 2555 นิสสัน ได้เริ่มผลิตรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและอังกฤษแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการเติบโตของยอดขาย

คาดว่ายอดขายทั่วโลกในปีงบประมาณ 2556 จะอยู่ที่ 5.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 7.8% นิสสันเตรียมเปิดรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ อีกหลายรุ่น และจะรวมถึงการเปิดตัวรถรุ่นแรกภายใต้ดัทสันแบรนด์ด้วย
จากยอดขายที่คาดการณ์ไว้นั้น นิสสัน คาดว่าผลประกอบการของปีงบประมาณ 2556 โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 95 เยนต่อดอลลาร์ และ 122 เยนต่อยูโร ดังนี้

รายรับสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 11.2 ล้านล้านเยน (117.89 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 91.80 พันล้านยูโร)
ผลกำไรจากการดำเนินการคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 700 พันล้านเยน (7.37 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.74 พันล้านยูโร)
ผลกำไรทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 665 พันล้านเยน (7.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.45 พันล้านยูโร) และ
รายได้สุทธิคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 420 พันล้านเยน (4.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.44 พันล้านยูโร)

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานการรายงานผล ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2556 นี้เป็นต้นไป บริษัท นิสสัน จะใช้วิธีการด้านบัญชีที่แตกต่างไปในการแสดงผลการดำเนินงาน
โดยเฉพาะบริษัทจะใช้วิธีการคำนวณส่วนแบ่งกำไร-ขาดทุนสำหรับบริษัทร่วมค้านิสสัน และดองเฟง ประเทศจีน และแม้ว่าการรายงานรายได้สุทธิยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากการคำนวณ
ด้วยวิธีการใหม่ แต่รายงานผลกำไรจะไม่รวมรายรับสุทธิ ผลกำไรจากการดำเนินงานและผลกำไรทั่วไปของบริษัทร่วมค้าดองเฟง-นิสสัน

เนื่องจากการรายงานผลแบบใหม่ นิสสันได้แจ้งการคาดการณ์ผลประกอบการของปีงบประมาณ 2556 ไว้กับตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนที่ 95 เยนต่อดอลลาร์
และ 122 เยนต่อยูโร ดังนี้

รายรับสุทธิคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 10.37 ล้านล้านเยน (109.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 85.0 พันล้านยูโร)
ผลกำไรจากการดำเนินการคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 610 พันล้านเยน (6.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.0 พันล้านยูโร)
ผลกำไรทั่วไปคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 645 พันล้านเยน (6.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.29 พันล้านยูโร) และ
รายได้สุทธิคาดว่าจะอยู่ที่จำนวน 420 พันล้านเยน (4.42 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.44 พันล้านยูโร)