เว็บไซต์ Autocar แห่งสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยความเคลื่อนไหวของ Mini ยุคใหม่เจเนเรชั่นที่ 3 (นับเฉพาะ Mini ที่
อยู่ภายใต้ความควบคุมของ BMW เท่านั้น)ที่จะเปิดตัวในปี 2014 ก่อนใคร และที่สำคัญในปี 2014 ก็น่าจะเป็นปีแห่งการ
ปฏิวัติแบรนด์ Mini เช่นเดียวกันเนื่องจาก Mini จะกลายเป็นแบรนด์หลักสำคัญที่ช่วยทำให้ BMW ครองอันดับ 1 ใน
ตลาดรถระดับหรูได้ตลอดกาล

BMW คาดการณ์กันว่าในปี 2020 จะสามารถขายรถยนต์ที่ใช้พื้นตัวถังขับเคลื่อนล้อหน้า UKL1 ภายใต้แบรนด์ BMW
และ Mini มากถึง 980,000 คันเลยทีเดียว ดังนั้นความสำคัญของแบรนด์ Mini ก็จะเริ่มมีมากขึ้นจนน่าจะกลายเป็น
แบรนด์ใหญ่ในไม่ช้านี้

alt

สิ่งที่ทุกคนจะต้องจับตามองจริง ๆ คือ Mini เจเนเรชั่นต่อไปจะมีการแตกไลน์ตัวถังใหม่เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 ตัวถัง
ได้แก่ตัวถัง Traveller รถแวกอนอเนกประสงค์ทรงสปอร์ตท้ายลาด, ตัวถังซีดานที่เจาะตลาดเอเชียตะวันออกโดยเฉพาะ
เป็นต้น

งานออกแบบ Mini เจเนเรชั่นล่าสุดจะมีดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากรถต้นแบบ Mini Rocketman concept และจะ
เปิดตัวรุ่น 5 ประตูพร้อมกันด้วยซึ่งจะติดตั้งบานประตูท้ายที่ค่อนข้างเล็กเพราะ Mini ต้องการให้ด้านหลังเหมาะสำหรับ
ผู้โดยสารเด็กเท่านั้น

จุดเด่นของพื้นตัวถัง UKL1 คือจะมีชุดพื้นตัวถังแยกออกเป็นความยาว 2 กลุ่มและความสูง 2 กลุ่มทำให้ Mini สามารถ
พัฒนารถยนต์หลากรูปแบบได้ยืดหยุ่นมากขึ้น อาทิ Mini Coupe และ Roadster โฉมต่อไปก็จะมุ่งสู่ความสปอร์ตมาก
ยิ่งขึ้น, Mini Countryman โฉมใหม่ก็จะสามารถยกความสูงพื้นตัวถังมากขึ้น หลังจากมีเสียงลูกค้าบ่นกันมามาก
เหลือเกินว่ามันเหมือนนำรถ 5 ประตูจับมายกสูงมากกว่าที่จะดูเป็นเอสยูวี, Mini Clubman โฉมใหม่ก็จะต้องขยายความ
ยาวและความกว้างออกไปอีกเพื่อให้รู้สึกถึงความพิเศษของตัวรถ และแน่นอนว่าบานประตูเข้าออกห้องโดยสารใน
Clubman รุ่นปัจจุบันก็จะต้องยกเลิกซะ

ขุมพลังของ Mini แทบทั้งหมดจะพึ่งพาเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ล่าสุดบล๊อก 3 สูบ 1.5 ลิตรฉีดเชื้อเพลิงตรงและพ่วงด้วย
เทอร์โบชาร์จซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเบนซินและดีเซลเทอร์โบที่ปล่อยค่าไอเสีย CO2 น้อยกว่า 90 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่กับ
เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ ส่วนขุมพลัง Hybrid ยังไม่มีวี่แวว

ในเมื่อ Mini มีรถไฮไลต์เด็ดขนาดนี้ Mini จึงตั้งเป้ายอดผลิตในยุโรปมากถึง 300,000 คันต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมเท่าตัว นั่น
เป็นเพราะโรงงานในกรุงออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักรได้ขยายกำลังการผลิต รวมไปถึงจะขึ้นสายการผลิตที่โรงงาน
NedCar เนเธอร์แลนด์ (อดีตโรงงาน Mitsubishi) ภายในกลางปี 2014

บ้านเราคงต้องลุ้นว่า Mini โมเดลใดจะได้นำมาขายในไทย