มีใครเริ่มรู้สึกบ้างว่างานออกแบบรถยนต์ในวันนี้เริ่มมีความหลากหลายพอสมควร? ส่วนใหญ่น่าจะเริ่มรู้สึกกันบ้างเพราะ
แต่ละแบรนด์ก็ต้องการหาจุดเด่นในงานออกแบบเพื่อให้สามารถแข่งขันกันในตลาดรถยนต์ชนิดที่ต้องเอามีดไล่แทงกันให้
ตายไปข้างหนึ่งได้ จึงไม่แปลกใจเลยว่าการออกแบบรถยนต์จะต้องถูกผูกเข้ากับคุณลักษณะของความเป็นแบรนด์รถยนต์
ยี่ห้อนั้น ๆ ไป แต่ผู้บริหารทั้งหลายก็กังวลกันว่ากระแสงานออกแบบบางอย่างมันไปสอดคล้องงานออกแบบข้ามยี่ห้อและ
ข้ามเซกเมนต์กันมากเกินไป

Walter de Silva ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ Volkswagen Group ได้กล่าวโทษว่าหลักอากาศพลศาสตร์เป็นตัวบังคับ
ในการออกแบบ ทำให้นักออกแบบต้องกดดันในการออกแบบตัวรถให้ลมมีความลื่นไหลมากที่สุดเพื่อหวังให้ตัวรถประหยัด
น้ำมันและลดค่าไอเสีย CO2 นั่นก็ทำให้การออกแบบมีความซับซ้อน (ตามหลักอากาศพลศาสตร์) จนทำให้ตัวรถดูยุ่ง
เหยิงและเต็มไปด้วยศิลปะกราฟิกที่ไม่จำเป็น

Martin Smith ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายออกแบบ Ford Motor ยุโรปกลับโต้แย้งประเด็นการออกแบบรถตามหลัก
อากาศพลศาสตร์ของ Walter de Silva และเขาก็ได้แสดงความคิดเห็นว่า การออกแบบรถให้สอดคล้องตามหลักอากาศ
พลศาสตร์มีหลายวิธีมาก ลองไปมองรถ Mercedes-Benz ดูกันบ้าง รถพวกนี้มีประสิทธิภาพ(ตามหลักอากาศศาสตร์)สูง
มาก แต่ดีไซน์เหมือนไม่ได้ออกแบบให้เน้นการทดสอบในอุโมงค์ลมขนาดนั้น

Gorden Wagener รองประธานฝ่ายงานออกแบบประจำ Mercedes-Benz กล่าวว่า C-Class โฉมใหม่สะท้อนปรัชญา
การออกแบบที่ดีที่สุดภายใต้แนวคิด Sensual Purity คือมันมีทั้งความบริสุทธิ์, สะอาด, พื้นผิวไม่มีสิ่งเจือปน และเขายัง
บอกอีกว่า Mercedes-Benz จะไม่ทำรถทรงลิ่ม (Wedge-Shape)อีกต่อไป เพราะรถทรงลิ่มเป็นสัญลักษณ์ของรถยุค 90s ปลายที่ค่อนข้าง
เชย แต่พวกเขาจะได้แรงบันดาลใจในการออกแบบที่มีความลื่นไหลจากยุค 30s

ดีไซน์ที่มีความเชื่อมโยงกันภายในแบรนด์

Gorden Wagener ได้กำหนดนิยามใหม่ของ Design Language ที่สานต่อความสำเร็จต่อจาก Peter Pfeiffer (ที่เคย
ฝากผลงานโด่งดังคือ C-Class รุ่นที่แล้ว) ในช่วงปี 2008 จนทำให้พวกเราได้เห็นทิศทางการออกแบบ Mercedes-Benz
ยุคใหม่ ได้แก่ CLA, GLA, S-Class และ S-Class Coupe แต่งานออกแบบที่มีความสอดคล้องกันภายในแบรนด์ ไม่ใช่
ของใหม่สำหรับ Mercedes-Benz

อย่างไรก็ตาม Sam Livingstone ผู้อำนวยการที่ปรึกษาสำนัก Car Design Research ได้แตกประเด็นออกมาว่า
อุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มต้นตระหนักกันแล้วว่า การออกแบบรถไม่ได้เป็นแค่การแสดงออกผ่านรูปลักษณ์เท่านั้น แต่เป็น
เครื่องแสดงความมีตัวตนของแบรนด์อีกด้วย

แบรนด์ Mercedes-Benz, BMW และ Audi ที่มีดีไซน์และความงามเหมือนกันตั้งแต่รุ่นเล็กจนถึงรุ่นใหญ่ และเชื่อว่า
กระแสการออกแบบให้มีดีไซน์ลักษณะร่วมจะมาแรงในแต่ละแบรนด์และจะช่วยสร้างฐานลูกค้าในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ได้

บางครั้ง กระแสการออกแบบยุคปัจจุบันก็ทำให้งานออกแบบไม่ได้ก้าวล้ำไปอย่างที่ควรจะเป็น จนทำให้ Chris Bangle
อดีตผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ BMW ที่กลายเป็นนักวิจารณ์ฝีปากกล้ามากที่สุดในวงการการออกแบบยานยนต์ต้อง
ออกมาต่อสู้กับคนทั่วไปที่ชอบคิดกันว่างานออกแบบจะต้องเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ และขาดความกล้าหาญที่จะออกแบบสิ่ง
ใหม่ ๆ

กระแสการออกแบบภายนอก

ในขณะที่กระแสการออกแบบตัวถังที่เน้นความบริสุทธิ์, พื้นผิวที่กระจ่างใสที่เราสามารถพบเห็นได้ใน Volkswagen Golf
รุ่นปัจจุบันที่จะเน้นแค่เพียงการขยายขนาดและมีฟอร์มรถที่กระตุ้นอารมณ์เป็นสิ่งที่ Volkswagen นิยมทำ แต่กลับกันมี
ค่ายรถหลายค่ายก็เริ่มนำเทคนิคพื้นผิวหลายชั้นมาช่วยสร้างความผูกพันธ์ทางอารมณ์กับลูกค้าแล้ว

ในปีนี้ก็เริ่มมีกระแสแนวโน้มการออกแบบตัวถังภายนอกแนวใหม่จากการสำรวจรถรุ่นใหม่ในงาน Geneva Motorshow
2014 นี้ หนึ่งในนั้นคือการลงกราฟิกบนพื้นผิวตัวถังเป็นหลัก ให้ความสำคัญกับทรงตัวถังน้อย แต่ให้ความสำคัญกับ
กราฟิกที่ห้อมล้อมตัวรถมากกว่า ส่วนอีกแบบหนึ่งก็เริ่มจะลดพื้นที่ตัวถังและเข้าใจในหลักการการออกแบบให้ผอมเพรียว
มากขึ้น

รถที่ออกแบบเน้นกราฟิกก็จะเน้นหนักไปที่การออกแบบด้านหน้าตัวรถเหมือนอย่างที่ All New Toyota Aygo เป็น
หรือไม่ก็บริเวณประตูหรือแก้มล้อเหมือนอย่าง Citroen C4 Cactus ที่เรียกกันว่า AirBump หรือไม่ก็กราฟิกที่ทำให้
หลังคาดูลอยได้เหมือนกับ BMW i-Series ทั้งหลายซึ่งสามารถสื่อสารได้ถึงความเบาบางนั่นเอง

Hyundai Intrado Concept ก็แสดงออกทั้งความล่องลอยและเนื้อที่ตัวถังที่บางเฉียบ หรือแม้แต่ Volkswagen T-Roc
Concept ก็มีพื้นผิวแนวใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในรถยนต์ Volkswagen คันอื่น ๆ ซึ่ง Klaus Bischoff หัวหน้าทีม
ออกแบบประจำแบรนด์ Volkswagen เปิดเผยว่า พวกเขารู้จักแบรนด์ของเขาดีว่า มันดีไซน์ไร้กาลเวลามาก, มีเส้นสายที่
สะอาดจนสามารถต่อยอดไปสู่การออกแบบตัวถังที่มีลายกราฟิก พวกเขารู้ดีว่าจะออกแบบรถให้มีมิติใหม่และแสดงออก
ทางอารมณ์อย่างไร

การออกแบบโคมไฟ

ไฟหน้าและไฟท้ายมีส่วนสำคัญที่จะสะท้อนตัวตนของแบรนด์และเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยได้ ในช่วง 2-3 ปีที่แล้ว Audi ก็
ลงทุนใช้ไฟ LED ลงในทุกรุ่นจนทำให้คนอื่นเลียนแบบตาม จนทำให้มีกระแสการออกแบบโคมไฟหน้าและท้ายที่เล็กลง ซึ่ง
Livingstone ให้ความเห็นว่าโคมไฟที่มีขนาดใหญ่เริ่มจะกลายเป็นของเก่าไปแล้ว โคมไฟเล็ก ๆ กำลังอยู่ในกระแส
มากกว่า คงมีเพียงแค่ Audi และ BMW ที่กำลังคิดค้นนวัตกรรมโคมไฟแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะไฟแบบเลเซอร์ที่กำลังจะ
เปิดตัวในรถยนต์รุ่นใหม่ช่วงครึ่งปีหลังนี้

วัสดุที่ยั่งยืน

ความเที่ยงแท้ถือเป็นวลีฮิตของนักออกแบบจนทำให้ต้องใช้หนังแท้และไม้มาประดับภายในรถ แต่วันนี้มันก็มีความ
เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะหันมาใช้วัสดุที่ยั่งยืนสำหรับภายในห้องโดยสารพรีเมี่ยมในรูปแบบใหม่ซึ่ง Adriana Monk
อดีตนักออกแบบภายในประจำ Lincoln, Jaguar และ Land Rover กล่าวว่า ถ้าคุณอยากได้รถที่มีภายในหรูหราก็จง
ประดับหนังแท้และไม้ลงไป แต่ในวันนี้หากตัวรถมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม (การใช้หนังแท้ลูกวัวหรือไม้นำเข้า
จากนู่นนี่นั่น) รถของคุณจะไม่ได้รับความน่าเชื่อถืออีกต่อไป

วันนี้ เส้นใยต้นไม้รีไซเคิลและขวด PET รีไซเคิลคือคำตอบใหม่สำหรับวัสดุสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี
การฟอกหนัง พร้อมทั้งยังมีวิทยาทานด้านวัสดุทางเทคนิค อาทิ คาร์บอนไฟเบอร์, อลูมิเนียมและโพลิเมอร์สังเคราะห์ที่
สามารถบูรณาการเทคนิคทั้งหลายมาผลิตเป็นวัสดุภายในรถยนต์

เทคโนโลยีดังกล่าวก็สามารถทำไม้ตกแต่งภายในให้มีรูปแบบที่หลากหลายจนไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่ทำให้พื้นไม้มีรูร่องพื้นผิว
จนถึงไม้พื้นด้าน ส่วนวัสดุหนังก็สามารถทำแพทเทิร์นที่หลากหลายและไล่ระดับสีกันสนุกสนานขึ้น

การออกแบบภายใน

Hans-Peter Wunderlich ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ภายในห้องโดยสาร Mercedes-Benz แสดงความคิดเห็นว่า
การออกแบบห้องโดยสารให้มีความโปร่งเบาเป็นการทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความยั่งยืน หากคุณค้นพบ Design Language ที่
ลดเนื้อที่และใช้รูปทรงเลขาคณิต, รูปทรงที่ดูลอยได้ คุณก็จะพบถึงความรู้สึกโล่งและเบา ความโล่งนี่แหล่ะคือความยั่งยืน

การลดปุ่มกดก็เริ่มกลายเป็นกระแสนิยมที่ทำให้ใช้งานง่ายและให้ความรู้สึกถึงพื้นที่ที่กว้างขวาง การสาดสีแบบทูโทนโดย
ให้ชิ้นส่วนด้านล่างใช้สีสว่างกว่าชิ้นครึ่งบนก็จะช่วยลวงตาให้รู้สึกมีเนื้อที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับการออกแบบที่ท้าวแขนตรง
กลางให้รู้สึกดูลอยได้

ตำแหน่งการใช้งาน

โลกรถยนต์ทุกวันนี้ก็จำเป็นต้องเชื่อมต่อสื่อสารกับสมาร์ทโฟน, แท๊บเบล็ตหรือไม่ก็อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์อื่น ๆ วิธีการใช้ก็
ต้องแตะหน้าจอสัมผัสซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมเลย ดังนั้น Volkswagen Group จึงคิดค้นเทคโนโลยี Virtual
Cockpit ที่ติดตั้งแผงหน้าจอ LCD สี 12.2 นิ้วฝังในเรือนไมล์ สามารถสั่งการได้ทั้งระบบควบคุมคำสั่งเสียง, การวาดนิ้วที่
ไม่ต้องแตะหน้าจอสัมผัส

ถ้าคุณอ่านจบถึงบรรทัดนี้แล้วก็ขอแสดงความยินดีที่คุณได้เปิดใจรับโลกยานยนต์ยุคใหม่ได้สำเร็จแล้วครับ

ที่มา : Autonews