ในเดือนที่แล้วเว็บไซต์ Headlightmag.com ตื่นตาและตื่นใจกับการเปิดตัว All New Toyota Corolla เจเนเรชั่นที่ 11
เวอร์ชันตลาดโลก (ที่แยกตัวถังอย่าง “ชัดเจน” กับเวอร์ชันญี่ปุ่น) ด้วยรูปลักษณ์ที่ทำให้บางคนตื่นตาตื่นใจกับความปราด
เปรียวในรูปแบบใหม่ ๆ และสิ่งที่หลายคนรอคอยก็คือสเปคเบื้องต้นของ All New Toyota Corolla โฉมใหม่เวอร์ชันยุโรป
นั่นเอง เพราะมันมีความเป็นไปได้สูงว่าจะสามารถอ้างอิงกับตลาดเมืองไทยได้

Shinichi Yasu ผู้รับผิดชอบตำแหน่ง Chief Engineer เปิดเผยว่าทีมงานได้ต่อยอดความสำเร็จของความเป็น Corolla
และยังไม่ละทิ้งแนวคิดการพัฒนา Corolla เจเนเรชั่นแรกจาก Tatsuo Hasegawa ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่ง Chief Engineer
ของ Toyota Corolla รุ่นแรก ว่าจะต้องเป็นรถยนต์ที่สามารถส่งความสุขและสิ่งดี ๆ ให้แก่ผู้คนทั่วโลก

alt

Toyota Corolla รุ่นล่าสุดจะยึดแนวคิดหลักในการพัฒนาตัวรถเหมือนกับ Corolla รุ่นแรกนั่นก็คือคุณภาพระดับสุดยอด,
ความทนทานและความน่าเชื่อถือได้เพื่อตอบสนองความทุกตลาดในโลกและมีเสียงตอบรับที่ดีกลับมา แต่ใช่ว่าจะนำดีไซน์
ย้อนยุคจากรุ่นแรกมาใช้ด้วยเพราะ Toyota Corolla เจเนเรชั่นที่ 11 ได้มีแนวคิดการออกแบบให้ดึงดูดใจลูกค้าทั่วโลกใน
วงกว้างด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย, ฟีเจอร์ที่มีความล้ำหน้า, ปรับปรุงห้องโดยสาร/ความสบาย/การใช้งาน/ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้
, ประหยัดน้ำมันไร้เทียมทาน, ปรับปรุงการขับขี่และอุปกรณ์ความปลอดภัย ทั้งหมดจะเป็นการตอบสนองความต้องการ
ลูกค้าที่ต้องการใช้เงินให้คุ้มค่าทุกสตางค์

มิติตัวถังของ Toyota Corolla EU Version จะมีความยาว 4,620 มม. กว้าง 1,775 มม. สูง 1,465 มม. ลดระยะโอ
เวอร์แฮงค์หลัง 25 มม. แต่เพิ่มระยะโอเวอร์แฮงค์หน้าอีก 5 มม. และขยายความยาวฐานล้ออีก 100 มม. เป็น 2,700 มม.

2013 07 09 Toyota Corolla EU 4 2013 07 09 Toyota Corolla EU 5

งานออกแบบ Toyota Corolla เจเนเรชั่นที่ 11 จะยึดหลักแนวคิด Keen Look และ Under Priority design เพิ่มความ
โดดเด่นด้วย LED Daylight ข้างละ 4 ดวง จุดที่น่าสนใจในการออกแบบก็คือความต่อเนื่องของเส้นกระจังหน้า โปรด
สังเกตไฟหน้าจะมีเส้นโครเมี่ยมที่ติดต่อเนื่องกับกระจังหน้า และพยายามทำขอบของกระจังโครเมี่ยมที่อยู่บนไฟหน้าให้รับ
กับรอยนูนปั๊มบนฝากระโปรงหน้าและต่อเนื่องกับสันกันชนหน้า

ส่วนบั้นท้ายจะยึดหลักแนวคิด Under Priority design ที่ทำให้ไฟท้ายดูปราดเปรียวและดูหรูหรากว่า Corolla US
Version พร้อมทั้งทำขอบกันชนท้ายให้ต่ำลง

และรู้กันหรือไม่ว่างานนี้ Toyota ได้ยกระดับความพรีเมี่ยมด้วยการประกอบที่ประณีตขึ้น อาทิ ระยะห่างระหว่างซุ้มล้อ
หน้ากับประตูหน้าจากเดิมห่าง 4.0 มม. ก็จะปรับให้ชิดเป็น 3.9 มม., ระยะห่างขอบประตูหน้าและหลังจากเดิม 4.5 มม.
จะลดลงเหลือ 4.2 มม.

All New Toyota Corolla EU Version จะเน้นค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอย่างหนักหน่วง มิใช่เพื่อลดเสียงรบกวน
ภายในห้องโดยสารเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลภาวะลงด้วยทำให้มีค่า CD จาก 0.29 เหลือแค่
เพียง 0.27 เท่านั้น

ภายในห้องโดยสารก็จะถูกขยายออกไปตามความยาวฐานล้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะขยายเนื้อที่วางขาห้อง
โดยสารตอนหลัง, ปรับปรุงเบาะนั่งให้มีความสบายขึ้นและมีเนื้อที่ห้องสัมภาระมากขึ้น

2013 07 09 Toyota Corolla EU 6

ตำแหน่งนั่งขับขี่ก็จะมีช่วงของการปรับตั้งแต่ 15-60 มม. และสามารถเลื่อนการปรับเบาะไปมาได้ระหว่าง 20-260 มม.
จุดรองรับสะโพกจะเพิ่มขึ้นอีก 5 มม. พร้อมทั้งพวงมาลัยมีระยะการปรับที่มากขึ้นด้วย

ห้องโดยสารหลังจะมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นด้วยการร่นจุดรองรับสะโพกไปด้านหลังอีก 70 มม. ทำให้มีระยะห่างจาก
เบาะหน้าถึงเบาะหลังมากถึงเพิ่มขึ้น 75 มม. พร้อมทั้งออกแบบเบาะหน้าให้ผอมบางลงก็จะทำให้มีเนื้อที่วางขาเพิ่มขึ้น 92
มม. จนกลายเป็นผู้นำห้องโดยสารหลังตอนหลังที่กว้างขวางมากที่สุด

นอกจากนี้ All New Toyota Corolla EU version จะเป็นรถที่เงียบที่สุดในรถระดับเดียวกันด้วยบุวัสดุซับเสียงในแผง
คอนโซลและติดตั้งวัสดุซับเสียงชนิดพิเศษระหว่างฝากระโปรงและซุ้มโป่งล้อเพื่อดูดซับเสียงให้ได้มากที่สุด, วัสดุบุซับเสียง
บนพื้น

เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มความเป็นมิตรในการใช้งานก็มีเยอะแยะได้แก่ ระบบ Samrt Entry พร้อมปุ่มกด Start-Stop, แอร์แยก
2 โซน และระบบช่วยจอดแบบง่าย ๆ Simple Intelligent Park Assist (SIPA) เพียงกดปุ่มใช้งาน ระบบจะทำงาน
ร่วมกับกล้องส่องถอยหลังและเซนเซอร์อุลตร้าโซนิคบริเวณกันชนหน้าเพื่อตรวจสอบสิ่งกีดขวางในขณะจอดคู่ขนาน ระบบ
จะช่วยหมุนพวงมาลัยในองศาที่ถูกต้อง ผู้ขับขี่จึงควบคุมเพียงแค่เหยียบแป้นคันเร่งเท่านั้น

2013 07 09 Toyota Corolla EU 7

เครื่องยนต์กลไกมีให้เลือก 5 บล๊อก ได้แก่เครื่องยนต์ดีเซล 1.4 ลิตร D-4D จับคู่เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ
MultiMode 6 จังหวะ ให้กำลัง 90 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตรที่รอบระหว่าง 1,800-2,800 รอบต่อนาที ในรุ่น
เกียร์ธรรมดาจะประหยัด 3.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสียต่ำกว่า 99 กรัมต่อกิโลเมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 1.33 ลิตร Dual VVT-I ให้กำลัง 99 แรงม้า แรงบิด 128 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์
ธรรมดา 6 จังหวะ ประหยัดน้ำมัน 5.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 129 กรัมต่อกิโลเมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร Dual VVT-I 122 แรงม้า แรงบิด 154 นิวตันเมตรที่ 5,200 รอบต่อนาที รุ่นเกียร์ธรรมดามี
อัตราสิ้นเปลือง 6.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 157 กรัมต่อกิโลเมตร รุ่น CVT จะประหยัด 6.3 ลิตรต่อ
100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 150 กรัมต่อกิโลเมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร ValveMatic 132 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 160 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา
มีอัตราสิ้นเปลือง 6.1 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 139 กรัมต่อกิโลเมตร เกียร์ CVT อัตราสิ้นเปลือง 5.6
ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 130 กรัมต่อกิโลเมตร

เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร Dual VVT-I 140 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 173 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อ
นาที รุ่น CVT จะประหยัด 6.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 152 กรัมต่อกิโลเมตร

มีความเป็นไปได้สูงมากว่าบ้านเราจะได้ Toyota Corolla โฉม EU และคาดว่าน่าจะมีสิทธิ์อวดโฉมกันก่อนในงาน
Motor Expo 2013 ก่อนที่จะวางจำหน่ายในปี 2014

ที่มา : http://www.netcarshow.com/toyota/2014-corolla_eu-version/