ช่วงนี้บริษัทรถยนต์หลายบริษัทเริ่มปรับตัวทางด้านกลยุทธ์แบบเข้มข้นชนิดที่ไม่มีใครยอมใครกัน ถึงขนาดบางค่ายที่จะล้ม
แหล่มิแหล่ก็หันมาปรับตัวสู้ทางด้านกลยุทธ์ที่เจาะประเด็นและช่วยแก้ปัญหาบริษัทได้อย่างจริงจังมากที่สุด และสิ่งที่
น่าสนใจมากที่สุด คือกลยุทธ์ของบริษัทรถทั้งหลายก็เริ่มให้คุณค่าของการสร้าง “แบรนด์” เป็นอย่างมาก แบรนด์ไม่ใช่การ
สร้างภาพสวยหรูทางโฆษณาโทรทัศน์ แต่หมายถึงการสร้างแบรนด์ผ่านการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนและแตกต่างจากคนอื่น
ว่าง่าย ๆ คือเป็นตัวของเองมากขึ้น

2014 05 09 Subaru

Subaru ก็เปิดแผนธุรกิจระยะกลางภายใต้ชื่อ Prominence 2020 กับเขาบ้างที่ขอตั้งเป้าการเติบโตถึง 20% ภายในปี
2020 คาดหวังยอดขายตลาดอเมริกาเหนือปีละ 6 แสนคันจากปัจจุบันอยู่ที่ราว 478,000 คัน พร้อมทั้งเบ่งกำลังการผลิต
ที่อินเดียน่า สหรัฐอเมริกาจากปีละ 310,000 คันเป็น 400,000 คัน

Yasuyuki Yoshinaga ประธานบริษัท Fuji Heavy เปิดเผยว่าแผนธุรกิจระยะกลางจะช่วยผลักดันให้ยอดขาย, รายได้,
ผลกำไรรถยนต์ Subaru สูงสุดเท่าที่เคยทำมา ในปีงบประมาณ 2014 ก็ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 11% หรือ 916,000 คัน
และภายในปี 2020 ก็จะต้องทำยอดขายให้ได้ 1.1 ล้านคัน

ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป Subaru จะแนะนำชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม (Modular Platform) ในชื่อ
Subaru Global Platform ที่รองรับการพัฒนารถยนต์ตั้งแต่ Impreza และ Outback โดยรถยนต์คันแรกที่ใช้พื้นตัวถัง
ใหม่นี้คือ Subaru Impreza ที่เน้นหนักด้านความปลอดภัย, ความคล่องแคล่วและเนื้อที่ภายในห้องโดยสาร

Subaru มีแผนที่จะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงตรงให้หมดตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปเพื่อเป็นมาตรฐานใหม่ที่เครื่องยนต์
Boxer จะต้องเป็นเครื่องฉีดเชื้อเพลิงตรง และเพื่อให้เข้ากับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น Subaru จะต้องนำ
เทคโนโลยีพักการทำงานลูกสูบและระบบเผาไหม้แบบ Lean หรือ Atkinson Cycle มาใช้ให้หมดภายในปี 2020

ภายในปี 2018 Subaru ก็จะแนะนำรถยนต์ Plug-in Hybrid เพื่อสนองนโยบายรถยนต์ไร้มลภาวะในสหรัฐอเมริกาโดย
ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานมาจากระบบ Toyota Hybrid

นอกจากนี้ Subaru ก็ยังได้ปรับปรุงเทคโนโลยี Eyesight ที่มีระบบป้องกันการชนตรวจจับวัตถุรอบด้าน ไม่ใช่จับวัตถุแค่
ด้านหน้าอย่างเดียวเท่านั้น

แผนธุรกิจระยะกลาง Prominence 2020 นอกจากจะกระตุ้นยอดขายและผลกำไรแล้วก็ยังต้องลดต้นทุนทั้งหมดลง 20%
ภายในปี 2020 นั่นเป็นเพราะว่าได้ใช้ชุดโครงสร้างพื้นตัวถังแบบใหม่ แล้วนำการลดต้นทุนส่วนนี้มาเพิ่มการพัฒนา
ประสิทธิภาพของรถมากขึ้น

ที่มา : Autonews