ยิ่งนานวันแบรนด์ Mini ที่อยู่ภายใต้ชายคาของ BMW ก็เริ่มมีพัฒนาการที่เรียกกันว่า “ก้าวเดินไปข้างหน้า” ที่มิได้ย่ำอยู่
กับอดีต นัยว่าหลังจากพลิกฟื้นแบรนด์ Mini ได้สำเร็จ ชื่อ Mini มันควรจะเดินหน้าตามยุคสมัยเสียที และภารกิจที่สำคัญ
มากที่สุดของ Mini ก็คือการดึงภาพความเป็นรถอังกฤษให้กลับมามากที่สุด

Peter Schwarzenbauer ผู้บริหารฝ่ายดูแลแบรนด์และหนึ่งในทีมบอร์ดบริหารเปิดเผยว่า Mini ได้เพิ่มสตูดิโอการ
ออกแบบในอังกฤษเข้ามา จากเดิมที่มีสำนักออกแบบแค่ในเมืองมิวนิค เยอรมัน เพราะพวกเขาจะได้จะสามารถสื่อสารให้
คนทั้งโลกรู้ว่า Mini ใหม่เป็นรถที่มีเชื้อสายหรือรากฐานจากอังกฤษที่แท้จริงเสียที

นอกจากนี้เขายังเปิดเผยอีกว่า Mini Family ได้พยายามขบคิดหาวิธีขยายไลน์สินค้าหลากไอเดียบนพื้นตัวถังขับเคลื่อน
ล้อหน้า UKL ที่พัฒนาร่วมกับ BMW ที่สามารถรองรับการพัฒนารถที่มีความยาวระหว่าง 3.8 เมตรจนถึง 4.5 เมตรได้ แต่
ขณะเดียวกันทางบริษัทกลับมองว่า การที่มีจำนวนรุ่นไม่เยอะน่าจะดีกว่าและยังวางกลยุทธ์เลือกให้ Mini 4-5 รุ่น
กลายเป็น Hero Model ที่สร้างยอดขายและการจดจำเป็นหลัก นั่นหมายความว่า Hero Model จะต้องถูกสร้างภายใต้
มาตรฐานที่สูงมาก

นอกจากนี้การออกแบบ Mini ในแต่ละรุ่นจะลดการยึดถือความละม้ายคล้ายคลึงของหน้าตา แต่จะยึดหลัก Mini DNA
แล้วสร้างความแตกต่างในแต่ละรุ่นแทน กลยุทธ์นี้จะเป็นการช่วยเปิดประตูแบรนด์ให้กว้างขึ้น

นอกจากนี้ BMW กำลังคิดค้นวิธีประหลาด ๆ ที่จะช่วยเพิ่มบุคลิกภาพเฉพาะของผู้ขับขี่ด้วยที่ยังคงรักษาความปลอดภัย
เมื่อมีอุบัติเหตุได้ อาทิ ช่องแอร์หรือชุดชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารที่เปลี่ยนแปลงเองได้ เป็นต้น (อธิบายง่าย ๆ คือ ไม่ได้แค่
เปลี่ยนสีชิ้นส่วนแต่เหมือนเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ไปเลย)

และสร้างความประหลาดเข้าไปอีกเมื่อพวกเขากำลังพิจารณาการติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพื่ออนุญาตให้รถอัพเกรดหรือดาวน์เกรดออพชั่น
ได้ด้วยเมื่อผู้ขับขี่ไม่อยากจะจ่ายเงินเพื่อฟีเจอร์บางอย่าง ยกตัวอย่าง Mini ทุกรุ่นจะมีออพชั่นรุ่นเบาะอุ่นได้ แต่ถ้าผู้ใช้
อยากให้อุ่นแผ่นหลังก็ต้องจ่ายเงินผ่านแอพฯ เพื่อให้ฟีเจอร์อุ่นเบาะทำงานได้ตลอดไป หรืออาจจะให้สิทธิ์ในการเช่าอุ่น
เบาะเป็นครั้งคราวได้ (นั่นหมายความว่าตัว “ฮาร์ดแวร์” หรือเครื่องอุ่นเบาะมีติดตั้งไว้อยู่ แต่ถ้าอยากใช้ต้อง activated
โดยการจ่ายเงินกันไป ถือว่าแฟร์ดี)

อนาคตของแบรนด์ Mini จะไม่ได้ยึดติดกับความคลาสสิกอีกต่อไป แต่ BMW จะผลักดันให้แบรนด์ Mini เป็นเจ้าแห่ง
แนวหน้าเทคโนโลยีในกลุ่ม BMW Group กันเลยทีเดียว

ทั้งหมดทั้งมวลถือเป็นทิศทางที่น่าสนใจทีเดียว

ที่มา : Autocar