ปล่อยให้ Polo รุ่น 5 ประตูชิงเปิดตัวในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ เดือนมีนาคม วางจำหน่ายทั่วยุโรปตั้งแต่เดือนมิถุนายนแล้ว เพื่อไม่ให้ขาดตอน Volkswagen จึงส่งรุ่น 3 ประตูของโปโล เจเนอเรชัน ใหม่ มาเสริมตลาด โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ภายในงานแฟรงเฟิร์ต มอเตอร์โชว์กันยายนนี้

 
 

งานออกแบบของโปโล 3 ประตู ใหม่ จะมาในแนวทาง ที่ Walter De Silva หัวหน้าสำนักออกแบบประจำค่าย เรียกมันว่า La Semplicita อันเป็นภาษาอิตาเลียน แปลได้คล้ายกับคำว่า ความเรียบง่าย ไม่แตกต่างจากรุ่นพี่ 5 ประตูนัก สอดคล้องกับแนวทางการออกแบบ Volkswagen ยุคใหม่ที่เน้นความคมชัดของเส้นสายทำให้มีการสะท้อนของเงาบนเส้นตัวถัง บุคลิกกระจังหน้าที่เน้นเส้นแนวนอนอย่างชัดเจน แม้ตอนนี้จะโดนค่อนขอดว่า Volkswagen “ไม่กล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตนัก แต่เชื่อแน่ว่า รูปลักษณ์แบบนี้ละที่จะโดนใจลูกค้าทั่วโลก ในทุกประเทศที่รถรุ่นนี้เข้าไปทำตลาด

 
 

บุคลิคที่เด่นชัดของ Polo คือระยะ Overhang หน้าและหลัง ที่สั้นมาก มุ่งเน้นความปราดเปรียว และฉับไวในการควบคุมรถมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเน้นความคมชัดของเส้นบ่าข้าง,เส้นนูนพื้นผิวกระจังหน้า,ขอบโป่งล้อเป็นสันจากหน้าจรดโป่งท้าย,ขอบฝากระโปรงหลังเส้นตัดขอบชัด

จุดเด่นของรุ่น 3 ประตูคือกรอบกระจกประตูที่บางมากที่ดูเผิน ๆ นึกว่าเป็นรถ Hardtop ออกแบบเสา B และ C ให้เพรียวบางที่สุด แต่แข็งแกร่ง และต้องปลอดภัยที่สุด เมื่อเกิดการชนด้านข้าง อีกทั้งยังมีขอบบ่าแนวกระจกหลังที่ตวัดคล้ายรถคูเป้ ถ้าเทียบกับ Polo 3 ประตูที่ตกรุ่นไป รถรุ่นใหม่ดูปราดเปรียวและน่าใช้กว่าแน่นอน

 
 

ขนาดตัวถังไม่แตกต่างจากรุ่น 5 ประตูเลย ความยาว 3,970 มม. ความกว้าง 1,682 มม. และความสูง 1,485 มม. ทำให้ขนาดห้องโดยสารและห้องสัมภาระไม่คับแคบเกินไปนัก

อุปกรณ์มาตรฐานมีให้ครบครันแม้เป็นรุ่นล่างสุดก็ยังให้ระบบควบคุมการทรงตัว ESP ตามมาตรฐานบังคับความปลอดภัยยุโรป ระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติขณะวิ่งตอนกลางวัน ระบบช่วยบังคับพวงมาลัย เป็นต้น

 
 

ในช่วงแรกที่เปิดตัวนั้น โปโล 3 ประตู จะมีขุมพลังให้เลือกมากถึง 6 แบบ โดยเวอร์ชันเบนซิน
จะมีให้เลือกตั้งแต่ 44 กิโลวัตต์ / 60 แรงม้า (PS) ตามด้วย 51 กิโลวัตต์ / 70 แรงม้า (PS) และ
63 กิโลวัตต์ / 85 แรงม้า (PS) โดยจะมีเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ แบบ Dual Clutch (DSG) มาให้เลือก
เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษเป็นครั้งแรก  รวมทั้ง จะมีเครื่องยนต์ TSI (Turbo Direct Injection)
77 กิโลวัตต์ / 105 แรงม้า (PS)  พร้อมเกียร์ DSG ให้เลือกตามมาอีกด้วย

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ TDI จะมีให้เลือก ทั้งรุ่น 55 กิโลวัตต์ / 75 แรงม้า (PS)
66 กิโลวัตต์ / 90 แรงม้า (PS) ซึ่งจะมีเกียร์ DSG ให้เลือกเป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษ และ 77 กิโลวัตต์ /
105 แรงม้า (PS) และหลังจากนี้ จะตามมาด้วยเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร TDI ตัวใหม่ล่าสุด ภายใต้รหัสสีฟ้า
BlueMotion ซึ่งจะเริ่มทำตลาดจริงในช่วงต้นปี 2010

โปโลใหม่ จะมีการตกแต่งให้เลือก  3 ระดับ คือ Trendline, Comfortline และ Highline อันเป็นรุ่นหรูสุด
ตามเคย โดยในรุ่นพื้นฐาน ต่ำสุด คือ Polo 1.2 Trendline จะมาพร้อมระบบ ควบคุมเสถียรภาพ ESP
(Electronic Stability Program) มาให้ (และมีให้ครบทุกรุ่นอีกด้วย)  จะมีป้ายราคาเริ่มต้นเพียง
12,150 ยูโร เท่านั้น!

ส่วนประเทศไทยจะนำเข้า Polo ซับ-คอมแพคท์ B-Segment ชื่อดังรุ่นนี้ มาตีตลาดหรือไม่ขึ้นอยู่กับความใจกล้าของตัวแทนจำหน่ายในไทยครับเพราะถ้ามาก็ต้องทำใจว่าราคาไม่มีทางจะถูกไปกว่าคอมแพกต์แฮตช์แบ็กรุ่น Golf ไปได้มากนัก