ย้อนกลับไปเดือนมีนาคม 2009 Nissan เริ่มประกาศความกล้าแหกขนบการออกแบบรถครอสโอเวอร์ครั้งใหญ่ เมื่อ Nissan กล้าจับรวมรถสปอร์ตแนว 370Z,ความคล่องตัวกะทัดรัดแบบแฮทช์แบคขนาดเล็ก,คุณสมบัติรถยกสูงเหมือน SUV และนำแรงบันดาลใจจากรถ Buggy ปั่นเข้ามารวมกันเป็นรถต้นแบบครอสโอเวอร์ขนาดคอมแพคท์ชื่อว่า Qazana

 
 

เสียงตอบรับถือว่ามีทั้งด้านดีและด้านลบ เพราะรถต้นแบบที่ทุกคนเห็นมันแปลกและประหลาดแตกต่างจากรถยนต์นั่งและครอสโอเวอร์ทั่ว ๆ ไปเอามาก ๆ ถ้าไม่รักก็คงเกลียดกันเลย แต่เมื่อดูนานวันเข้าเราก็จะพบว่าถ้าเกลาตัวรถออกหลาย ๆ ชิ้นก็ยังดูมีความน่าสนใจอยู่

แม้ท้ายที่สุด Nissan จะเลือกใช้ชื่อ Juke ในการทำตลาดก็ตาม

 
 

หน้าที่ของ Nissan Juke ก็คือการสร้างชื่อ Nissan ในตลาดยุโรปอีกระลอกต่อจากครอสโอเวอร์รุ่นพี่รุ่น Qashqai ที่โด่งดังติดลมบนไปแล้ว

และหน้าที่ประการหนึ่งที่สำคัญก็คือ Nissan Juke ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อดึงลูกค้า B-Segment ที่เบื่อความซ้ำซากจำเจของรถแบบเดิมเหล่านั้นให้เป็นสวามิภักดิ์เสีย ด้วยจุดเด่นของดีไซน์ที่คุณ Shiro Nakamura รองประธานฝ่ายการออกแบบภูมิใจนำเสนอว่า Juke คือการคัดสรรส่วนเด่น ๆ ของรถ SUV และรถสปอร์ตเข้าไว้ด้วยกัน

บุคลิคของ Juke จึงมีทั้งความแข็งแกร่งแบบ SUV และปราดเปรียวแบบรถสปอร์ตโดยเฉพาะเส้นสายของรถที่เน้นเส้นเทลงราวกับรถคูเป้,บ่ารถที่สูง และออกแบบบั้นท้ายประยุกต์จาก 370Z เต็ม  ๆ

 
 

มิติภายนอกของ Nissan Juke มีความยาว 4,135 มม. ความกว้าง 1,765 มม. ความสูง 1,570 มม. และฐานล้อยาว 2,530 มม.(เท่ากับ Nissan Cube) พร้อมยาง 215/55 17 นิ้ว โดยรวมขนาดตัวถังใกล้เคียง Tiida เล็กน้อยแต่ความกว้างตัวถังนั้นกว้างกว่าพอสมควร

แต่ที่แน่ ๆ Nissan Juke ถือเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง B-Platform (ร่วมกับ Tiida และ Cube) ที่มีความกว้างแทร๊คล้อกว้างที่สุดคือ 1,525 มม.

 
 

การออกแบบภายในทีมงานนำเสนอจุดขายด้วยแผงคอนโซลกลางที่ได้แรงบันดาลใจจากอานรถจักรยานยนต์ระดับ Big Bike ซึ่งเป็นตำแหน่งถังวางน้ำมันนั่นเอง ทรงเสน่ห์ด้วยทรวดทรงโค้งเว้าและมีมิติ หนำซ้ำยังพ่นสีทับเหมือนกับสีตัวถังเหล็กจริง ๆ อีกด้วย

แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูสปอร์ตปราดเปรียวแต่ Nissan ก็ยืนยันว่า Juke สามารถบรรจุผู้โดยสาร 5 ที่นั่งได้นะครับซึ่งแตกต่างจากรถต้นแบบ Qazana ที่ไม่สามารถนั่งได้เลย อย่างน้อย ๆ ห้องโดยสาร Juke ก็ยังมีเนื้อที่หัวเข่าด้านหลังเหลือครับ

ห้องสัมภาระอาจจะผิดคาดเล็กน้อยเพราะมีเนื้อที่ระดับ 251 ลิตรในระดับรถแฮทช์แบคเล็กทั่วไปหรืออาจจะดีกว่าเล็กน้อย

 
 

ขุมพลัง Nissan Juke ถือเป็นไฮไลต์เด็ดชนิดที่ห้ามกระพริบตาเด็ดขาดเมื่อ Nissan ส่งเครื่องยนต์ตัวใหม่รหัส MR16DDDT บล๊อก 1.6 ลิตร ฉีดเชื้อเพลิงตรง (DI) พร้อมเทอร์โบชาร์จทำให้รีดพิษสงแรงม้าสะใจมากถึง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.24 กิโลกรัมเมตร

ถ้าว่ากันตามตรงเครื่องยนต์ MR16DDT จัดเป็นเครื่องที่มีอุปกรณ์ช่วย Booster ที่แรงแซงเครื่อง Ecoboost 1.6 ลิตร ของ Ford ที่ขึ้นชื่อว่าแรงที่สุด

จุดเด่นของเครื่อง MR16DDT คือการลดการเสียดทานและน้ำหนักเบาด้วยสารเคลือบพิเศษบริเวณบ่าวาล์วและแคมชาฟท์ ผลจากการใช้ระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงก็ทำให้มีพละกำลังเครื่องมากขึ้น ประหยัดขึ้น ลดมลพิษ รวมทั้งการมีเทอร์โบชาร์จและอินเตอร์คูลเลอร์ก็ยิ่งช่วยเพิ่มพละกำลังเข้าไปอีก

 
 

MR16DDDT ยังติดตั้งวาล์วแปรผันคู่ทั้งฝั่งไอดีและฝั่งไอเสียที่เรียกว่า Twin VTC หลักการคล้าย ๆ กับ Dual VVT-I ซึ่งระบบนี้ทำให้การตอบสนองรอบเครื่องต่ำได้ดีด้วย

ผลก็คือเครื่องตัวนี้สามารถรีดสมรรถนะเหมือนเบนซิน 2.5 ลิตรไร้อัดอากาศใด ๆ แต่ก็มีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเหมือนเครื่อง 1.6 ลิตรทั่ว ๆ ไป

เครื่องยนต์ MR16DDT ติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อนสองล้อ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมเกียร์ XtronicCVT M6 หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ

 
 

หากคิดว่าเครื่อง MR16DDT นั้นแรงเกินไปโปรดหันมาดูเครื่อง HR16DE ซึ่งเป็นบล๊อกเดียวกับ Tiida ในบ้านเราแต่มันเป็นเวอร์ชันปรับปรุงใหม่หลาย ๆ อย่าง อาทิ ติดตั้งวาล์วแปรผันคู่ Twin VTC,เคลือบบ่าวาล์วด้วยสารเคลือบลดแรงเสียดทาน เช่นกัน

และไฮไลต์เด็ดสำหรับเครื่อง HR16DE เวอร์ชันใหม่นี้คือมันมาพร้อมกับหัวฉีดคู่ครั้งแรกในโลกซึ่งเป็นนวตกรรมชิ้นเอกที่ Nissan สร้างสรรค์แต่เพียงผู้เดียวในโลก ช่วยทำให้การเผาไหม้สะอาดสมบูรณ์มากขึ้น

ผลจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เพิ่มสมรรถนะมากถึง 117 แรงม้า (PS) สมรรถนะดีขึ้น 6% เมื่อเปรียบเทียบกับเวอร์ชันก่อน แรงบิดเพิ่มเป็น 15.87 กิโลกรัมเมตรหรือดีขึ้นกว่าเดิม 5.8%

เครื่องยนต์บล๊อกนี้จับคู่กับธรรมดา 5 จังหวะหรือเกียร์ XtroniCVT ลูกใหม่(ที่เตรียมพร้อมจะติดตั้งใน Nissan Ecocar ประเทศไทย) ด้วยจุดเด่นด้านการเพิ่มสมรรถนะและการลดขนาดของเกียร์  มีให้เลือกเฉพาะรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าเท่านั้น

 
 

เครื่องยนต์ทางเลือกสุดท้ายคือดีเซลรหัส K9K 1.5 ลิตร 8 วาล์วจาก Renault 110 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 24.24 กิโลกรัมเมตรที่ 1,750 รอบต่อนาที จับคู่เกียร์ธรรมดาเท่านั้น และมีทั้งรุ่นขับสองและขับสี่

ระบบช่วงล่างของ Nissan Juke ด้านหน้าเป็นแมคเฟอสันสตรัท แต่ด้านหลังกลับแตกต่างกันหากเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้าจะเป็นทอร์ชันบีม หากเป็นรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อก็จะเป็นมัลติลิงค์

 
 

กลุ่มเป้าหมายของ Juke คงต้องย้ำอีกครั้งว่า Nissan กำลังจะปลุกสัญชาติญาณแห่งความแปลกใหม่อีกครั้งหนึ่ง สำหรับผู้ที่เบื่อกับรถยนต์ B-segment ในปัจจุบันเต็มทนซึ่งล้วนแต่ขาดความเร้าใจ และ Juke ก็จะสามารถจับตลาดคนรุ่นใหม่ได้จำนวนมากพอสมควร

Nissan คาดหวังว่า Juke จะสามารถจกกลุ่มลูกค้าที่คิดจะซื้อรถระดับ B-Segment จำนวนมากและยังสามารถจกผู้ที่ลังเลจะซื้อรถระดับ C-Segment ได้อีกด้วย อย่าเพิ่งงงครับ แต่นั่นคือแนวทางการตลาดที่ Nissan เคยประสบความสำเร็จกับ Qashqai ในยุโรปที่สามารถจ้วงเอาลูกค้า C-Segment ได้เป็นจำนวนมากและสามารถฉกเอากลุ่มลูกค้า D-segment ได้สำเร็จตามเป้าหมายอีกด้วย

กำหนดวางจำหน่าย Nissan Juke ทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาคือเดือนตุลาคมปีนี้เป็นล๊อตแรก

สุดท้าย ลูกค้าชาวไทยคงจะได้มีโอกาสสัมผัสรถครอสโอเวอร์เหมือน ๆ ที่ชาว Asean หลายคนใฝ่ฝันเหลือเกิน

เรื่องมีอยู่ว่าฝ่าย Product Planning ในอาเซียนทั้งไทย,อินโดนีเซีย,มาเลย์เซีย และฟิลิปปินส์ ต่างเรียกร้องให้ Nissan Motor Limited ประเทศญี่ปุ่น (ขออนุญาตเรียกย่อ ๆ ว่า NML)นำรถครอสโอเวอร์รุ่น Qashqai มาขายบ้างเทอญ เพราะมันยังมีช่องว่างในตลาดบาน และมันน่าจะขายได้และมีอนาคตมากกว่า X-trail เสียอีก

ท้ายที่สุด NML ประเมินดูแล้วว่า Qashqai ไม่น่าจะได้รับความนิยมในอาเซียน(ตรงไหน?)ซึ่งสวนทางกับความต้องการลูกค้าในแถบนี้โดยเฉพาะตลาดประเทศไทยและมาเลย์เซียที่ถือว่าเป็นประเทศที่เรียกร้องให้ Nissan นำรถรุ่นอื่น ๆ ที่ตรงกับความต้องการลูกค้ามาขายมากกว่าที่จะเป็นรถที่ขายในปัจจุบัน แน่นอนภาระความรับผิดชอบต่อเสียงก่นด่าจากลูกค้าในท้องถิ่นก็คือทีมงานผู้บริหารและการตลาด Nissan ในท้องถิ่นด้วยประโยค

“รถดี ๆ ทำไมไม่รู้จักเอาเข้ามาขาย”

ในเมื่อ NML ประเทศญี่ปุ่นได้รับคำสวดยับเยินจากลูกค้าและฝ่ายการตลาด Nissan ทั่วอาเซียนอย่างพร้อมเพรียงกันว่าทำไมถึงไม่อยากให้ Qashqai เข้าไปประกอบขายในอาเซียนเสียทีอย่างหนักหน่วง (รวมถึงรุ่นอื่น ๆ ด้วย)  ประกอบกับ NML เริ่มต้องเร่งสปีดการเจริญเติบโตในอาเซียนให้บรรลุเป้ามากที่สุด (ก่อนหน้าพลาดเป้าหมายรวมในอาเซียน โดยประเทศไทยเป็นตลาดหนึ่งที่มีปัญหาทำให้ถ่วงดุลการเติบโตในภาพรวม แม้ประเทศอินโดนีเซียและมาเลย์เซีย จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย) เพราะชัดเจนแล้วว่าตลาดอาเซียนเติบโตเร็วและมีอนาคตที่สดใสแม้จะโดนพิษเศรษฐกิจเล่นงานก็ตาม

 
 

ดังนั้น NML จึงอนุมัติให้หนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนสามารถผลิตรถ Nissan Juke ขายทั่วอาเซียนและส่งออกได้ และโอกาสช่องทางการขายก็มีมากกว่า Qashqai อยู่พอประมาณเพราะ
–    ตลาดอินโดนีเซีย ยังมีตลาด SUV ขนาดเล็กที่กำลังเป็นดาวรุ่งชัชวาลรองจากตลาด MPV ขนาดเล็กที่ Nissan ตีตลาดด้วย Grand Livina จนประสบความสำเร็จ หากจะนำรถ SUV เล็กมาประกอบขายในขณะที่ตลาดเริ่มฮอตขึ้นแล้วทำไมจะไม่เอามาขายล่ะ จริงไหม
–    Nissan Juke สามารถอุดช่องว่างระหว่างรถเล็ก Nissan L02B และรถคอมแพคท์รุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่นที่จะต้องยกระดับภาพพจน์ไปหา Corolla,Civic,3 และ Lancer อย่างเต็มตัว
–    ตลาดรถอเนกประสงค์ที่มีขนาดเล็กและถูกกว่า X-trail และ CR-V ยังว่างอยู่เอามาก  ๆ
–    Nissan สามารถสร้างความแตกต่างและเป็นจ่าฝูงในเซกเมนต์นีด้วย สุดท้ายผลก็ออกมาในรูปของแบรนด์ที่น่าสนใจมากขึ้น

เมื่อนับข้อดีได้ 4 ประการจึงไม่แปลกใจว่า NML จึงอดทนรอคอยการมาของ Juke มากกว่า Qashqai เพราะโอกาสในการทำตลาดแล้วมีแววรุ่งมีสูงกว่านั่นเอง

ส่วนคนไทยจะได้ยลโฉมเมื่อไรนั้นคงต้องอดใจรอราวปลายปี 2011 ถึงต้นปี 2012 ก็จะได้เวลาของการทำตลาดรถประเภท Crossover SUV ระดับ B-Segment คันแรกของเมืองไทย