นางสาวชไมพร ปภัสร์พงษ์ ผู้อำนวยการโครงการ Skill Driving Experience เปิดเผยว่า หากถามคนในประเทศไทยว่า “ขับรถได้หรือไม่” เชื่อว่า
จะสามารถหาคำตอบได้ไม่ยาก โดยดูจากปริมาณรถบนท้องถนนในปัจจุบัน แต่หากถามว่า “ขับอย่างไรให้ปลอดภัย” เชื่อว่ามีเพียงไม่กี่คน
ที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ว่าขับรถอย่างไร เรียกว่าขับปลอดภัย และลดโอกาสเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุด Motor Expo โดยสื่อสากล ร่วมกับ
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) จัดโครงการ Skill Driving Experience ฝึกอบรมทักษะการขับขี่ขั้นสูงแก่นักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เพื่อสร้างส่วนร่วม
ในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งปัญหาส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากความประมาทและขาดทักษะการควบคุมรถกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
 
alt

สำหรับปีแรกที่ทำกิจกรรมร่วมกับมหาวิทยาลัย ได้นำร่องที่เอแบคเป็นแห่งแรก โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาจำนวน 40 คนเข้ารับการอบรมโดยโครงการ
Skill Driving Experience แบ่งการฝึกอบรมเป็นภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เพื่อเรียนรู้ถึงระบบการขับเคลื่อนของรถ ระบบความปลอดภัยของรถ ระยะเบรค ความสำคัญของ
ยาง การปรับเบาะ และท่านั่งที่ถูกต้อง วิธีจับพวงมาลัย ซึ่งในภาคปฏิบัติได้จำลองสถานีฝึกปฎิบัติจริงขึ้น 2 สถานี ประกอบด้วย 1.การแก้ไขอาการรถเวลาเสียหลัก
(Over/Under-steering) 2.เรียนรู้การควบคุมอาการรถเวลาเสียหลัก (Emergency Handling) และปิดท้ายด้วยการแสดง Hot Lap พร้อมทบทวนบทเรียน
ที่ได้ฝึกอบรมมา ซึ่งนักศึกษาจะได้รับประกาศนียบัตรของโครงการด้วย
 
โครงการ ฯ ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจาก พันธมิตร ได้แก่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท มอเตอร์อิมเมจ ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด
และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) รวมถึงกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ที่เปิดให้ใช้สนามเป็นสถานที่จัดฝึกอบรม

alt
 
ตลอด 1 วันเต็มนักศึกษาได้รับการถ่ายทอดความรู้จากครูฝึกมืออาชีพ อาทิ ณัฐวุฒิ เจริญสุขะวัฒนะ สิรคุปต์ เมทะนี และวุฒินันท์ สภาวสุ รวมถึงครูฝึกที่เชี่ยวชาญ
ด้านรถยนต์อีกหลายท่าน ซึ่งมีเทคนิคการสอนที่เข้าใจง่ายและสนุกสนาน

ด้านอาจารย์บัญชา สกุลดี ผู้ช่วยรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญยินดีที่จะให้การสนับสนุนโครงการ
เนื่องจากเล็งเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่นักศึกษา ซึ่งภายหลังประชาสัมพันธ์โครงการภายในมหาวิทยาลัยนั้นได้รับความสนใจจากนักศึกษาสมัครเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
 
ซึ่งจากการพูดคุยพบว่านักศึกษาให้ความสำคัญกับการขับขี่ปลอดภัยมากขึ้น เพราะทราบดีว่าปัจจุบันสถิติอุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและส่วนใหญ่เกิดกับวัยรุ่นที่มี
ความคึกคะนอง ประมาทและขาดสติ จึงคาดหวังว่าโครงการ Skill Driving Experienceจะมีส่วนช่วยให้คำแนะนำพร้อมเทคนิคการขับรถยนต์อย่างไรให้ปลอดภัยแก่นักศึกษา
ไม่ใช่เพียงแค่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญแต่หมายความรวมถึงนิสิตนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาอื่นๆ ที่จะได้มีโอกาสรับความรู้เช่นนี้และนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ให้เกิดประโยชน์ต่อไป