หลังจาก BMW ค่ายรถยนต์หรูจากเยอรมนีได้โชว์ภาพ 2016 BMW 3-Series LCI หรือ Life Cycle Impulse-ศัพท์ประจำค่ายใบพัดสีฟ้า
อันหมายถึงรุ่นปรับโฉม (Minorchange) ที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นเอง วันนี้ มีรายละเอียดของรถยนต์รุ่นนี้ที่น่าจับตามอง
หลังจากหลายคนผิดหวังกับรูปลักษณ์อันคล้ายกับรุ่นก่อนปรับโฉมจนแทบจะแยกกันไม่ออกเลย

BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_01 BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_35

เทคโนโลยีเด่นที่แม้จะไม่ใหม่แกะกล่องอะไร แต่ก็เป็นความเปลี่ยนแปลงใหญ่ใน BMW 3-Series ตัวถัง F30 นี้
ได้แก่เทคโนโลยีหลอดไฟ LED ซึ่ง BMW จัดเต็มให้กับ BMW 3-Series LCI แบบไม่มีกั๊ก ทั้งโคมไฟหน้า
LED ทั้งโคม พร้อมออพชั่นระบบ BMW Selective Beam พัฒนาต่อจากระบบ BMW Adaptive LED ด้วยการ
ใช้กล้องด้านหน้าเพื่อคำนวณและหักเหแสงไฟสูงไม่ให้แยงสายตาผู้ขับขี่อื่นบนท้องถนน และโคมไฟท้ายแบบ LED ทั้งโคม ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นใจ
สำหรับแฟนๆ 3-Series หลังจาก F30 รุ่นก่อนปรับโฉมทิ้งหลอดไฟ LED สำหรับไฟเลี้ยวด้านท้ายไปเสียดื้อๆ ทั้งๆที่ตัวถัง E90 LCI มีมาให้

BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_22

นอกจากเทคโนโลยี LED ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว BMW ยังเปลี่ยนแปลงรุ่นตกแต่ง
ด้วยการยกเลิกรุ่น Modern Line ทิ้งไป เหลือเพียง Sport Line และ Luxury Line ให้ลูกค้าได้เลือกตกแต่งรถยนต์
ของตนเท่านั้น ซึ่งเหตุผลก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า Modern Line ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ชัดเจน และลูกค้ายังคง
นิยมการตกแต่ง 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่แบบสปอร์ต โฉบเฉี่ยว และแบบหรูหรา ภูมิฐาน นั่นเอง นอกจากนี้ยังมีสีตัวถัง
เพิ่มเข้ามาอีก 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Mediterranean สีเงิน Platinum และสีน้ำตาล Jatoba

BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_23 BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_30
ภายในห้องโดยสารมีความเปลี่ยนแปลงทางรูปลักษณ์น้อยมาก โดยยังคงงานออกแบบเดิมไว้แทบไม่เปลี่ยนแปลง
มีเพียงการเปลี่ยนที่วางแก้วให้มีฝาปิดแบบเลื่อน แต่เทคโนโลยีที่น่าสนใจกลับอยู่ที่ระบบอินโฟเทนเมนต์ BMW iDrive
ที่มาพร้อมกับระบบนำทางแบบใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับหน้าจอ Head-up Display แบบสี พัฒนาระบบนำทาง
ให้แสดงรายละเอียดแผนที่ 3 มิติได้สมจริงมากขึ้น รวมถึงเพิ่มรายละเอียดแผนที่และจุดสนใจใหม่ๆ ทำให้ใช้งาน
ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม และที่สำคัญ เป็นครั้งแรกที่ BMW นำเอาระบบเชื่อมต่อเทคโนโลยี LTE จากสมาร์ทโฟนมาใช้
กับ 3-Series เพื่อทำให้การค้นหาข้อมูลและเชื่อมต่อกับโลกอินเทอร์เน็ตได้เร็วและคล่องตัวกว่าเดิม

BMW-3-Series_2016_800x600_wallpaper_3a
ขุมพลังเป็นอีกความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่น่าจับตามองว่าจะมีความเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเราบ้าง? เพราะ BMW
จับเอาเครื่องยนต์ 3 สูบ เบนซิน พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo ขนาด 1.5 ลิตร จาก MINI (F56) และ
BMW 1-/2-Series มาใช้กับ BMW 3-Series ในรหัส BMW 318i ด้วยการสร้างกำลังได้ 136 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 220 นิวตัน-เมตร จนน่าตั้งคำถามว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้มีสิทธิ์เข้ามาจำหน่ายบ้านเราในฐานะ
รุ่นเริ่มต้นของ BMW 3-Series หรือเปล่า?

ในขณะที่รหัส 320i มีการใส่ขุมพลังบล็อกใหม่ แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 184 แรงม้า ถึงแม้ตัวเลขกำลัง
จะเท่าเดิม แต่มีความเปลี่ยนแปลงด้านแรงบิดที่เพิ่มขึ้นเป็น 290 นิวตัน-เมตร แทน และรหัส 328i ถูกแทนที่ด้วย
รุ่น 330i ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo เหมือนเดิม แต่เพิ่มแรงม้าเป็น
252 ตัว แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร (แต่ในไทย ก็จะยังมีแรงม้า 218 ตัว ด้วยเหตุผลด้านภาษีอยู่ดี)

นอกจากนี้ BMW ยังเปิดตัวเครื่องยนต์รุ่นท้อปใหม่ ด้วยรหัส 340i เพื่อแทนที่ 335i ใช้เครื่องยนต์เบนซินใหม่
แบบเบนซิน 6 สูบเรียง ทำด้วยวัสดุอะลุมิเนียมทั้งหมด ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ TwinPower Turbo
ให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็น 326 แรงม้า พร้อมแรงบิด 450 นิวตัน-เมตรกันเลยทีเดียว ทำเวลา 0-100 กม./ชม.
ด้วยตัวเลขเพียง 5.1 วินาทีเท่านั้น

ด้านเครื่องยนต์ดีเซลมีความเปลี่ยนแปลงในรุ่น 320d ที่มีการเพิ่มแรงม้าขึ้นมาอีก 6 ตัว เป็น 190 แรงม้า
ซึ่งคาดว่าในไทยก็จะได้รับการอัพเกรดขุมพลังนี้ด้วย
ขุมพลังทั้งหมด จะถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบส่งกำลังแบบใหม่ ทั้งแบบธรรมดา 6 จังหวะ และอัตโนมัติ 8 จังหวะ
ซึ่ง BMW เผยว่า แม้จะมีจำนวนจังหวะเท่าเดิม แต่ถูกปรับปรุงใหม่ให้เน้นความราบลื่นในการเปลี่ยนเกียร์
และสร้างความประหยัดน้ำมันมากขึ้น

นอกจากนี้ BMW 3-Series LCI ยังเป็นครั้งแรกที่ BMW ตัดสินใจเปิดตัวเวอร์ชั่น Plug-in Hybrid ด้วยชื่อ
BMW 330e เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยยังอุบรายละเอียดของขุมพลังนี้ออกมา กล่าวเพียงว่าสามารถ
สร้างกำลังได้ 252 แรงม้า และมีแรงบิดรวม 420 นิวตัน-เมตร สร้างตัวเลข 0-100 กม./ชม. ได้ 6.3 วินาที
ในขณะที่จิบน้ำมันเพียง 47.6 กม./ลิตร และปล่อยค่าไอเสียออกมาต่ำเพียง 49 กรัม/กม. เท่านั้น สามารถวิ่ง
ด้วยพลังไฟฟ้าล้วนไกล 35 กิโลเมตร

ด้านระบบความปลอดภัย เป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ BMW พัฒนาระบบ Driving Assistant Package ให้เลือกติดตั้ง
โดยเป็นแพคเกจควบรวมระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบเตือนคนข้ามถนน, ระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ
และระบบเตือนการเปลี่ยนเลนเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อสร้างความสะดวกสบายพร้อมความปลอดภัยสูงสุด นอกจากนี้ยัง
มีการติดตั้งระบบช่วยถอยจอดอัตโนมัติทั้งแบบเข้าซองและแบบจอดขนานให้อีกด้วย

2016 BMW 3-Series LCI เป็นมากกว่าแค่การแต่งหน้าทาปากเพิ่มความสดใหม่ทางรูปลักษณ์แน่นอน เพราะ
ภายใต้งานออกแบบที่คล้ายรุ่นก่อนปรับโฉม มีการจัดหนักในทุกงานวิศวกรรมของตัวรถ สำหรับประเทศไทย
น่าจะได้เจอกันช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ที่มา : BMW