สงคราม Premium Executive Car ในเจเนอเรชั่นนี้ร้อนแรงพอสมควร เพราะทั้ง BMW, Mercedes-Benz
และ Audi ต่างงัดไม้เด็ดมาใส่ในรถยนต์ของตน จนขายดิบขายดีไปทั่วโลก ร้อนไปถึง Audi A6 เจเนอเรชั่นล่าสุด
ที่ถูกเปิดตัวในปี 2011 ต้องเร่งปรับโฉมกันแล้ว เพื่อเพิ่มความสดใหม่ทั้งในด้านรูปลักษณ์และงานวิศวกรรม

alt
alt

คราวนี้ค่ายสี่ห่วงขอปรับภาพลักษณ์ของ Audi A6 ให้กลายเป็นหนุ่มมาดหรูติดสปอร์ตกว่าเดิม ด้วยการออกแบบ
กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมพร้อมกันชนหน้าและหลังแบบใหม่ รวมทั้งออกแบบโคมไฟหน้าและไฟท้ายใหม่
ที่สำคัญคือการออกแบบรายละเอียดภายในโคมให้โฉบเฉี่ยวกว่าเดิม โดยสามารถเลือกติดตั้งเทคโนโลยีล้ำยุค
‘Matrix LED’ ที่ Audi กล่าวว่าช่วยส่องแสงสว่างและให้สัญญาณไฟได้ดีกว่า ส่วนภายในห้องโดยสารมีเพียงการ
ปรับปรุงรายละเอียดตกแต่งเพียงเล็กน้อย

alt

ยิ่งไปกว่านั้น ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่อยู่งานวิศวกรรมเครื่องยนต์ เพราะทั้งเครื่องยนต์เบนซิน TFSI และ
เครื่องยนต์ดีเซล TDI ถูกปรับปรุงใหม่ จนปล่อยก๊าซไอเสียได้น้อยและผ่านข้อกำหนด Euro 6 ได้หมด

เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ TFSI ขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ Audi A6 ที่มีขุมพลัง
ขนาดต่ำกว่า 2 ลิตร สามารถปล่อยก๊าซไอเสียได้ออกมาต่ำเพียง 133 กรัม/กม. และประหยัดเชื้อเพลิงต่ำ
เพียง 17.5 กม./ลิตร โดยยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขสมรรถนะออกมา

alt

การเพิ่มตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ทำให้ Audi ตัดสินใจยกเลิกขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตรทิ้งไป
โดยเหลือเพียงเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร TDI ในตระกูล Ultra ให้กำลัง 150 แรงม้า โดยที่จิบน้ำมันเพียง 23.8 กม./ลิตร
และปล่อยก๊าฟไอเสียออกมาเพียง 109 กรัม/กม. ซึ่งในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลทั้งหมดจะถูกติดตั้งสปริงช่วงล่าง
ด้วยวัสดุใหม่ GFRP หรือ Glass Fiber-reinforced Polymer (วัสดุโพลิเมอร์ผสมใยแก้ว) เพื่อช่วยหั่นน้ำหนัก
ลง 4.4 กิโลกรัม อีกทั้งรถยนต์ในตระกูล Ultra ทั้งหมดจะได้ใช้เกียร์อัตโนมัติ S Tronic ลูกใหม่ที่เน้นความประหยัด
เป็นพิเศษ

นอกจากนี้ Audi ยังอัพเดทขุมพลังดีเซลบล็อกใหญ่ที่สุดใน A6 อย่างเครื่องยนต์แบบ V6 ขนาด 2.0 ลิตร TDI
ที่เพิ่มพละกำลังให้ใช้ 2 ระดับด้วยกัน คือ 218 และ 272 แรงม้า และยังมีเวอร์ชันเทอร์โบคู่ ให้กำลัง 320
และ 326 แรงม้า (ในรุ่น Competition ซึ่งสามารถรีดกำลังสูงสุดได้ถึง 346 แรงม้าในช่วงเวลาสั้นๆ)

alt
alt
alt

ถ้ายังแรงไม่สะใจ ต้องหันไปคบกับ Audi S6 ซึ่งจะเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบ
TFSI ให้กำลัง 450 แรงม้า สร้างอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.4 วินาที และแรงกันสุดๆแบบท้อปออฟเดอะไลน์
ด้วย Audi RS6 ที่มีให้เลือกเพียงตัวถัง Avant เพียงตัวถังเดียว มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 560 แรงม้า และสร้างอัตราเร่ง
0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.9 วินาทีเท่านั้น

2015 Audi A6 พร้อมออกจำหน่ายในเยอรมนีบ้านเกิด กันก่อน โดยเมืองไทยนั้นมีสิทธิ์อาจได้โอกาสเข้ามาจำหน่ายเหมือนกัน
แต่น่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เพียงรุ่นเดียวเท่านั้น

alt