หลังจากที่ Ford ออกมาประกาศแนวทางในการดำเนินธุรกิจ โดยจะแตกไลน์ออกเป็น 3 แบรนด์ ย่อยได้แก่ Ford Model e Ford Pro และ Ford Blue ตามรายงานที่เรานำเสนอไปก่อนหน้านี้ ทาง Ford ก็ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Ford Model e และ Ford Pro ในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ ทั้งรถยนต์นั่งและรถยนต์เชิงพาณิชย์ตามลำดับ โดยเตรียมเปิดตัวรถ EV ภายใต้ทั้ง 2 แบรนด์ อีก 7 รุ่น ภายในปี 2024 ทำให้ เมื่อรวมกับ Mach-E ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2021 และ E-Transit ที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาสที่ 2 ของ ปี 2022 นี้

*** Mustang Mach-E และ E-Transit เปิดตัวในช่วง ปีที่แล้ว จนถึงปีนี้ จากทั้งหมด 9 รุ่น ดังนั้น เราจึงระบุว่า ยังมีอีก 7 รุ่น ตามแผน ที่จะต้องเปิดตัวต่อเนื่องจนถึงปี 2024***

Jim Farley ประธานของ Ford และ CEO กล่าวว่า “เราตั้งใจที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในยุโรป ให้สอดคล้องกับความต้องการพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิตอลระดับสูงภายในระยะเวลาอันใกล้นี้”

สำหรับรถทั้ง 7 รุ่น จะแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่งจำนวน 3 รุ่น และ รถยนต์เชิงพาณิชย์จำนวน 4 รุ่น ในส่วนของรถยนต์นั่งจะเริ่มด้วย Medium-sized crossover 5 ที่นั่ง รุ่นใหม่หมดจด ที่จะถูกผลิตในโรงงานเมือง Cologne ประเทศเยอรมัน ในปี 2023 โดยจะเปิดเผยชื่อรุ่นในช่วงปลายปี 2022 นี้ ที่น่าสนใจก็คือรถรุ่นนี้เป็นความร่วมมือกับ Volkswagen หรือ ใช้พื้นฐานจาก MEB platform ที่มีใช้ใน SUV อย่าง Volkswagen ID.4 โดย Ford เคลมระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ 1 ครั้งสูงถึง 500 กิโลเมตร

รุ่นต่อมาจะเป็นรถ Sports crossover ที่น่าจะมีขนาดใกล้เดียงกับ Volkswagen ID.5 GTX เนื่องด้วยกระแสของรถประเภทนี้ที่ Ford ได้รับกระแสตอบรับดีจากทั่วยุโรปโดยยอดขายในปี 2020 พวกเค้าขายรถ SUV และ Crossover ไปมากกว่า 58% ของยอดขายรวม จึงทำให้รถ EV รุ่นที่ 2 นี้ก็จะถูกผลิตในโรงงานเดียวกับรุ่นพี่ที่ Cologne ทำให้โรงงานนี้เป็นศูนย์กลางของรถ EV ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ เนื่องจาก Ford เองก็ได้วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตรถ EV ในโรงงานแห่งนี้ให้สูงถึง 1.2 ล้านคัน ในช่วง 6 ปีหลังจากนี้ พร้อมโรงงานแบตเตอรี่แห่งใหม่ที่เตรียมรับมือกับกำลังการผลิตในอนาคตที่จะเปิดใช้งานได้ในปี 2024 พร้อมกับรถ Sports crossover รุ่นดังกล่าว

หลังจากนั้นในปี 2024 รถยนต์นั่งที่ขายดีที่สุดในขณะนี้อย่าง Puma ก็จะถูกเสริมทัพด้วยรุ่นไฟฟ้า 100% ในปี 2024 แต่จะถูกผลิตจากโรงงาน Craiova ในประเทศโรมาเนีย

ในขณะที่รถเพื่อการพาณิชย์อีก 4 รุ่น ในตระกูล Transit ได้แก่ Transit Custom รถแวนขนาด 1 ตัน และ Tourneo Custom รถอเนกประสงค์ เปิดตัวพร้อมกันในปี 2023 ในขณะที่ Transit Courier และ Tourneo Courier ที่มีขนาดย่อมลงมาจะเปิดตัวในปี 2024

นอกจากนี้ Ford ยังขยายความร่วมมือไปยัง SK On Co., Ltd. และ Koç Holding ในประเทศตุรกี เพื่อสร้างสายพานการผลิตแบตเตอรี่รถ EV ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป รองรับความต้องการแบตเตอรี่แบบ High Nickel NMC จากทั้งทวีป โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 30-45 GWh ต่อปี เมื่อเริ่มดำเนินการในปี 2025 นี้

อย่างไรก็ตามโรงงานที่ Craiova นอกจากจะถูกวางแผนไว้ให้ประกอบรถ EV แล้ว ยังถูกกำหนดให้ประกอบรถเพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ Transit Courier และ Tourneo Courier เวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปภายในตั้งแต่ปี 2023 และเวอร์ชั่นขุมพลังไฟฟ้า 100% ในปี 2024

ด้วยแนวทางทั้งหมดนี้ ทำให้ Ford สามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายรถ EV ทั้งจากรถยนต์นั่งและรถเพื่อการพาณิชย์ในยุโรปรวมแล้ว 6 แสนคัน ภายในปี 2026 นี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายกลาง ที่ Ford ต้องการจะสร้างยอดขายรถ EV ให้ได้มากถึง 2 ล้านคันทั่วโลก เมื่อครบปี 2026 แน่นอนว่า Ford เองก็ผลักดันนโยบาย Zero emissions เช่นเดียวกับค่ายรถอื่นๆ ซึ่งพวกเค้าวางแผนว่า ในตลาดทวีปยุโรปนี้ ต้องดำเนินธุรกิจแบบ Carbon neutral ครบวงจรตั้งแต่การผลิต การขนส่ง รวมไปถึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ภายในปี 2035

Stuart Rowley หัวเรือใหญ่ Ford ยุโรป กล่าวทิ้งท้ายว่า “การปรับทัพครั้งสำคัญด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% นี้ เป็นหัวหอกสำคัญที่จะทำให้ Ford สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทั่วทั้งภูมิภาคยุโรป นอกเหนือไปจากการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อโลกมนุษย์”

——————–///———————

ที่มา: Ford