Nissan Kicks e-POWER (MY 2022) เตรียมเปิดเดือน พฤษภาคม 2022 นี้

Nissan Motor (ประเทศไทย) ตัดสินใจส่ง Kicks e-POWER ลงสู่ตลาด Sub Compact Crossover SUV ในเมืองไทยที่ได้รับความนิยมและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2022 หวังแชร์ส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มที่มีทั้ง Honda HR-V, Toyota C-HR, MG ZS, Mazda CX-3 / CX-30 รวมไปถึง Subaru XV ในขณะนั้น

ทว่าการแบ่งเค้กก้อนโตไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะในตอนนั้น การเปิดตัว ติดขัดตะกุกตะกักไปหมดในหลายๆด้าน กว่าที่ Nissan จะพร้อมรถยนต์ส่งมอบให้กับลูกค้า เวลาก็ล่วงเลยหลังการเปิดตัวมานานถึง เกือบ 3 เดือน แถมมาเจอคู่รักคู่แค้นอย่าง Toyota ปล่อยหมัดเด็ดอย่าง Corolla Cross ออกมาเกทับบลัฟจนยอดขายแซงขึ้นหน้าไปก่อน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซ้ำร้าย พอย่างเข้าปลายปี 2021 อดีตเจ้าตลาดผู้ยึดหัวหาดมานาน อย่าง Honda HR-V ก็มีรุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ Full Modelchange  เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน หลังจากเตรียมตัวมาพอสมควรกับการทวงบังลังก์แชมป์คืนกลับมาจาก MG ZS นั่นจึงอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ Kicks e-POWER ไม่สามารถกวาดยอดขายได้เท่าที่ควรจะเป็น

ล่าสุด Nissan Motors (ประเทศไทย) เตรียมอัพเดทความสดใหม่ให้กับ Kicks e-POWER ด้วยรุ่นปรับอุปกรณ์ประจำปี 2022 (MY 2022) ซึ่งหลักใหญ่ใจความอยู่ที่การปรับปรุงรายละเอียดทางด้านระบบขับเคลื่อน e-POWER ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขุมพลังของ Nissan Kicks e-POWER (MY 2022) จะมีการปรับชุดมอเตอร์ไฟฟ้า และ Inverter ให้มีขนาดเล็กลง และน้ำหนักเบาขึ้น ในแง่ของการสะสมความร้อนอาจด้อยลงเล็กน้อย แต่ชดเชยด้วยการเพิ่มอุณหภูมิ Safe Mode (ไฟเต่าติดยากขึ้น) ขยายความจุแบตเตอรี่จาก 1.57 kwh เป็น 2.06 kWh (เพิ่มขึ้น 31%) นอกจากนี้ มอเตอร์ไฟฟ้ายังมีกำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 129 เป็น 136 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดเพิ่มขึ้นจาก 260 เป็น 280 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่งได้เร็วขึ้น และทำความเร็วสูงสุด Top Speed ได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ใครที่เคยเจอปัญหาเรื่องการใช้งานระบบ One-Pedal แล้ว เกิดปัญหา ไฟเบรกไม่ติดขึ้นมาแจ้งเตือนรถคันข้างหลัง ในบางเวลา คราวนี้ ปัญหาดังกล่าวจะหมดไป เพราะ Nissan จะมีการแจ้งเตือนไฟเบรกให้ผู้ขับขี่ได้รู้ บนหน้าจอชุดมาตรวัดกันเลยทีเดียว

Nissan Kicks e-Power MY2022 มีกำหนดจะออกสู่ตลาด ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2022 นี้ เป็นอย่างเร็วที่สุด และคาดว่า ราคาน่าจะปรับขึ้น ไม่เยอะไปจากเดิม มากนัก เพราะมิเช่นนั้น ยอดขายก็จะไม่เปรี้ยงปร้าง ตามเดิม

รายละเอียดและข้อมูลทั้งหมด รอติดตามได้ทาง Headlightmag.com


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ Click Here !