Lotus ได้เปิดตัว Emira GT4 เพื่อทดแทน Evora GT4 เป็นรถแข่งที่สร้างเพื่อให้สอดคล้องกับกฎการแข่งขันจาก FIA เพื่อให้ผ่าน Homologation และนำไปสู่การเป็นรถแข่งในสนาม ที่ถูกสร้างจากสนามบ้านเกิดของรถแข่ง Lotus ทุกคันตั้งแต่ปี 1966 ที่สนามทดสอบ Hethel และเป็นรถรุ่นแรกที่ออกจากแผนกน้องใหม่ Lotus Advanced Performance ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2022 นี้

 

ภายนอกยังคงไว้ซึ่งกระจกบังลมหน้าและกระจกประตูรอบคันตามพิกัดรถ GT4 ซึ่งมีการติดตั้งชุดแอโร่พาร์ทเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการจัดการกระแสลมที่ไหลผ่านตัวรถได้อย่างดีเยี่ยม เริ่มตั้งแต่กันชนหน้าพร้อมช่องดักลงคู่ขนาดใหญ่ตรงช่องทั้ง 2 ข้างของกันชนหน้า พร้อมลิ้นใต้กันชนสร้างแรงกดและจัดระเบียบกระแสลมใต้ท้อง ด้านท้ายติดตั้ง GT wing ขนาดใหญ่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา

ตัวถังถูกลดน้ำหนักให้เหลือเพียง 1,300 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว) ด้วยการใช้โครงสร้างหลักจากวัสดุอลูมิเนียมและเปลือกตัวถังทำจากวัสดุคอมโพสิต พร้อมทั้งล้ออัลลอย Forged น้ำหนักเบา และโรลเคจแบบ 6 จุด ตามมาตรฐาน FIA พร้อมเบาะนั่งแบบ Full-bucket seat มาตรฐาน FIA ที่มาพร้อมกับเข็มขัดนิรภัย 6 จุด ระบบดับเพลิงอัตโนมัติด้วยไฟฟ้า และปุ่มควบคุมระบบต่างๆ แยกเฉพาะ ปิดท้ายด้วยหน้าจอแสดงผลจาก Motec

 

เครื่องยนต์ จาก Toyota รหัส 2GR-FE เบนซิน V6 DOHC 24 วาล์ว ขนาด 3.5 ลิตร 3,456 ซีซี ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบแปรผันวาล์ว Dual VVT-I พร้อมระบบอัดอากาศ Supercharged จาก Harrop TVS 1900 กำลังสูงสุด 400 แรงม้า (PS)ที่ 7,200 รอบ/นาที

จับคู่กับเกียร์ Sequential จาก Xtrac 6 จังหวะ พร้อม Paddle shifters และ Limited Slip Differential

ช่วงล่างทั้งด้านหน้าและหลังใช้แบบ Double wishbone พร้อมโช้คอัพปรับระดับได้จาก Ohlins TTx พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง

ระบบเบรกจัดเต็มสำหรับรถแข่งพร้อม ABS จาก Bosch มาพร้อมกับล้อขนาด 18 นิ้ว ยางคู่หน้าขนาด 265/645×18 และคู่หลังขนาด 305/680×18 จาก Pirelli GT4

(Lotus Emira GT4 และ Lotus Type 30 1965 เครื่องยนต์เบนซิน V8 Ford 4.7 ลิตร)

Emira GT4 ได้ถูกจับจองหมดเป็นที่เรียบร้อยสำหรับล๊อตแรกของการผลิตในปี 2022 แต่ทาง Lotus ยืนยันว่าจะรีบผลิตล๊อตที่สองในปี 2023 เพื่อให้ทันต่อความต้องการจากทั่วโลก ด้วยราคาค่าตัว 165,000 ปอนด์ (7 ล้านบาท) ไม่รวมภาษีและค่าขนส่ง

ที่มา: Lotus