รถรุ่นนี้ทาง SAIC และ MG ได้ฝากความหวังไว้มากมาย เนื่องจากจะดันให้เป็นคู่แข่งกับ Volkswagen ID.3 ในตลาดยุโรปเลยทีเดียว ซึ่ง MG CyberE หรือ EH32 ได้เริ่มทยอยออกจากสายพานการผลิตแล้วที่โรงงานในจังหวัดหนิงเต๋อ มณฑลฝูเจี้ยน โดยได้รับการออกแบบจากความร่วมมือระหว่างทีมพัฒนาที่ประเทศอังกฤษและประเทศจีน เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายระดับตลาดโลก โดยจะเน้นไปที่ตลาดยุโรปเป็นหลัก

เมื่ออ้างอิงจากรูปสิทธิบัตรที่หลุดมาก่อนหน้านี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เจ้า MG CyberE จะมีความเป็นรถ EV ล้ำยุคมากกว่าเพื่อนร่วมค่ายทั้ง MG EP และ MG ZS โดยยังมาพร้อมการออกแบบภายในที่เน้นความสะดวกสบายเป็นหลัก

 

นอกจากนี้ ทาง MG ยังได้กล่าวว่าชื่อรุ่นตระกูล Cyber จะถูกนำมาใช้กับรถ EV อีกหลายรุ่นในอนาคตอันใกล้นี้ ที่จะทยอยเปิดตัวหลังจากตัวถัง Hachtback CyberE อันได้แก่ รถสปอร์ต Cyberster (เปิดรับจองในเมืองไทยเมื่องาน Thailand Motor Expo 2021) CyberS รถ SUV ที่มีรหัสรุ่น IP42 รวมไปถึงรถ SUV อีกรุ่นอย่าง CyberX ที่มีรหัสรุ่น AS34

 

ไฮไลท์ที่ทาง MG นำเสนอสำหรับ CyberE นอกเหนือจากพื้นฐาน Platform EV ที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่โดยเฉพาะ ยังทำการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 พร้อมเทคโนโลยี a smart cockpit และการเชื่อมต่อ 5G อีกด้วย

สำหรับข้อมูลด้านขุมพลังของ CyberE คาดว่าจะหยิบยกมาจาก MG Marvel R ซึ่งใช้มอเตอร์คู่กำลังสูงสุดถึง 288 แรงม้า โดย MG Marvel R ได้เริ่มทำตลาดในยุโรปแล้วตั้งแต่ต้นปี 2022 ที่ผ่านมา

ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานในจังหวัดหนิงเต๋อแห่งนี้ ยังเป็นโรงงานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ MG ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการผลิตทันสมัย ใช้การจัดการภายใต้ 3 เสาหลัก ได้แก่ Big data intelligence intelligent equipment และ Smart supply chain เพื่อให้สอดรับกับการผลิตรถ EV มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 300,000 คันต่อปี เมื่อคิดเฉลี่ยแล้วทุกๆ 1 นาที จะมีรถยนต์ 1 คัน ออกจากสายพานการผลิต

 

แน่นอนว่าตัวเลขระดับนี้จะรวมไปถึงรถส่งออกหลากรุ่น ได้แก่ MG HS plug-in hybrid ไปยัง ยุโรป นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ตะวันออกกลางและอเมริกาใต้ รวมทั้งประเทศไทย ทำให้เป็นฐานการผลิตรถ EV ที่ตอบสนองความต้องการโดยเฉพาะจากทวีปยุโรป ซึ่งทาง SAIC ตั้งเป้าที่จะส่งรถ ให้ได้กว่า 120,000 คัน ภายในปี 2022 ภายใต้ความสามารถของโรงงานแห่งที่ 4 ซึ่งก่อตั้งตั้งแต่ปี 2018

สำหรับความคืบหน้าของ MG CyberE ในประเทศไทย ทางทีมงาน Headlightmag จะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง

ที่มา: Carnewschina